“สุนทรี” ประกาศไม่รับรางวัลจากมือ “สมัคร” บอกเป็นเสนียด เผย “ลานนา” ถูกแกรมมี่ดอง เพราะแม่ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ประกาศร่วมม็อบไม่หวั่นอิทธิพลรัฐบาล เย้ยใครจะเชื่อคำพูดสมัคร ไม่มีใครกลัว พ.ร.ก.อยากประกาศอะไรก็ประกาศไป
เป็นหนึ่งในศิลปินที่ขึ้นเวทีพันธมิตรฯขับไล่ “ทักษิณ ชินวัตร” เมื่อหลายปีก่อน จนโดนขู่ฆ่า หรือแม้กระทั่งวางระเบิดที่ร้าน “เฮือนสุนทรี” จังหวัดเชียงใหม่ แต่ “สุนทรี เวชานนท์” ศิลปินล้านนาชื่อดัง ก็ไม่หวั่น ล่าสุด ก็พึ่งจะขึ้นเวทีพันธมิตรฯที่ทำเนียบรัฐบาล เพราะทนไม่ได้กับเหตุการณ์ที่ตำรวจสลายม็อบที่มัฆวาน
เผยหลังจากขึ้นเวทีพันธมิตรฯส่งผลกระทบต่อธุรกิจเป็นอย่างมาก แม้แต่ “ลานนา คัมมินส์” ลูกสาวก็ยังได้รับผลกระทบ โดนแกรมมี่ต้นสังกัดเรียกเข้าไปถามเรื่องที่แม่ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ จากนั้นก็ถูกต้นสังกัดดองไม่ให้ความสนใจ แต่อย่างไรก็ตามศิลปินล้านนาชื่อดัง ก็ยังมั่นใจทำในสิ่งที่ถูกต้อง และเชื่อมั่นในความดี พร้องทั้งประกาศประกาศไม่รับรางวัลภาษาถิ่นดีเด่นจาก “สมัคร สุนทรเวช” เพราะเป็นเสนียด
“จริงๆ อยากมาขึ้นที่เวทีพันธมิตรฯตลอด ทางเวทีเองก็ติดต่อมาโดยตลอด แต่ว่าทางเชียงใหม่เขาจับตามองเราอยู่ ตอนที่ไปขึ้นที่สวนลุมกับสนามหลวง กลับมาโดนอะไรเยอะแยะมาก โดนเผาหุ่น โดนป้ายเต็มเมือง โดนระเบิด ก็เลยคุยกันว่าก้าวต่อไปมันต้องละเมียดละไมหน่อยต้องดูจังหวะ เพราะไม่มีคนดูแลเรา พวกทหารที่คอยดูแลตอน คมช.ก็ถูกย้ายถูกโยกไปหมดแล้ว แต่ก็ยังยืนยันกลับไปทางเวทีว่าไปแน่”
“จะมาหลายรอบแล้ว แต่ลานนาเขาเป็นห่วงกลัวว่าเราจะเป็นอันตราย อย่างลานนาเองก็โดนเยอะ ลูกสาวสุนทรีก็จะโดนเหน็บโดนว่า เขาก็จะบอกว่าลูกโดนอีกแล้ว แม่ไม่รู้หรอกว่ามันเจ็บขนาดไหน เวลาที่มีคนมาใช้ภาษาที่ไม่ดีไม่งามกับเขา แม่อย่าพึ่งไปเลยรอก่อนได้ไหม”
“จนกระทั่งวันที่ตำรวจออกมาทุบพันธมิตรฯ ก็เลยไปคุยกับลูกว่าแม่ทนไม่ไหวแล้ว แม่ต้องไปแล้ว แม่รู้ว่าลูกอาจจะมีความสุขที่แม่อยู่ใกล้ลูก แต่แม่เห็นแก่ตัว มันไม่ได้นะลานนา ยูห้ามแม่ยูทำลายความเป็นปัจเจกของแม่มาก ยูทำลายตัวตนของแม่ ทำลายจิตวิญญาณของแม่ ทำลายความเชื่อมั่นของแม่ ไออยู่ที่นี่ได้นะ แต่ไอทุกข์นะ ทุกข์ที่เห็นพันธมิตรฯอยู่ในสภาพแบบนั้น”
