ภูมิภาค - พันธมิตรฯสงขลาพร้อมนักศึกษา มอ.ปลุกกระแสคนไทยรักชาติทวง "ปราสาทพระวิหาร" ขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิด โดยมีประชาชน และนักศึกษาเข้าร่วมคึกคัก ขณะที่พันธมิตรฯและสมัชชาประชาชนฯเมืองช้างลุกฮือเคลื่อนขบวนรณรงค์กู้ชาติค้านขึ้นทะเบียนมรดกโลก ส่วนบรรยากาศตลาดชายแดนไทย-กัมพูชา ช่องจอม-โอร์เสม็ด จ.สุรินทร์ป่วน พ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชาผวารัฐบาล "ฮุนเซน" สั่งปิดประตูด่านโดยจะอ้างเหตุปัญหา "เขาพระวิหาร" และการเลือกตั้ง ส.ส.ชี้หากปิดด่านพากันเดือดร้อนหนักแน่
เวลา 12.00 น.วานนี้ (6 ก.ค.) ที่ลานกิจกรรมนักศึกษา บริเวณคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.หาดใหญ่) จ.สงขลา กลุ่มมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์รักชาติ และพันธมิตรสงขลาเพื่อประชาธิปไตย ได้ร่วมกันจัดสัมมนาเรื่อง "เขาพระวิหารของไทยหรือของใคร" โดยมีประชาชนทั่วไป และนักศึกษาเข้าร่วมจำนวนมาก
สำหรับการสัมมนาที่มีขึ้นในครั้งนี้เป็นการเปิดเผยข้อมูลทางวิชาการเกี่ยวกับประเด็นปราสาทพระวิหาร โดยมีวิทยากรร่วมให้ความรู้ 2 ช่วงประกอบด้วยนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นอกจากนี้ยังมีการแสดงดนตรีของศิลปินกู้ชาติชื่อดัง ประกอบด้วย "ศรัณยู วงศ์กระจ่าง" และ "สุกัญญา มิเกล" ซึ่งได้เดินทางมาร่วม รวมทั้งมีการแสดงดนตรีของศิลปินในพื้นที่ภาคใต้นำโดย "แสง ธรรมดา" และศิลรุ่นใหม่อีกร่วม 10 คณะ
ทั้งนี้ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ได้ขึ้นกล่าวบนเวทีในช่วงแรกถึงประเด็นประสาทพระวิหารว่า ขณะนี้ประเด็นที่มีการถกเถียงกันอยู่ก็คือประเด็นประสาทพระวิหาร ไม่ใช่เขาพระวิหาร เนื่องจากในส่วนของเขาพระวิหารนั้นเขตแดนไทยและเขมรมีความชัดเจนอยู่แล้ว โดยยึดเอาแนวสันปันน้ำที่ทั้งสองประเทศยอมรับเป็นเส้นแบ่งเขตแดนบนเขาพระวิหาร โดยมีปราสาทพระวิหารตั้งอยู่บนพื้นที่ดังกล่าว
"เมื่อปี 2505 ที่ศาลโลกพิพากษาให้ประสาทพระวิหารเป็นของประเทศกัมพูชา และไทยส่งหนังสือคัดค้านการตัดสิน และจะไม่เอาธงชาติที่แสดงอธิปไตยไทยลงจากเขาพระวิหาร และจริงๆ แล้วสันปันน้ำที่แบ่งเขตไทย -เขมร ผมได้ไปสำรวจดูแล้วโดยมีเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ไทยอำนวยความสะดวก พบว่าช่วงที่มีฝนตกลงมานั้นน้ำที่ไหลลงมาจากสันปันน้ำ ไหลลงมาฝั่งประเทศไทยหมดเลย แค่นี้ก็พอจะรู้แล้วว่าประสาทพระวิหารควรเป็นของใคร ซึ่งเรื่องนี้คณะรัฐมนตรีไทยที่ไปเจรจาในขณะนี้จะต้องรับผิดชอบทั้งคณะหากพบว่าการไปยินยอมครั้งนี้ขัดต่อกฏหมาย"
ดร.เจิมศักดิ์ กล่าวอีกว่า หากพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไม่ออกมาชุมนุมคัดค้านรัฐบาลในหลายๆ เรื่อง ขณะนี้คงมีการแก้รัฐธรรมนูญไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และหากไม่มีการชุมนุมขณะนี้สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ คงถูกล้มล้างไปแล้วด้วยกลุ่มนักการเมืองที่ลุแก่อำนาจ เป็นเผด็จการรัฐสภา
"พลังนักศึกษา คือ อีกหนึ่งพลังที่จะช่วยผลักดันสังคมไปสู่ความเป็นธรรมได้ ฉะนั้น ทุกคนควรหันมาร่วมมือกันเพื่อสร้างการเมืองที่มีคุณธรรมปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สร้างการเมืองใหม่ที่ดีกว่าที่เป็นอยู่" ดร.เจิมศักดิ์ กล่าว
