xs
xsm
sm
md
lg

นับถอยหลัง"ยุทธ ใบแดง"ก่อนนาทีพิพากษาโทษ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ดีที่สร้างความสั่นสะเทือน ท้าทายอำนาจรัฐ เข้าข่ายกระทำผิดต่อกฎหมายเลือกตั้ง จนเป็นเหตุให้ "นายยงยุทธ ติยะไพรัช" ส.ส.สัดส่วนเขต 1 กรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน และรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ได้รับใบแดง และตกจากเก้าอี้ประธานรัฐสภาทันที เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)เดินหน้ายื่นฟ้องต่อศาลฎีกาให้พิจารณาเรื่องนี้ ทุกคนตั้งตารอว่าศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง จะตัดสินชี้ชะตาคดี "ยุทธ ตู้เย็น" ตามหลักฐานและได้สืบพยานมาตลอดระยะเวลากว่า 4 เดือน จะเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาทุกคนให้ต้องจดจำ ไว้ในใจอีกครั้งหรือไม่ กับ ตำนานการเล่นการเมืองดั่งพรรคไทยรักไทย ที่พลาดพลั้ง ชะล่าใจกับกฎหมายการเลือกตั้ง ต้องมีจุดจบยุบพรรคไปตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ

ก่อนศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งจะอ่านคำพิพากษาในคดีนี้ ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 18 มี.ค. 51 ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง นายถวิล อินทรักษา ผู้รับมอบอำนาจจาก กกต.นำเอกสารพร้อมพยานหลักฐานจำนวน 2 ชุด ๆ ละ 3 แฟ้มใหญ่ มีความหนากว่า 1,000 หน้า โดยหลักฐานส่วนใหญ่เป็นคำให้การของพยานที่เข้าให้การกับอนุ กกต.รวมทั้งความเห็นของอนุ กกต.และมติของ กกต.ชุดใหญ่ ที่มีมติว่า นายยงยุทธ ติยะไพรัช ผู้ถูกกล่าวหา กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง โดยมีพยานบุคคลกว่า 50 ปาก ที่พร้อมเข้าเบิกความในชั้นไต่สวน รวมถึงสำนวนคำร้องขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัย มีคำสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง นายยงยุทธ ติยะไพรัช ส.ส.สัดส่วนกลุ่ม 1 พรรคพลังประชาชน (พปช.) และประธานสภาผู้แทนราษฎร กระทำผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว.พ.ศ.2550 มาตรา 53 (2) และ 57 ซึ่งทุจริตการเลือกตั้ง จ.เชียงราย ด้วยการแจกเงินเพื่อจูงใจให้กับกลุ่มกำนัน อ.แม่จัน จ.เชียงราย ที่เป็นตัวแทน (หัวคะแนน) ของนายยงยุทธ แจกเงินซื้อเสียง เพื่อให้มีการลงคะแนนเลือกผู้สมัครของพรรคประชาชน โดยศาลรับคำร้องไว้เป็นคดีดำหมายเลข ลต.38/25551

21 เม.ย. 51 ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ปิดประกาศกำหนดวันนัดพิจารณาคดี ระหว่าง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และนายยงยุทธ และ น.ส.ละออง ติยะไพรัช ส.ส.เขต 3 จ.เชียงราย ผู้ถูกกล่าวที่ 1-2 โดย กกต.ยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งนายยงยุทธ ซึ่งถูกใบแดง และ น.ส.ละออง ซึ่งถูกใบเหลืองที่ กกต.สั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ในเขต 3 จังหวัดเชียงราย

2 พ.ค. 51 ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง สอบข้อเท็จจริงจากคำร้องและคำคัดค้านของ กกต.และยงยุทธ กรณีกกต.ยื่นคำร้องให้ศาลเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง โดยหลังเสร็จสิ้น ศาลนัดไต่สวนพยานฝ่าย กกต.ขณะที่ นายพิชิฏ ชื่นบาน ทนายความขณะนั้น เปิดเผยว่าได้นำพยานบุคคล 50 ปาก และหลักฐานยื่นสู้คดีในชั้นศาล นอกจากนี้ ฝ่าย กกต.โดย พ.ต.อ.นัฐศักดิ์ นานาวัน ผอ.สำนักสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัยของ กกต.และคณะได้นำแผ่นวีซีดี จำนวน 8 แผ่น และคำวินิจฉัยส่วนตนของ กกต.ทั้ง 5 คน ส่งมอบให้กับศาลตามที่ทนายความฝ่ายผู้คัดค้านของนายงยุทธ และ น.ส.ละออง ร้องขอไว้