“โอเคเราอาจจะไม่ได้ช่วยอะไรมากมาย แต่คนที่นั่นเขาก็ต้องการเราเหมือนกัน ก็บอกลานนาว่าขอแม่ไปเถอะ เขาก็คงเห็นเราทุกข์มากมันไม่ไหวแล้ว เขาก็บอกงั้นแม่ไปเถอะ แต่ว่าต้องโทร.หาเขาทุกระยะนะ ซึ่งจริงๆ ที่กรุงเทพฯไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่กลับไปเชียงใหม่เราเป็นเหมือนเป้าเปิด เพราะเราอยู่กับลูกแค่สองคน เวทีก็เปิด ร้านก็เปิดไม่มีคนดูแล แต่ก็ช่างมันเถอะอะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด เพราะมันไม่ไหวแล้ว”
ไม่หวั่นถึงแม้จะเคยโดนวางระเบิดที่ร้านมาแล้ว ในการมาขึ้นเวทีพันธมิตรฯเมื่อหลายปีก่อน
“ครั้งก่อนที่ออกมาโดนฟีดแบกเยอะมาก โดนระเบิดโดนอะไรแต่ก็ไม่กลัว เอาให้มันตายไปข้างหนึ่ง บอกได้เลยว่าถ้ามันทำร้ายเราเรื่องมันไม่จบ เปิดตัวแบบนี้ดีกว่าเราซุกเราซ่อนเราต้องไม่กลัวกับมัน เราเปิดตัวแบบนี้มันยิ่งไม่กล้า มันอาจจะเหน็บแนมเราบ้างแต่เราต้องก็ต้องเผชิญหน้ากับมันให้มันรู้ว่าเราไม่กลัว”
“สถานการณ์ที่เชียงใหม่ไม่ถึงกับรุนแรงมาก แต่ว่าตอนที่เราตั้งเวทีมันก็พยายามทลายเข้าไป ตรงนี้มีการจ้างมาจากเชียงราย ลำพังคนเชียงใหม่ไม่มี ในเมืองยิ่งไม่มี มีแต่พลังเงียบและเป็นฝ่ายพันธมิตรฯเยอะมาก แต่ส่วนใหญ่เราเขาจะยังไม่กล้ากัน อยู่ในห้องประชุมอาจจะโอเค แต่ออกไปนอกห้องประชุมก็ไม่กล้า เพราะเขาก็มีธุรกิจมีการค้าต่างๆ ก็ต้องคิดถึงตรงนี้ด้วย”
“อย่างเราเองก็มีผลกระทบทางด้านธุรกิจเยอะมากทำเป็นเล่นไป คนท้องถิ่นไม่ต้องไปหวัง ณ วันนี้มีแต่พันธมิตรฯจากต่างจังหวัดจากทุกๆ ภาค ถ้าไปเชียงใหม่ก็จะต้องไปรายงานตัวที่ร้านเรา ผมพันธมิตรฯจากชลบุรี จากพังงา จากขอนแก่น มาจากอุบลฯ เราเหมือนเป็นพี่เป็นน้องกัน รู้สึกว่ามันอุ่นมาก มีความสุขมากเหมือนมีเพื่อนเยอะขึ้น”
“ถามว่า รายได้ตรงนี้มันเพียงพอไหม มันก็คงไม่พอ เพราะเราก็ย้ายร้านด้วย แต่ว่าตรงนี้มันอุ่นเราได้มิตรจากตรงนี้ สิ่งที่เราทำเราเดินมาถูกทางแล้วนะ เรามีเพื่อนเพิ่มขึ้นมีคนที่คุยกันรู้เรื่อง อย่าง คุณศิริชัย ไม้งาม เขาก็ไป เชียงใหม่เป็นไงบ้างตอนนี้ ก้าวต่อไปจะทำไงกันดี เราเองก็ยืนยันมาตลอดว่าไปแน่นอน ถึงเวลาไปเองไม่อยากจะรบกวนพันธมิตรฯส่วนกลาง ค่าตั๋วเครื่องบินอะไรออกเอง ภาระพันธมิตรฯเยอะเหลือเกินขอให้เราได้ดูแลตัวเองไม่ต้องห่วง”