***ตลาดชายแดนช่องจอมสุรินทร์ป่วน
ส่วนที่ จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานถึงบรรยากาศการค้าชายชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม-โอร์เสม็ด ต.ด่าน อ.กาบเชิง ของพ่อค้าแม่ค้า ประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้ง 2 ประเทศยังคงดำเนินไปตามปกติ แต่บรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงา ทั้งในส่วนของตลาดชายแดนชุมชนโอร์เสม็ด อ.สำโรง จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา และตลาดใหม่ ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ฝั่งประเทศไทย
แต่อย่างไรก็ตาม บรรดาพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนชาวกัมพูชาต่างมีความวิตกกังวลเป็นอย่างมากว่า รัฐบาลกัมพูชาจะสั่งปิดด่านผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชาด้านช่องจอม จ.สุรินทร์ ซึ่งมีข่าวลือสะพัดมาอยู่ต่อเนื่องในขณะนี้ โดยรัฐบาลอาจอ้างเหตุปัญหาความขัดแย้งกรณีปราสาทพระวิหาร ด้าน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ และสถานการณ์ภายในประเทศที่จะมีการเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วไปในเร็วๆ นี้ ซึ่งจะสร้างความเดือดร้อนทั้งด้านการค้าขายและการทำมาหากินให้พ่อค้าแม่ค้า รวมทั้งชาวกัมพูชาตามแนวชายแดนเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์นี้ได้มีกระแสข่าวลืออย่างหนาแน่นในหมู่พ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชาว่า ทางการไทยและกัมพูชาจะทำการปิดประตูเข้า-ออก ด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม-โอร์เสม็ด ทำให้บรรดาพ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชาเกิดความสับสนเป็นอย่างมาก บางรายถึงขั้นปิดร้านค้าเพราะเกรงว่าสินค้าจะหายและไม่มั่นใจในความปลอดภัย
จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยต้องออกมาชี้แจงยืนยันว่า ยังไม่การสั่งปิดประตูชายแดนไทย-กัมพูชา ที่บริเวณด่านผ่านแดนถาวรช่องจอมแต่อย่างใด ส่วนปัญหาความขัดแย้งกรณีเขาพระวิหารนั้นเป็นหน้าที่ระดับรัฐบาล 2 ประเทศ ที่กำลังเจรจาหาข้อยุติร่วมกัน
นางวรรณะ แม่ค้าชายแดนชุมชนโอร์เม็ด โอร์เสม็ด อ.สำโรง จ.อุดรมีชัย ซึ่งเป็นชาว จ.พระตะบอง ประเทศกัมพูชา เปิดเผยว่า ไม่อยากให้รัฐบาลกัมพูชา สั่งปิดประตูด่านชายแดนไทย-กัมพูชา เพราะจะส่งผลทำให้การค้าขายลำบากมากและชาวกัมพูชาที่โอร์เสม็ดต้องเดือดร้อนหนักแน่นอน จึงอยากให้รัฐบาลและนายฮุนเซน นายกรัฐมนตรี แก้ไขปัญหาด้วยความรอบคอบ สันติ ประชาชนจะไม่ได้เดือดร้อนไปด้วย ซึ่งประชาชนที่โอร์เสม็ดกังวลต่อปัญหากรณีเขาพระวิหารที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้อย่างมาก และไม่ทราบว่ารัฐบาลกัมพูชาจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร
