xs
xsm
sm
md
lg

“สมเกียรติ” เตือน กกต.หยุดรับใช้ “แม้ว” ซ้ำรอย “3 หนา”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์
“สมเกียรติ” แฉ “แม้ว” ใช้ กกต.เป็นเครื่องมือเถลิงอำนาจจนเคยตัว เตือนระวังซ้ำรอยยุค “3หนา” พร้อมแฉเล่ห์ทนาย “ยุทธ ใบแดง” ปั้นหลักฐาน “ชัยวัฒน์” เป็นสมาชิก ปชป. ทั้งที่เป็น สมาชิก ทรท.ด้วย เตรียมนำกำนันคนกล้าขึ้นเวทีมัฆวานฯ

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ปราศรัย 

เมื่อเวลา 21.20 น.วันนี้ (12 มิ.ย.) นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นปราศรัยบนเวทีเชิงสะพานมัฆวานฯ ว่า คณะกรรมการการเลือกตั้งชุดปัจจุบันหากยังรับใช้ระบอบทักษิณก็อาจต้องเดินรอย กกต.ชุด 3 หนา เพราะ กกต.ชุดนั้น นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ได้เขียนไว้ในหนังสือ “รู้ทันทักษิณ” ว่า เมื่อครั้งอยู่พรรคไทยรักไทยนั้น นายเสนาะเคยเตือน พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าอย่าซื้อเสียง แต่ พ.ต.ท.ทักษิณบอกว่าไม่ต้องกลัว อำนาจเป็นของเรา กกต.ก็ของเรา คนก็ของเรา

กกต.ชุด 3 หนานั้น แม้พรรคไทยรักไทยมีการทำผิดอย่างชัดเจน แต่ก็ไม่ดำเนินการ เช่น ก่อนการเลือกตั้ง 2 เม.ย.2549 มีการขนคนมาฟังการปราศรัยซื้อผิดกฎหมาย แต่ กกต.ก็ยังเฉย ใช้งบประมาณแผ่นดินที่ใช้สำหรับปราบปรามยาเสพติด ไปให้ผู้ว่ารายการจังหวัดและนายอำเภอขึ้นป้ายเชียร์ เป็นการซิกแซกงบประมาณ เปรียบเหมือนการใช้เงินคนอื่นมาเล่นไพ่

นอกจากนี้ กกต.เมื่อ 4-5 ปีก่อน ยังมีปัญหาเรื่องการพิมพ์บัตรเลือกตั้งเกิน เพื่อรับใช้นักการเมือง และถูกเรียกใช้บ่อย เพราะฉะนั้นเมื่อ กกต.เป็นเสียเอง กกต.ไม่ต่างจากองค์กรอาชญากรรมแผ่นดิน ทั้งที่ควรจะเป็นองค์กรที่ทำหน้าที่คัดคนดีเช้าสภา เพื่อไม่ให้เป็นสภาโจร

ในการเลือกตั้งเมื่อเดือน เม.ย.49 นั้น ในพื้นที่ภาคใต้ พรรคไทยรักไทยได้จ้างพรรคอื่นลงสมัคร โดยให้ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รมว.กลาโหมในขณะนั้นดำเนินการ และใช้กระทรวงกลาโหมเป็นสถานที่ดำเนินการ มีการแก้ไขฐานข้อมูลพรรคการเมือง เพื่อสร้างหลักฐานเท็จ จนนำไปสู่การสั่งยุบพรรค พร้อมจำคุกเจ้าหน้าที่ที่แก้ไขข้อมูล ซึ่งขณะนี้พ้นโทษออกมาแล้ว คิดว่าโทษเล็กน้อยหรืออย่างไร จึงคิดจะโกงต่อ

นาสมเกียรติกล่าวต่อว่า หลังจากแกนนำพันธมิตรฯ ได้เปิดโปงเรื่องการสร้างหลักฐานเท็จเพื่อกล่าวหาว่านายชัยวัฒน์ ฉางข้าวคำ กำนันตำบลจันจว้า อ.แม่จัน จ.เชียงราย พยานปากเอกในคดีใบแดงนายยุงยุทธ ติยะไพรัช เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์และต้องการกลั่นแกล้งนายยงยุทธ ทั้งที่นายชัยวัฒน์ เป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยในช่วงปี 2548-2550 ด้วย ทำให้ กกต.ต้องประชุมทั้งวันเพื่อตั้งกรรมการขึ้นมาสอบสวนเรื่องนี้ แต่ล่าสุดเราพบข้อมูลใหม่ที่แสดงให้เห็นว่า มีความพยายามเล่นเล่ห์ โดยนายสาคร ศิริชัย ทนายความของนายยงยุทธ ได้ทำหนังสือถึง ผอ.ฝ่ายสืบสวนและวินิจฉัย 5 ถามอีกครั้งว่านายชัยวัฒน์เคยเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ พลังประชาชน หรือมัชฌิมาธิปไตยหรือไม่ โดยไม่ถามว่าเคยเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยหรือไม่ แล้วเอาไปยื่นต่อศาลฎีกา นี่คือความชั่วช้าที่แก้ตัวไม่ออก