“แต่เวลาไปจะไม่บอกเด็กในร้าน เพราะเด็กจะกลัวกันมาก คดีวางระเบิดทุกวันนี้ มันยังไม่ถึงไหนเลย จะไปหวังอะไรกับตำรวจ ไม่สนใจไม่แยแสไม่แคร์ให้มันรู้ไปเลยว่า แค่นี้เองเรื่องเล็ก ตรงนี้ไม่ใช่ว่าปลงแต่ว่าเราไม่สนใจเพราะเราไม่กลัว คิดว่ายังไงก็จับไม่ได้เพราะมันคนของเขาทั้งนั้น ถามว่าอยู่ได้ไงก็ไม่รู้เหมือนกัน ไปไหนก็ไปตามประสาเรา ชนะความกลัวด้วยความไม่กลัวไม่กลัวเขาถึงไม่กล้าทำอะไร บางคนบอกว่าสุนทรีย์บ้าไปแล้วทำไมถึงอยู่ได้ แต่เราก็ไม่สนมันก็อยู่มาได้”
เผยการที่มาขึ้นเวทีพันธมิตรฯส่งผลกระทบกับ “ลานนา” ถูกแกรมมี่ดองงาน
“ลานนาเองก็เข้าใจแม่ แต่ว่าเขากลัวเขาห่วงเขาถึงได้ห้าม แต่เขาก็ดูเอเอสทีวี เขาก็ทนไม่ไหว ก็เป็นเพราะเรื่องนี้นี่แหละเขาถึงได้มีปัญหากับแกรมมี่ ตอนนี้เขาก็มีสัญญาค้างไว้กับแกรมมี่ เรื่องที่แม่ทำมันกระทบกับเขาทั้งที่มันไม่เกี่ยวกับเขาเลย ไอ้พวกนี้มันบ้า เราก็บอกว่าอย่าไปสนใจอย่างน้อยเราก็มีบ้านอยู่มีอู่นอนอย่าไปสนใจ”
“ทางโน้นก็มีการเรียกลานนาเข้าไปคุยก็เป็นการคุยแบบอ้อมๆ แบบผ่านๆ เรื่องาน ก็อาจจะโดนแบนไม่ให้ความสนใจกับลานนา เพราะแม่มาขึ้นเวที เรื่องนี้ก็กระทบใจลานนาพอสมควรแต่ว่าเขาก็คงไม่อยากพูดให้แม่รู้สึกไม่สบายใจ เรื่องการย้ายหาที่ใหม่แม่ไม่ให้มอง ก็บอกไปแล้วว่า ทุกวันนี้งานเพลงถือว่าเป็นไซด์ไลน์อยากให้เขามองธุรกิจอาหารเพราะเงินเขาก็ลงไปครึ่งหนึ่งเขาก็เป็นหุ้นส่วน ก็ให้มาช่วยกันบริหารงานถือว่าตรงนี้เป็นหลัก”
ไม่หวั่นการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินขอเข้าร่วมกับพันธมิตรฯ บอกความตายแค่เรื่องขี้หมา
“เหตุการณ์ที่ตำรวจเข้าสลายม็อบ ทำให้เรารู้สึกว่าอยากจะขึ้นเวที พอเห็นภาพแล้วแบบอยากมา อยากมาจริงๆ เลย ถ้าไม่มามันอายคนเชียงใหม่นะ คนเชียงใหม่อยู่ในม็อบพันธมิตรฯตั้งเยอะ เขาบอกว่าไม่ได้ใช้ความรุนแรงไม่ได้ใช้ปืนจ่อหัว แต่ภาพมันออกมาแล้วมันเห็นชัดอยู่แล้ว ไม่ต้องมาบอกว่าปืนไม่มีกระสุนไม่ต้องมาพูดเลย แค่เอาปืนจ่อมันก็บ่งบอกแล้ว จะบอกว่าเป็นมุมกล้องก็พูดไปเหอะภาพมันออกไปทั่วโลกแล้ว”