***ชาวสุรินทร์ลุกฮือทวงคืน "พระวิหาร"
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมาชาวจังหวัดสุรินทร์ กลุ่มพันธมิตรฯและสมัชชาประชาชนจังหวัดสุรินทร์กว่า 300 คน นำโดยนายอัครเดช สุพรรณฝ่าย, นายคราศี ลอยทอง, นายคำเกิง โถทอง, นายศักดา ศรีงาม, นายสามารถ อาญาเมือง, นายสำเนียง สุภัณภพ, นพ.ประทีบ ตลับทอง, นายประยูร พุ่มอินทร์, นายคมสันต์ เลือดสกุล, นายศิริพงษ์ ไหวดี, ศรวิทย์ ขุมทอง เป็นต้น ได้ร่วมกันเดินรณรงค์พร้อมถือป้ายข้อความ เช่น ชาวสุรินทร์ ร่วมปกป้องและรักษาแผ่นดินของไทย, ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ต้องยืนหยัดคู่ชาติไทย, เขาพระวิหารเป็นสมบัติของลูกหลานไทย, ชาวสุรินทร์ยอมสละเลือดเนื้อและชีวิต เพื่ออุทิศเป็นราชพลี เป็นต้น โดยได้เคลื่อนขบวนไปตามถนนสายหลักในเขตเทศบาลเมืองสุรินทร์
ทั้งนี้ เพื่อรณรงค์ปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และทวงคืนเขาพระวิหาร คัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร เป็นมรดกโลกของกัมพูชาแต่เพียงฝ่ายเดียว รวมทั้งเรียกร้องรัฐบาลไทยดำเนินการผลักดันชาวกัมพูชาที่มาปักหลักอยู่อาศัยที่บริเวณเชิงบันไดทางขึ้นปราสาทพระวิหาร รวมถึงกรณีทหารฝ่ายกัมพูชาเข้ามาสร้างประตูเหล็กกั้นทางเข้าสู่เขาพระวิหาร อยู่ในปัจจุบันให้ออกไปจากแผ่นดินไทยโดยเร็ว
พร้อมกันนี้ ได้แจกแถลงการณ์เรียกร้องให้ยูเนสโกระงับการจดทะเบียนประสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียวของกัมพูชา และ ให้ชะลอการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกจนกว่าประเทศไทยและกัมพูชาจะสามารถตกลงปักปันเขตแดนบริเวณดังกล่าวได้ข้อยุติร่วมกันอย่างชัดเจน
***"ศรีสะเกษ"ยันไม่กระทบการค้า
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ศรีสะเกษว่า แม้ขณะนี้ประเทศไทยและกัมพูชาจะมีปัญหาความขัดแย้งกรณีการขึ้นทะเบียนประสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกและชาวกัมพูชารุกล้ำเขตแดนไทยเข้ามาอยู่อาศัยที่บริเวณเชิงเขาพระวิหาร อ.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ แต่ขณะที่ด่านผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ ที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 30 กิโลเมตร (กม.) เจ้าหน้าที่ทั้ง 2 ประเทศยังคงเปิดด่านให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและกัมพูชาเดินทางเข้า-ออก จับจ่ายซื้อขายสินค้าต่างๆ ภายตลาดชายแดนด้านฝั่งประเทศไทยกันอย่างคึกคัก
บรรดาพ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชาได้ว่าจ้างรถเข็นเข้ามาซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค อาหาร ผลไม้ต่างๆ ทั้งเงาะ ทุเรียน มะพร้าว และปลาน้ำจืด จากพ่อค้าแม่ค้าคนไทยเพื่อนำเข้าไปขายยังฝั่งประเทศกัมพูชากันเป็นจำนวนมาก ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอภูสิงห์, อาสารักษาดินแดน (อส.) และตำรวจ สภ.ภูสิงห์ มาคอยอำนวยความสะดวก รักษาความสงบเรียบร้อยอย่างเต็มที่
นายเพิ่มศักดิ์ ฉวีรักษ์ นายอำเภอภูสิงห์ กล่าวว่า ถึงแม้สถานการณ์ความขัดแย้ง เกี่ยวกับปัญหาเขาพระวิหารยังไม่ได้ข้อยุติ แต่ในส่วนของการค้าขายชายแดนไทย-กัมพูชา ที่บริเวณด่านผ่านแดนถาวรช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ แห่งนี้ ประชาชนชาวกัมพูชาให้ความสำคัญกับเรื่องของปากท้องเป็นหลัก ซึ่งแต่ละวันจะมีชาวกัมพูชาเข้ามาจับจ่ายซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่ฝั่งไทยกันเป็นจำนวนมาก
