xs
xsm
sm
md
lg

วิกฤต!ครัวเรือนขาดแคลนแอลพีจี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน- ร้านค้าย่อยหลายแห่งขาดแอลพีจีจำหน่าย กระทบการใช้ของครัวเรือน สมาคมผู้ค้าก๊าซฯ ชี้เป็นเพราะการขนส่งไม่ต่อเนื่อง หลังปริมาณแอลพีจีส่วนใหญ่ถูกจัดสรรไปยังปั๊มก๊าซรถยนต์และแท็กซี่เพื่อแก้ขาดแคลน ยันภายใน 1-2 วันเป็นปกติแน่ เชลล์เมินลงทุนเอ็นจีวี แม้รัฐจะส่งเสริมรถยนต์ใช้แทนแอลพีจี มองขณะนี้ไม่คุ้มเหตุลงทุนสูง แถมปตท.ผูกขาดขายก๊าซรายเดียว ขณะที่ปตท.ขย่มซ้ำลดค่าการตลาดเอ็นจีวีทันควัน
นายชิษณุพงษ์ รุ่งโรจน์งามเจริญ นายกสมาคมผู้ค้าก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) เปิดเผยถึงการหารือกับร้านค้าก๊าซฯ วานนี้ (6ก.ค.) ว่า ปัญหาแอลพีจีภาคครัวเรือนที่ร้านค้ารายย่อยหลายแห่งขาดแคลนและร้องเรียนมายังสมาคมฯ คาดว่าอีก 1-2 วันจะคลี่คลาย เหตุการจัดส่งก๊าซอาจไม่ทันกับความต้องการ เนื่องจากที่ผ่านมาได้มีการจัดสรรแอลพีจีในภาคขนส่งเพื่อแก้ปัญหาให้กับรถแท็กซี่และรถยนต์ที่ขาดแคลน ทำให้โรงบรรจุบางแห่งที่จะป้อนภาคครัวเรือนมีการขาดแคลนเพราะขนส่งให้ไม่ทัน ซึ่งทางสมาคมฯ ปตท. และกระทรวงพลังงานได้เร่งดำเนินการแก้ไขแล้ว
“ปัญหาก๊าซฯขาด เพราะระบบขนส่งเกิดปัญหาขึ้นในช่วงที่ผ่านมาก็เลยทำให้ก๊าซในรถยนต์ขาดประกอบกับการนำเข้าล่าช้าไปอีก แต่หลังจากนั้นทุกอย่างก็เป็นปกติจึงทำให้เกิดการระดมก๊าซฯไปป้อนขนส่งก่อน เพราะคิดว่าร้านค้าก็มีสต็อกแอลพีจีขายระดับหนึ่ง แต่ก็ยอมรับว่าเกิดรอยต่อที่การขนส่งไปไม่ทั่วถึงเช่นกันทำให้โรงบรรจุบางแห่งขาดโดยไม่มีก๊าซต่อเนื่อง จึงได้ประสานทุกฝ่ายแล้วพบว่าคลังปตท.ที่บางจากได้จ่ายก๊าซฯอย่างเต็มที่ ดังนั้นเชื่อว่าไม่เกินวันที่ 9 ก.ค.จะปกติทุกอย่างโดยเรื่องนี้ได้ชี้แจงผู้ค้าแล้ว”นายชิษณุพงษ์กล่าว
ทั้งนี้ ขอให้ทุกฝ่ายใจเย็นๆ เพราะปริมาณนั้นไม่ขาดแคลน เพราะล่าสุดจากการตรวจสอบร่วมกันก๊าซจากคลังเขาบ่อยา เริ่มจ่ายก๊าซเต็มที่ เพราะมีแอลพีจีนำเข้ามา 20,000 กว่าตัน และเรือจอดรออยู่ในทะเลอีก 40,000 ตัน ในจำนวนนี้จะเพียงพอต่อความต้องการใช้แน่นอน อย่างไรก็ตาม ขอเตือนประชาชนภาคครัวเรือนอย่าได้นำถังก๊าซหุงต้มไปเติมที่ปั๊มแอลพีจีที่เติมให้แก่รถยนต์ เพราะผิดกฎหมายและอันตราย
นายศัลยา สุคนธทรัพย์ ผู้จัดการฝ่ายราคาการตลาดค้าปลีก บริษัทเชลล์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้เชลล์ยังไม่มีนโยบายที่จะลงทุนทำตลาดในส่วนของเอ็นจีวี เนื่องจากต้องใช้เงินในการลงทุนสร้างสถานีบริการเอ็นจีวีสูงถึง 30-40 ล้านบาทต่อแห่ง ขณะที่การรับซื้อก๊าซเอ็นจีวีจะต้องจัดซื้อจากปตท.เพียงรายเดียวเท่านั้น รวมทั้งระบบสาธารณูปโภคของเชลล์เองก็ยังไม่พร้อมด้วยจึงเกรงว่าจะเจอปัญหาเช่นเดียวกับแอลพีจี