“เห็นข่าวแล้วนั่งร้องไห้ นั่งร้องไห้ทั้งคืนเลย เปิดทีวีทิ้งไว้จนเครื่องแฮงก์ มันอัดอั้นตันใจทำไมบ้านเมืองเป็นแบบนี้ ทำไมถึงทำกันขนาดนี้ เมื่อไหร่มันจะยอมรับความจริงกันซักที”
“ตอนนี้รัฐบาลก็พยายามเมกเรื่องราวขึ้นมาเพื่อหาทางยุบสภา แต่มันไม่ใช่ทางออกไง เหมือนที่ทางแกนนำพูดนั่นแหละมันต้องเปลี่ยนสังคมใหม่ การเมืองใหม่มันต้องเริ่มขึ้นแล้วไม่งั้นมันก็จะซ้ำเดิม ยุบสภาไปจะเกิดประโยชน์อะไร”
“บางคนบอกว่าพันธมิตรฯทำให้เกิดความวุ่นวาย คุณอย่ามาโมเม ถ้าคุณแน่จริงทำไมไม่มาสลายตอนกลางวัน มาทำไมตอนตีหนึ่งตีสอง แล้วเอาปืนยิ่งเข้าไปฝ่ายพันธมิตรฯมีเหรอปืนมีแต่ตะบอง ตลก....คุณสร้างเรื่องราวขึ้นมา”
“วันนี้เขาอยากประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน อยากทำอะไรก็ทำไป มีคนสนใจที่ไหนล่ะคนเขาเดินพล่านเต็มถนน ไม่มีทางที่เขาจะหยุดพันธมิตรฯไม่ให้เข้าไปในทำเนียบได้ ไม่มีทาง เขาไม่มีอะไรเป็นประกาศิตเลย ใครเชื่อเขาล่ะคุณสมัคร พูดอะไรไปใครเชื่อเขาล่ะ”
“การประกาศสถานการณ์แบบนี้ มันก็ท้าทายอารมณ์เหมือนกันนะ เขาจะกล้าทำอะไรรุนแรงเหรอ บอกตรงๆ ว่าไม่ได้รู้สึกกลัวเลยนะ แต่ต้องยอมรับว่า พลังพันธมิตรฯมหาศาลจริงๆ นะ เห็นแล้วน้ำตาร่วงเลย เขารักกันจริงๆ อบอุ่นมากนะ ก่อนจะออกจากสนามบินเชียงใหม่มานั่งคุยกัน ก็จะคุยกันว่าอุ่นเหลือเกินรักกันเหมือนพี่เหมือนน้อง มีที่ไหนบ้างจะเป็นแบบนี้ (ไม่กลัวตาย) ไม่....ขี้หมา ไม่กลัวหรอก ก็ยังนัดกับหลายๆ คนอยู่เลยว่า เสร็จจากงานคอนเสิร์ตก็จะเข้าไปต่อในทำเนียบ”
“วันนี้ถ้าเกิดเหตุการณ์นองเลือดที่ทำเนียบก็ไม่รู้สึกกลัว ถ้าจะเจ็บก็เจ็บกันทั้งหมดแหละ ไม่กลัวนะถึงแม้ว่าจะไม่เคยอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นแต่ก็ไม่รู้สึกกลัว เรามีความรู้สึกว่าไม่มีใครมาทำอะไรเราได้ มันมีอะไรบางอย่างอันนี้เราบอกตัวเอง ทุกวันนี้ก็ไปไหนมาไหนคนเดียวก็ไม่ได้รู้สึกว่าใครจะมาทำร้าย และก็ไม่เคยมีด้วย เรารู้สึกว่าเราทำความดีให้กับแผ่นดิน และกล้าที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งชั่วร้าย เชื่อว่าพลังความดีจะทำให้เรารอดพ้น”