"บรรดาพ่อค้า แม่ค้าชาวกัมพูชาทั้งจากเขต จ.พระวิหาร จ.อุดรมีชัย รวมไปถึง จ.เสียมราฐ ได้ขึ้นมาซื้อสินค้าที่ อ.ภูสิงห์ ไปขายกันมากเฉลี่ยมีเงินหมุนเวียนวันละหลายล้านบาท เนื่องจากสินค้าอุปโภคบริโภค ที่จำเป็นส่วนใหญ่ประเทศกัมพูชาไม่มีขาย หรือยังไม่สามารถผลิตได้" นายเพิ่มศักดิ์ กล่าว
เวลา 12.00 น.วานนี้ (6 ก.ค.) ที่ลานกิจกรรมนักศึกษา บริเวณคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.หาดใหญ่) จ.สงขลา กลุ่มมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์รักชาติ และพันธมิตรสงขลาเพื่อประชาธิปไตย ได้ร่วมกันจัดสัมมนาเรื่อง "เขาพระวิหารของไทยหรือของใคร" โดยมีประชาชนทั่วไป และนักศึกษาเข้าร่วมจำนวนมาก
สำหรับการสัมมนาที่มีขึ้นในครั้งนี้เป็นการเปิดเผยข้อมูลทางวิชาการเกี่ยวกับประเด็นปราสาทพระวิหาร โดยมีวิทยากรร่วมให้ความรู้ 2 ช่วงประกอบด้วยนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นอกจากนี้ยังมีการแสดงดนตรีของศิลปินกู้ชาติชื่อดัง ประกอบด้วย "ศรัณยู วงศ์กระจ่าง" และ "สุกัญญา มิเกล" ซึ่งได้เดินทางมาร่วม รวมทั้งมีการแสดงดนตรีของศิลปินในพื้นที่ภาคใต้นำโดย "แสง ธรรมดา" และศิลรุ่นใหม่อีกร่วม 10 คณะ
ทั้งนี้ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ได้ขึ้นกล่าวบนเวทีในช่วงแรกถึงประเด็นประสาทพระวิหารว่า ขณะนี้ประเด็นที่มีการถกเถียงกันอยู่ก็คือประเด็นประสาทพระวิหาร ไม่ใช่เขาพระวิหาร เนื่องจากในส่วนของเขาพระวิหารนั้นเขตแดนไทยและเขมรมีความชัดเจนอยู่แล้ว โดยยึดเอาแนวสันปันน้ำที่ทั้งสองประเทศยอมรับเป็นเส้นแบ่งเขตแดนบนเขาพระวิหาร โดยมีปราสาทพระวิหารตั้งอยู่บนพื้นที่ดังกล่าว
"เมื่อปี 2505 ที่ศาลโลกพิพากษาให้ประสาทพระวิหารเป็นของประเทศกัมพูชา และไทยส่งหนังสือคัดค้านการตัดสิน และจะไม่เอาธงชาติที่แสดงอธิปไตยไทยลงจากเขาพระวิหาร และจริงๆ แล้วสันปันน้ำที่แบ่งเขตไทย -เขมร ผมได้ไปสำรวจดูแล้วโดยมีเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ไทยอำนวยความสะดวก พบว่าช่วงที่มีฝนตกลงมานั้นน้ำที่ไหลลงมาจากสันปันน้ำ ไหลลงมาฝั่งประเทศไทยหมดเลย แค่นี้ก็พอจะรู้แล้วว่าประสาทพระวิหารควรเป็นของใคร ซึ่งเรื่องนี้คณะรัฐมนตรีไทยที่ไปเจรจาในขณะนี้จะต้องรับผิดชอบทั้งคณะหากพบว่าการไปยินยอมครั้งนี้ขัดต่อกฏหมาย"
ดร.เจิมศักดิ์ กล่าวอีกว่า หากพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไม่ออกมาชุมนุมคัดค้านรัฐบาลในหลายๆ เรื่อง ขณะนี้คงมีการแก้รัฐธรรมนูญไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และหากไม่มีการชุมนุมขณะนี้สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ คงถูกล้มล้างไปแล้วด้วยกลุ่มนักการเมืองที่ลุแก่อำนาจ เป็นเผด็จการรัฐสภา
"พลังนักศึกษา คือ อีกหนึ่งพลังที่จะช่วยผลักดันสังคมไปสู่ความเป็นธรรมได้ ฉะนั้น ทุกคนควรหันมาร่วมมือกันเพื่อสร้างการเมืองที่มีคุณธรรมปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สร้างการเมืองใหม่ที่ดีกว่าที่เป็นอยู่" ดร.เจิมศักดิ์ กล่าว