“ปั๊มน้ำมันของเชลล์ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลมีขนาดไม่ใหญ่พอที่จะลงทุนทำปั๊มเอ็นจีวี แม้ว่า ปตท.จะให้ค่าการตลาดเอ็นจีวี 2 บาท/ก.ก. ก็ตาม เพราะถ้าจะให้คุ้มค่าต่อการลงทุนค่าการตลาดจะต้องมากกว่านี้ 2 เท่า ดังนั้น จึงต้องศึกษาในเรื่องของความคุ้มค่าอีกระยะหนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจ ซึ่งมองว่าความคุ้มค่าปั๊มเอ็นจีวีจะต้องอยู่ปลายท่อส่งก๊าซฯ ซึ่งโรงไฟฟ้าและโรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้ก๊าซฯในกระบวนการผลิตน่าจะคุ้มกว่า ส่วนภาคขนส่งมีการใช้เอ็นจีวีเพียง 2.5% เท่านั้น และเห็นว่าราคาก๊าซเอ็นจีวีที่ใช้ในโรงไฟฟ้าและภาคขนส่งควรจะเป็นคนละราคา เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก”นายศัลยา กล่าว
แหล่งข่าวจากผู้ค้าน้ำมัน กล่าวว่า ล่าสุดได้รับรายงานจากผู้ค้าน้ำมันด้วยกันว่า ขณะนี้ ปตท.ได้ลดค่าการตลาดเอ็นจีวีลดเหลือ 1 บาทต่อกิโลกรัม จากเดิมที่กำหนดให้ค่าการตลาดเอ็นจีวีที่ระดับ 2 บาทต่อกิโลกรัม เนื่องจากในช่วงเริ่มต้นยังไม่มีใครสนใจที่จะเข้ามาลงทุนเอ็นจีวีมากขึ้น ปตท.จึงให้ค่าการตลาดเอ็นจีวีในระดับที่สูงเพื่อจูงใจ แต่ขณะนี้เริ่มมีผู้สนใจเข้าลงทุนและปริมาณความต้องการใช้เอ็นจีวีก็มีมากขึ้นแล้ว ปตท.จึงลดค่าการตลาดเอ็นจีวีลงมา
พล.ท.หญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รมว.พลังงาน กล่าวว่า จากการส่งเสริมการใช้ก๊าซในรถยนต์หรือเอ็นจีวีแทนแอลพีจีเพราะมีความปลอดภัยมากกว่านั้น ปัจจุบันปั๊มแอลพีจีทั่วประเทศหลายรายได้ยกเลิกจำหน่ายและหันมาจำหน่ายเอ็นจีวีแล้วกว่า 40 แห่ง และปั๊มแอลพีจีที่จะเกิดใหม่รัฐบาลมีนโยบายระงับการเพิ่มจำนวนปั๊มอีกด้วยทำให้รถยนต์ต่อไปการเติมเอ็นจีวีจะสะดวกกว่าแอลพีจี
อย่างไรก็ตาม นโยบายด้านพลังงานต้องการให้นำก๊าซแอลพีจีมาใช้ในภาคอุตสาหกรรมและครัวเรือนเป็นหลัก ส่วนภาคการขนส่งจะสนับสนุนให้ใช้พลังงานทดแทนอย่างอี 85 แก๊สโซฮอล์ และเอ็นจีวี โดยเฉพาะเอ็นจีวี แม้ในอนาคตจะมีการปรับราคา แต่ต้นทุนของการสิ้นเปลืองยังอยู่ในระดับที่ต่ำ โดยราคาเอ็นจีวี 8.50 บาท/กก. มีอัตราสิ้นเปลืองที่ 56 สต./1 กม. หากในปี 2552 เอ็นจีวีปรับขึ้นเป็น 12 บาท/ กก. อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 86 สต./กม.
กำลังโหลดความคิดเห็น