ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – ‘ดร.เจิมศักดิ์’ ระบุสังคมอย่าหลงประเด็นระหว่าง ปราสาทพระวิหาร-เขาพระวิหาร ชี้สันปันน้ำแบ่งชัดเขตไทย-เขมร แต่พอฝนตกน้ำกลับไหลลงมาแต่ฝั่งไทย ฉะนั้น ปราสาทบนเขาพระวิหารควรป็นของใคร? อัด ครม.ต้องรับผิดชอบทั้งคณะ พร้อมปลุกพลังนักศึกษาโค่นระบอบทักษิณ ขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิด สร้างการเมืองใหม่
วันนี้ (6 ก.ค.) เวลา 14.30 น. เวทีบันเทิงวิชาการ “เขาพระวิหารเป็นของไทย หรือของใคร” ที่ลานกิจกรรมนักศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ (มอ.) เป็นไปอย่างคึกคัก โดยในช่วง ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ขึ้นเวทีเสวนาในช่วงแรกให้ประชาชนและนิสิตนักศึกษาที่มาร่วมฟังกันเต็มลานกิจกรรมได้ฟัง แม้จะมีฝนตกลงมาเล็กน้อยก็ไม่ถอย รอฟังการเสวนากันแน่นขนัด
ช่วงแรก ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง กล่าวถึงประเด็นปราสาทพระวิหารว่า ขณะนี้ประเด็นที่มีการถกเถียงกันอยู่ก็คือ ประเด็นปราสาทพระวิหาร ไม่ใช่เขาพระวิหาร เนื่องจากในส่วนของเขาพระวิหารนั้น เขตแดนไทยและเขมรมีความชัดเจนอยู่แล้ว โดยยึดเอาแนวสันปันน้ำที่ทั้งสองประเทศยอมรับเป็นเส้นแบ่งเขตแดนบนเขาพระวิหาร โดยมีปราสาทพระวิหารตั้งอยู่บนพื้นที่ดังกล่าว
“เมื่อปี 2505 ที่ศาลโลกพิพากษาให้ปราสาทพระวิหารเป็นของประเทศกัมพูชา และไทยส่งหนังสือคัดค้านการตัดสิน และจะไม่เอาธงชาติที่แสดงอธิปไตยไทยลงจากเขาพระวิหาร และจริงๆ แล้วสันปันน้ำที่แบ่งเขตไทย-เขมร ผมได้ไปสำรวจดูแล้วโดยมีเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ไทยอำนวยความสะดวก พบว่าช่วงที่มีฝนตกลงมานั้นน้ำที่ไหลลงมาจากสันปันน้ำไหลลงมาฝั่งประเทศไหทยหมดเลย แค่นี้ก็พอจะรู้แล้วว่าปราสาทพระวิหารควรเป็นของใคร ซึ่งเรื่องนี้คณะรัฐมนตรีไทยที่ไปเจรจาในขณะนี้จะต้องรับผิดชอบทั้งคณะหากพบว่าการไปยินยอมครั้งนี้ขัดต่อกฎหมาย”
ดร.เจิมศักดิ์ กล่าวอีกว่า หากพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่ออกมาชุมนุมคัดค้านรัฐบาลในหลายๆ เรื่อง ขณะนี้คงมีการแก้รัฐธรรมนูญไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และหากไม่มีการชุมนุมขณะนี้สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ คงถูกล้มล้างไปแล้วด้วยกลุ่มนักการเมืองที่ลุแก่อำนาจ เป็นเผด็จการรัฐสภา
“พลังนักศึกษา คืออีกหนึ่งพลังที่จะช่วยผลักดันสังคมไปสู่ความเป็นธรรมได้ ฉะนั้นทุกคนควรหันมาร่วมมือกันเพื่อสร้างการเมืองที่มีคุณธรรม ปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สร้างการเมืองใหม่ที่ดีกว่าที่เป็นอยู่”