***ตลาดชายแดนช่องจอมสุรินทร์ป่วน
ส่วนที่ จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานถึงบรรยากาศการค้าชายชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม-โอร์เสม็ด ต.ด่าน อ.กาบเชิง ของพ่อค้าแม่ค้า ประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้ง 2 ประเทศยังคงดำเนินไปตามปกติ แต่บรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงา ทั้งในส่วนของตลาดชายแดนชุมชนโอร์เสม็ด อ.สำโรง จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา และตลาดใหม่ ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ฝั่งประเทศไทย
แต่อย่างไรก็ตาม บรรดาพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนชาวกัมพูชาต่างมีความวิตกกังวลเป็นอย่างมากว่า รัฐบาลกัมพูชาจะสั่งปิดด่านผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชาด้านช่องจอม จ.สุรินทร์ ซึ่งมีข่าวลือสะพัดมาอยู่ต่อเนื่องในขณะนี้ โดยรัฐบาลอาจอ้างเหตุปัญหาความขัดแย้งกรณีปราสาทพระวิหาร ด้าน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ และสถานการณ์ภายในประเทศที่จะมีการเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วไปในเร็วๆ นี้ ซึ่งจะสร้างความเดือดร้อนทั้งด้านการค้าขายและการทำมาหากินให้พ่อค้าแม่ค้า รวมทั้งชาวกัมพูชาตามแนวชายแดนเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์นี้ได้มีกระแสข่าวลืออย่างหนาแน่นในหมู่พ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชาว่า ทางการไทยและกัมพูชาจะทำการปิดประตูเข้า-ออก ด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม-โอร์เสม็ด ทำให้บรรดาพ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชาเกิดความสับสนเป็นอย่างมาก บางรายถึงขั้นปิดร้านค้าเพราะเกรงว่าสินค้าจะหายและไม่มั่นใจในความปลอดภัย
จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยต้องออกมาชี้แจงยืนยันว่า ยังไม่การสั่งปิดประตูชายแดนไทย-กัมพูชา ที่บริเวณด่านผ่านแดนถาวรช่องจอมแต่อย่างใด ส่วนปัญหาความขัดแย้งกรณีเขาพระวิหารนั้นเป็นหน้าที่ระดับรัฐบาล 2 ประเทศ ที่กำลังเจรจาหาข้อยุติร่วมกัน
นางวรรณะ แม่ค้าชายแดนชุมชนโอร์เม็ด โอร์เสม็ด อ.สำโรง จ.อุดรมีชัย ซึ่งเป็นชาว จ.พระตะบอง ประเทศกัมพูชา เปิดเผยว่า ไม่อยากให้รัฐบาลกัมพูชา สั่งปิดประตูด่านชายแดนไทย-กัมพูชา เพราะจะส่งผลทำให้การค้าขายลำบากมากและชาวกัมพูชาที่โอร์เสม็ดต้องเดือดร้อนหนักแน่นอน จึงอยากให้รัฐบาลและนายฮุนเซน นายกรัฐมนตรี แก้ไขปัญหาด้วยความรอบคอบ สันติ ประชาชนจะไม่ได้เดือดร้อนไปด้วย ซึ่งประชาชนที่โอร์เสม็ดกังวลต่อปัญหากรณีเขาพระวิหารที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้อย่างมาก และไม่ทราบว่ารัฐบาลกัมพูชาจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร
***ชาวสุรินทร์ลุกฮือทวงคืน "พระวิหาร"
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมาชาวจังหวัดสุรินทร์ กลุ่มพันธมิตรฯและสมัชชาประชาชนจังหวัดสุรินทร์กว่า 300 คน นำโดยนายอัครเดช สุพรรณฝ่าย, นายคราศี ลอยทอง, นายคำเกิง โถทอง, นายศักดา ศรีงาม, นายสามารถ อาญาเมือง, นายสำเนียง สุภัณภพ, นพ.ประทีบ ตลับทอง, นายประยูร พุ่มอินทร์, นายคมสันต์ เลือดสกุล, นายศิริพงษ์ ไหวดี, ศรวิทย์ ขุมทอง เป็นต้น ได้ร่วมกันเดินรณรงค์พร้อมถือป้ายข้อความ เช่น ชาวสุรินทร์ ร่วมปกป้องและรักษาแผ่นดินของไทย, ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ต้องยืนหยัดคู่ชาติไทย, เขาพระวิหารเป็นสมบัติของลูกหลานไทย, ชาวสุรินทร์ยอมสละเลือดเนื้อและชีวิต เพื่ออุทิศเป็นราชพลี เป็นต้น โดยได้เคลื่อนขบวนไปตามถนนสายหลักในเขตเทศบาลเมืองสุรินทร์