หลายคนเชื่อว่า “ทำดีต้องได้ดี” แต่ก็มีคนบางคนที่ออกมาพูดว่า “ทำดีอัปปรีย์กินหัว ทำชั่วได้ดี” เรื่องนี้ สุนทรี บอกว่า ตอนนี้ผลกำลังเกิดกับคนที่ทำความชั่วแล้ว
“เชื่อว่าทำดีต้องได้ดี ทุกวันนี้ก็เริ่มมองเห็นผล มีเงินขนาดนั้นยังต้องหนีหัวซุกหัวซุน ไม่ได้มีความสุขอย่างเรานะ มีเท่าไหร่ก็กินเท่าไหร่ก็ยังได้หัวเราะกับเพื่อนกับฝูง”
“กับคุณสมัครไม่อยากจะพูดถึง ไม่ชอบหยาบคายจัง ล่าสุด นี่เขาก็ให้รางวัลภาษาไทยถิ่นดีเด่นก็ไม่ไปรับหรอก เสนียด ไม่เอาหรอก ให้มารับกับเขาไม่เอาหรอก คนหยาบคายขนาดนั้นมาให้วุฒิบัตรเราไม่เอาหรอก หลายๆ คนก็ไม่มารับเพราะรู้สึกแบบนี้”
“คุณยังไม่รู้ตัวอีกเหรอคนเขาเกลียดกันทั้งบ้านทั้งเมือง ไม่มีใครรักคุณเลย ปากคอเราะร้ายแบบนี้ พูดกับนักข่าวก็ตะคอกใส่เขา ทำไมทำแบบนี้เป็นผู้นำประเทศไม่น่ารักเลย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเขาควรจะลาออกไปได้แล้ว แต่เขาก็พยายามสร้างเหตุการณ์อันโน้นอันนี้ขึ้นมาเลี่ยงบาลีอยู่ตลอดเวลา แหม...ดิ้นเก่งจังเลยนะ แถไปเรื่อยเลย ฟาดงวงฟาดงา เขาไม่มีวุฒิภาวะทางอารมณ์เลยร้ายมากแย่มาก และก็ไม่ยอมปรับ ไม่รู้ตัวอีกเหรอว่าตัวเองเป็นผู้นำประเทศ”
“ถ้าเป็นผู้นำประเทศอื่น เขาไปตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว อยู่ได้ไงไม่รู้จักอายตัวเอง ลูกเล็กเด็กแดงสาปแช่งกันด่าสาดเสียเทเสียยังไม่รู้สึกอะไรอีก คำพูดเขาไม่มีมนต์ขลังไม่มีพลังให้คนฟังได้ พูดจาปลิ้นปล้อนตลอดเวลา นักการเมืองไทยทำไมเป็นแบบนี้ทั้งหมด”
“ก็อยากจะฝากไปถึงทุกๆ คนว่า นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่พวกเราต้องลุกขึ้นมา อย่ามัวแต่กลัวอีกเลย เป็นช็อตสุดท้ายที่ต้องลุกขึ้นมาปกป้องบ้านเมือง เลิกเห็นแก่ตัวทุกคนรักชีวิตตัวเอง ห่วงธุรกิจตัวเองทั้งนั้นแหละ แต่ถ้าเราไม่ลุกขึ้นมาแล้วใครจะทำ เราต้องลุกออกมาเป็นตัวอย่างของลูกหลานให้เห็นถึงการต่อสู้ ไม่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อก็ได้แต่ต้องลุกขึ้นมาแสดงพลังร่วม