ข้าพเจ้าขอนอบน้อมบูชาพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น พระผู้เป็นศาสดาเอกของโลก ทรงเสด็จไปดีแล้ว ทรงมอบพระธรรมวินัยและพระสงฆ์สาวกเพื่อประโยชน์และความสุขของชนหมู่มากในโลก
อีกไม่ถึงสามสัปดาห์ก็จะถึงวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษาแล้ว ดังนั้นในฐานะชาวพุทธจึงจำเป็นต้องทำหน้าที่ในการประกาศพระธรรมคำสอนและปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
เหตุนี้นับแต่วันนี้ไปจนสิ้นเทศกาลดังกล่าว จะได้นำพระธรรมคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้ามาแสดงแก่เพื่อนชาวพุทธโดยอรรถะและพยัญชนะโดยปริยายสืบไป ขอเพื่อนชาวพุทธผู้ร่วมเกิดแก่เจ็บตายทั้งปวงจงรับเอาประโยชน์อันควรมีควรได้สำหรับเทศกาลอาสาฬหบูชาปีนี้เถิด
วันนี้เห็นสมควรที่จะนำพระธรรมคำสอนที่สำคัญซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงบำเพ็ญมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เพื่อให้เป็นแบบอย่างแก่ปวงชนชาวไทย ซึ่งควรที่มหาชนชาวไทยจะได้ถือเป็นบทเรียนในการประพฤติปฏิบัติตนเพื่อประโยชน์ตนและประโยชน์ท่าน ตลอดจนบ้านเมืองของเรา โดยเฉพาะในยามที่บ้านเมืองอยู่ในวิกฤตที่สุดในขณะนี้
จึงให้ชื่อบทความนี้ว่า “บทเรียนการต่อสู้จากในหลวง” โดยตั้งปุจฉาเป็นปฐมบทว่าในหลวงต่อสู้กับอะไร? ทรงใช้อะไรในการต่อสู้? และมีบทเรียนประการใด?
จะได้วิสัชนาทั้งสามหัวข้อรวมกันไปเพื่อให้พอเหมาะพอดีกับเนื้อที่อันจำกัด
หวนย้อนไปดูอย่างแยบคายแล้วก็จะพบความจริงว่าตั้งแต่แรกเริ่มเสด็จขึ้นเสวยสิริราชสมบัติ ก็ทรงพบเห็นและทรงเข้าใจปัญหาของชาติบ้านเมืองอย่างแจ่มแจ้งแล้ว
ประจักษ์พยานอันสำคัญก็คือคำประกาศของพระองค์อันปรากฏในพระปฐมบรมราชโองการที่ว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”
ในหลวงไม่ปกครองแผ่นดิน แต่ทรงครองแผ่นดิน คำว่า “ครอง” นั้นก็มีความหมายเช่นเดียวกับการครองจีวรของพระสงฆ์ คือความเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างพระองค์กับแผ่นดิน ซึ่งขยายความรวมถึงประเทศชาติและประชาชนทุกหมู่เหล่าไปพร้อมกัน
เสียดายนักที่ภาครัฐไม่เข้าใจปัญหานี้และไม่เข้าใจความหมายนี้ จึงไม่ดำเนินตามรอยพระบาท และเหิมเกริมคิดอ่าน “ปกครอง” แทนการ “ครอง” ทำให้แผ่นดินนี้แบ่งคนออกเป็นสองพวก คือผู้ปกครองและผู้ถูกปกครอง แล้วเป็นรากเหง้าของปัญหาทั้งหลายทั้งปวงของประเทศนี้
หน่วยงานที่เรียกว่า “กรมการปกครอง” นั่นแหละตัวดีนัก! เป็นใครมาจากไหนหรือจึงถือตนเป็นผู้ปกครองและยึดอำนาจการปกครองของบ้านเมืองมาจนถึงบัดนี้
การครองแผ่นดินของพระองค์มิได้ทรงถือเอาอำนาจเป็นใหญ่ แต่ทรงถือเอาธรรมเป็นใหญ่ ทรงเคารพธรรม ทรงปฏิบัติธรรม ทรงอยู่ในธรรม และทรงอาศัยธรรมในการครองแผ่นดิน เหตุนี้แผ่นดินของพระองค์จึงร่มเย็นเป็นสุขตลอดมา