วันเดียวกัน 2 พ.ค. 51 นายนิติธร ล้ำเหลือ กรรมการสิทธิฯ สภาทนายความ ได้เข้าหารือกับตำรวจเพื่อวางมาตรการคุ้มครองพยานคดี หลังจากถูกข่มขู่เอาชีวิต พร้อมกับยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.เพื่อดูแลคุ้มครอง นายชัยวัฒน์ พยานปากเอกคดีนี้

8 พ.ค.51 ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง นายกำธร โพธิ์สุวัฒนากุล ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา พร้อมองค์คณะรวม 3 คน ออกนั่งบัลลังก์เริ่มกระบวนการสืบพยาน

โดย นายชัยวัฒน์ ฉางข้าวคำ กำนัน ต.จันจว้า อ.แม่จัน จ.เชียงราย อายุ 52 ปี ประจักษ์พยานสำคัญ เบิกความยืนยันต่อศาลว่า เมื่อตุลาคม 2550 ด.ต.เทพรัตน์ เขื่อนคุณา สภ.แม่จัน จ.เชียงราย ซึ่งเป็นผู้ติดตาม นายยงยุทธ ได้ติดต่อผ่านโทรศัพท์ให้เดินทางมา กทม.เพื่อพบ นายยงยุทธ กับคณะกำนันตำบลใน อ.แม่จัน และนายบรรจง ยางยืน นายกเทศมนตรีตำบลจันจว้า โดย 2 ครั้งแรกที่ติดต่อบอกให้มาทางรถตู้ แต่ไม่ได้มา ครั้งที่สามบอกให้เดินทางโดยเครื่องบินจึงเดินทางมา ซึ่งตนสำรองจ่ายค่าตั๋วเครื่องบิน 3.8 หมื่นบาท เดินทางออกมาจาก จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 28 ต.ค.2550 เวลา 13.00 น.ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ มีรถตู้มารับเดินทางไปที่ทำการพรรคไทยรักไทยเก่า ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ทำการพรรคพลังประชาชน นายบรรจง จึงพาขึ้นไปชั้น 4 บอกว่า จะไปพบ นายยงยุทธ ซึ่งรอประมาณ 3 ชม.นายบรรจง จึงพาไปโรงแรมจำชื่อไม่ได้ ไปพบ นายยงยุทธ ที่ห้องรับรองชั้น 2 โดยนายยงยุทธ ขอร้องให้ช่วย น.ส.ละออง และนายอิทธิเดช แก้วหลวง ในการเลือกตั้งให้ได้รับเลือกเป็น ส.ส.ซึ่งพยานและกลุ่มกำนัน รับปากว่าจะช่วย น.ส.ละออง กับ ส.จ.หล้า หรือ ส.ต.ต.ชมชาติ กัปปาหะ ผู้สมัครอีกคน เนื่องจากเป็นคน อ.แม่จัน แต่จะไม่ช่วย นายอิทธิเดช เพราะไม่ใช่คนในพื้นที่ หลังจากนั้น นายยงยุทธ ก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้อีก

นายนายชัยวัฒน์ ให้การต่อศาลว่า ตนกับพวกขอให้ นายยงยุทธ ทวงถามหนี้สินของ นายชูชาติ จันทวลย์ ที่ปรึกษา นายยงยุทธ สมัยเป็น รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดย นายชูชาติ ติดหนี้ตน 2.5 แสนบาท จากที่ตนรับเหมาสร้างถนนต่อนายชูชาติ และยังเป็นหนี้กำนันคนอื่นด้วย โดยนายยงยุทธ รับปากว่าจะทวงถามหนี้ให้ซึ่งใช้เวลาพูดคุยกันประมาณ 30 นาที และนายยงยุทธ กลับไปก่อนโดยนายบรรจง เดินอออกไปส่ง ส่วนตนและกลุ่มกำนันนั่งกินข้าว จากนั้นนายบรรจง เรียกทุกคนออกไปข้างนอกพร้อมส่งซองปิดผนึกให้ตนกับพวกทั้ง 10 คน โดยระบุว่า“นายฝากมาให้” และหลังจากนั้น ตนและกลุ่มกำนันพากันเข้าไปในห้องน้ำและเปิดซองดูพบว่า มีเงินสด 20,000 บาท ซึ่งพยานเชื่อว่าที่นายบรรจงบอกว่า “นาย” หมายถึง นายยงยุทธ เพราะ นายยงยุทธ เป็นผู้นัดมาพบที่โรงแรม โดยพยานยังได้ทวงถามเงินค่าตั๋วเครื่องบินกับ นายบรรจง ซึ่ง นายบรรจง ได้ส่งเงินสดจำนวน 40,000 บาท ให้พยานด้วย