สำหรับ นายชัยวัฒน์นั้น ถือเป็นพยานปากเอกในคดีนายยงยุทธ ติยะไพรัช ทุจริตการเลือกตั้ง โดยเมื่อปลาย ต.ค.2550 นายชัยวัฒน์ได้รับการติดต่อจากคนสนิทของนายยงยุทธ ให้ประสานงานกำนันจากทุกตำบลของอำเภอแม่จัน ยกเว้นตำบลท่าขาวเปลือก ให้ไปพบนายยงยุทธ ที่กรุงเทพฯ จึงรวบรวมรายชื่อได้ 10 คน เดินทางเข้ากรุงเทพฯ ด้วยสายการบินแอร์เอเชีย โดยนายชัยวัฒน์ออกค่าตั๋วเครื่องบินก่อนราว 3 หมื่นกว่าบาท เมื่อถึงสนามบินได้เดินทางไปที่พรรคพลังประชาชน ก่อนที่จะเดินทางไปที่โรงแรมเอสซีปาร์ค ที่คุณหญิงพจมานถือหุ้นใหญ่ และพบกับนายยงยุทธที่โรงแรมดังกล่าวในเวลาต่อมา โดยนายยงยุทธขอให้กำนันช่วยเหลือน้องสาวและนายอิทธิเดช แก้วหลวง ผู้สมัคร ส.ส.เขตของพรรคพลังประชาชน และให้ลงคะแนนระบบสัดส่วนให้พรรคพลังประชาชนด้วย

ระหว่างนั้น กำนันคนหนึ่งได้บอกว่าพร้อมสนับสนุนแต่ต้องจ่ายเงิน จากนั้นมีการทวงถามเงินค่ารับเหมาซึ่งที่ปรึกษาของนายยงยุทธค้างอยู่ นายงยุทธได้บอกว่าเสร็จเลือกตั้งแล้วจะจ่ายให้ จากนั้นนายยงยุทธได้นำซองใส่เงินซองละ 2 หมื่นมอบให้กำนันคนละซอง และอีก 4 หมื่นบาทให้นายชัยวัฒน์เป็นค่าตั๋วเครื่องบิน ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปพักป่อน และเดินทางกลับเชียงรายในตอนเช้า

นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า นี่คือสำนวนที่มีความชัดเจนสมบูรณ์ แต่นายตำรวจคนที่ทำสำนวนคดีนี้ถูกย้ายไป 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนนายชัยวัฒน์ก็เป็นกำนันคนเดียวที่ไม่ยอมกลับคำให้การ เป็นคนเสียสละและกล้าหาญอยู่คนเดียว และสำนวนนี้อยู่ในศาลแล้ว เมื่อนายชัยวัฒน์ไม่ยอมกลับคำให้การก็มีความพยายามทำลายความชอบธรรมของนายชัยวัฒน์ ด้วยการสร้างหลักฐานเท็จว่าเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์จึงต้องการกลั่นแกล้งนายยงยุทธ

นายสมเกียรติ กล่าวอีกว่า ไม่นานนายชัยวัฒน์จะมาขึ้นเวทีพันธมิตรฯ มาชี้ให้เห็นว่าบ้านเมืองเรากำลังวิกฤติ เพราะ กกต. เมื่อประชาชนร้องเรียนไปก็ทำเฉย ทำตัวเป็นคนของระบอบทักษิณ เปิดประตูเอาแต่คนชั่วเข้าไปในสภา อย่างไรก็ตาม วันนี้ดีใจที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งเพิกถอนหมายจับนายสุนัย มโนมัยอุดม อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษในคดีที่ถูก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ฟ้องหมิ่นประมาท โดยศาลอุทธรณ์ได้สั่งว่าหมายจับที่เสนอโดย ผกก.สภ.วังน้อย และผู้พิพากษาคนหนึ่งของศาลอยุธยาไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงอยากถามกลับว่า ตำรวจและผู้พิพากษาคนนั้นจะตอบสังคมว่าอย่างไร

ทั้งนี้ นายสุนัยได้บอกว่าหลังจากถอนหมายจับแล้วจะฟ้องเรียกค่าเสียหาย 2,000 ล้านบาท นี่คือตัวอย่างของคนที่ไม่ยอมต่อระบอบทักษิณ

“วันจันทร์นี้ พวกเราจะไปยังสถานที่แห่งหนึ่งที่อยู่บนพื้นดินแต่ข้างในเป็นนรก มีสิ่งเหม็น เน่า และอะไรชั่วๆ อยู่ในนี้หมด เราจะไปขอดูคำร้องที่สำนวนเลือกตั้ง 700 กว่าคำร้อง ที่ตกไป กกต.ต้องได้รับการออกแบบใหม่ เอาภาคประชาชนเข้าไป ไม่ใช่เอาคนมียศถาตำแหน่งเข้าไป แล้วเข้าไปโกงชาติ” นายสมเกียรติกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น