ทั้งนี้ เพื่อรณรงค์ปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และทวงคืนเขาพระวิหาร คัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร เป็นมรดกโลกของกัมพูชาแต่เพียงฝ่ายเดียว รวมทั้งเรียกร้องรัฐบาลไทยดำเนินการผลักดันชาวกัมพูชาที่มาปักหลักอยู่อาศัยที่บริเวณเชิงบันไดทางขึ้นปราสาทพระวิหาร รวมถึงกรณีทหารฝ่ายกัมพูชาเข้ามาสร้างประตูเหล็กกั้นทางเข้าสู่เขาพระวิหาร อยู่ในปัจจุบันให้ออกไปจากแผ่นดินไทยโดยเร็ว
พร้อมกันนี้ ได้แจกแถลงการณ์เรียกร้องให้ยูเนสโกระงับการจดทะเบียนประสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียวของกัมพูชา และ ให้ชะลอการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกจนกว่าประเทศไทยและกัมพูชาจะสามารถตกลงปักปันเขตแดนบริเวณดังกล่าวได้ข้อยุติร่วมกันอย่างชัดเจน
***"ศรีสะเกษ"ยันไม่กระทบการค้า
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ศรีสะเกษว่า แม้ขณะนี้ประเทศไทยและกัมพูชาจะมีปัญหาความขัดแย้งกรณีการขึ้นทะเบียนประสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกและชาวกัมพูชารุกล้ำเขตแดนไทยเข้ามาอยู่อาศัยที่บริเวณเชิงเขาพระวิหาร อ.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ แต่ขณะที่ด่านผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ ที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 30 กิโลเมตร (กม.) เจ้าหน้าที่ทั้ง 2 ประเทศยังคงเปิดด่านให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและกัมพูชาเดินทางเข้า-ออก จับจ่ายซื้อขายสินค้าต่างๆ ภายตลาดชายแดนด้านฝั่งประเทศไทยกันอย่างคึกคัก
บรรดาพ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชาได้ว่าจ้างรถเข็นเข้ามาซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค อาหาร ผลไม้ต่างๆ ทั้งเงาะ ทุเรียน มะพร้าว และปลาน้ำจืด จากพ่อค้าแม่ค้าคนไทยเพื่อนำเข้าไปขายยังฝั่งประเทศกัมพูชากันเป็นจำนวนมาก ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอภูสิงห์, อาสารักษาดินแดน (อส.) และตำรวจ สภ.ภูสิงห์ มาคอยอำนวยความสะดวก รักษาความสงบเรียบร้อยอย่างเต็มที่
นายเพิ่มศักดิ์ ฉวีรักษ์ นายอำเภอภูสิงห์ กล่าวว่า ถึงแม้สถานการณ์ความขัดแย้ง เกี่ยวกับปัญหาเขาพระวิหารยังไม่ได้ข้อยุติ แต่ในส่วนของการค้าขายชายแดนไทย-กัมพูชา ที่บริเวณด่านผ่านแดนถาวรช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ แห่งนี้ ประชาชนชาวกัมพูชาให้ความสำคัญกับเรื่องของปากท้องเป็นหลัก ซึ่งแต่ละวันจะมีชาวกัมพูชาเข้ามาจับจ่ายซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่ฝั่งไทยกันเป็นจำนวนมาก
"บรรดาพ่อค้า แม่ค้าชาวกัมพูชาทั้งจากเขต จ.พระวิหาร จ.อุดรมีชัย รวมไปถึง จ.เสียมราฐ ได้ขึ้นมาซื้อสินค้าที่ อ.ภูสิงห์ ไปขายกันมากเฉลี่ยมีเงินหมุนเวียนวันละหลายล้านบาท เนื่องจากสินค้าอุปโภคบริโภค ที่จำเป็นส่วนใหญ่ประเทศกัมพูชาไม่มีขาย หรือยังไม่สามารถผลิตได้" นายเพิ่มศักดิ์ กล่าว