13 พ.ค. 51 นายยงยุทธ ฮึดสู้ ด้วยการส่งทนายความ แจ้งความจับนายชัยวัฒน์ ต่อกองปราบปราม ฐานเบิกความเท็จกรณีเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์

14 พ.ค.51 ถึงคิว นายยงยุทธ ขึ้นเบิกความต่อศาล โดยเขาให้การเสียงแข็งว่า เขาบริสุทธิ์ พร้อมยืนยันว่า ไม่เคย นัดพบกำนันแจกซอง 2 แสน รวมทั้งให้การกล่าวหา นายชัยวัฒน์ พยานปากเอกว่าติดแบล็กลิสต์ค้ายาต้องเข้าบำบัดสมัยรัฐบาลทำสงครามปราบยาเสพติด

11 มิ.ย.51 นายชัยวัฒน์ พร้อมทนายความ ร้องศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ว่านายยงยุทธ ได้ส่งหลักฐานปลอมสวมชื่อเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งถือเป็นหลักฐานสำคัญที่จะชี้ให้ศาลเห็นว่า นายยงยุทธ สร้างหลักฐานเท็จ มีการปกปิดและเปลี่ยนแปลงข้อมูลให้ผิดไปจากความเป็นจริง เพื่อให้สอดคล้องกับข้อต่อสู้ที่อ้างว่าถูกจัดฉากโดยพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม โดย "กำนันชัยวัฒน์" ย้ำด้วยว่า ตนเองไม่เคยเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ แต่เป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยมาโดยตลอด เมื่อถูกยุบพรรคก็มาเป็นสมาชิกพรรคพลังประชาชน และได้ยืนยันในการเบิกความต่อศาลไปแล้วด้วย ดังนั้นจึงไม่ทราบว่าใครแอบเอาชื่อไปสมัครสมาชิก เพราะหลังจากที่มาเป็นพยานเบิกความในศาล ถูกทนายความของนายยงยุทธ แจ้งความจับฐานเบิกความเท็จไปแล้วถึง 9 คดี โดยนายชัยวัฒน์ พูดทิ้งท้ายว่า ศาลสถิตย์ยุติธรรม มีความศักดิ์สิทธิ์ ใครผิด หรือ ใครโกหก เดี๋ยวก็รู้

16 มิ.ย. 51 นายยงยุทธ มอบหมายทนายความ ยื่นคำแถลงปิดคดีใบแดง จำนวน 125 หน้าต่อศาล โดยอ้างว่า นายชัยวัฒน์ ฉางข้าวคำ และกกต.ร่วมมือวางแผนเอาผิดทุจริตซื้อเสียง จนทำให้ตนได้ใบแดง พร้อมชี้ว่าพยาน ฝ่ายกกต.ไม่มีน้ำหนัก โดยได้ยืนยันว่าตนบริสุทธิ์ ไม่ได้ทำผิด

ใครทำอะไรถูก หรือใครมีเจตนาทำผิดกฎหมาย บุคคลผู้นั้นย่อมรู้ดีแก่ใจตัวเอง วันที่ 8 ก.ค.51 เวลา 16.00 น.ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งจะมีคำตอบสุดท้ายสำหรับคดีประวัติศาสตร์ทุจริตการเลือกตั้งคดีนี้...
นายยงยุทธ ติยะไพรัช สส.สัดส่วน กลุ่มที่ 1 และรองหัวหน้าพลังประชาชน


นายชัยวัฒน์ ฉางข้าวคำ กำนัน ต.จันจว้า อ.แม่จัน จ.เชียงราย พยานปากสำคัญคดีใบแดง ยงยุทธ
คณะกรรมการการเลือกตั้ง
กำลังโหลดความคิดเห็น