อาณาประชาราษฎรและสมณะชีพราหมณ์ทั้งปวง ตลอดจนคนต่างด้าวเท้าต่างแดนที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารล้วนได้รับความร่มเย็นเป็นสุขและเจริญก้าวหน้าถ้วนหน้ากัน
ธรรมที่ว่านี้ก็คือกุศลธรรมทั้งปวง มิได้มีสิ่งที่เรียกว่าอกุศลธรรมหรืออัพพยา กตาธรรมคือธรรมที่เป็นกลางๆ โดยเฉพาะธรรมที่มีชื่อว่าทศพิธราชธรรม จักรพรรดิธรรม เป็นต้น
นี่คือบทเรียนอันสำคัญยิ่งของผู้มีอำนาจทั้งปวงไม่ว่าระดับไหนๆ ว่าหากถือธรรมเป็นใหญ่และครองแผ่นดินโดยธรรมแล้ว ประพฤติปฏิบัติธรรมด้วยดีโดยชอบแล้วก็จะยังประโยชน์สุขให้เกิดขึ้นทั้งแก่ตนแก่ท่าน ตลอดจนบ้านเมืองอันเป็นที่รักยิ่งด้วย
เป็นบทเรียนอันสำคัญยิ่งว่าหากไม่ถือธรรมเป็นใหญ่ ไม่ประพฤติปฏิบัติธรรม แต่ถือเอาอำนาจเป็นใหญ่ ปฏิบัติแต่อกุศลธรรม ฉ้อฉล ปล้นชาติ ปล้นแผ่นดิน กดขี่ข่มเหงรังแกอาณาประชาราษฎร์แล้ว ความเดือดร้อนทุกข์เข็ญย่อมบังเกิดเป็นทุกหย่อมหญ้า
นำความเดือดร้อนหายนะมาสู่ตนมาสู่ท่าน ตลอดจนบ้านเมืองอันเป็นที่รักยิ่งด้วย
บทเรียนทั้งหลายในประวัติศาสตร์ที่เคยมีมาพิสูจน์ให้เห็นว่าผู้ถืออำนาจเป็นใหญ่จะมีจุดจบที่น่าสมเพชเวทนายิ่ง ไม่ตายโหงตายห่าก็ติดคุกติดตะราง หรือไม่ก็จะพินาศฉิบหายด้วยประการต่างๆ สรรพทุกข์ สรรพโรค สรรพภัย จะย่ำยีบีฑาด้วยอำนาจแห่งเทพยดาและกรรมชั่วแห่งตน โดยไม่มีทางหลีกลี้หนีพ้นไปได้เลย
บทเรียนประการนี้จึงควรที่จะได้ตระหนักสังวรแล้วถอนตัวเสียให้ทันท่วงที อย่าถลำลึกไปกว่านี้เลย จะตกอยู่ในห้วงเหวหายนะอันน่าสมเพชเวทนายิ่ง ชะงักม้าไว้ริมผายังดีกว่ากระโจนม้าจนตกหน้าผาตายมากมายนัก
เพราะทรงบำเพ็ญธรรมในการครองแผ่นดินโดยธรรม จึงทำให้ภูมิธรรมในพระองค์สูงล้ำ ก้าวพ้นฐานะสมมติเทวราช ซึ่งยังคราคร่ำอยู่ด้วยโลกียะวิสัยไปสู่ความเป็นสมมติเทวราชอีกระดับหนึ่งอันเป็นทิพย์
เพราะผู้ใดก็ตามที่ได้บรรลุภูมิธรรมขั้นสำคัญบางขั้นที่พระตถาคตเจ้าทรงตรัสสอน ทรงชี้ทางและวางแบบอย่างไว้แล้ว ย่อมเข้าถึงแดนทิพย์ ดำรงอยู่ในทิพยสถานะ แม้พระกายก็จะมีพระนามกายอันเป็นทิพย์บังเกิดขึ้น ล่วงพ้นวิสัยคนธรรมดาจะสัมผัสได้
เหตุนั้นพระองค์จึงมีพระพละอันมหัศจรรย์ยิ่ง พระพละบารมีได้เป็นที่ประจักษ์ในการกำราบและกำจัดยุคเข็ญให้กับบ้านเมืองหลายครั้งหลายหน
แม้ในวันนี้บ้านเมืองจะเป็นกลียุค และแม้ว่าจะทรงพระชนมายุล่วงพ้น 80 กว่าพรรษาแล้ว แต่พระพละบารมีนั้นยังทรงมีอย่างเต็มเปี่ยม ทรงแผ่พระพละบารมีในวันไหน ความทุกข์เข็ญเป็นกลียุคก็จะกลับคืนสู่ความสงบร่มเย็นเป็นปกติ
อำนาจรัฐ อำนาจเงิน อำนาจเถื่อนที่ไม่ตั้งอยู่ในธรรมจะเบายิ่งกว่าปุยนุ่น ไหนเลยจะทานพระพละบารมีที่เป็นประหนึ่งวายุจักรได้
ตลอดระยะเวลาแห่งรัชกาลที่ผ่านมา ทรงบำเพ็ญทศพิธราชธรรมอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งขันติธรรม ทมะธรรม วิริยะธรรม สัจธรรม เมตตาธรรม สันโดษธรรม และอุเบกขาธรรมล้ำเลิศนัก
ทรงมีความอดทน มีความข่มพระทัย มีความเพียร ดำรงอยู่ในสัจจะ ล้นพ้นด้วยเมตตา ดำรงอยู่อย่างพอเพียง และความวางเฉยด้วยปัญญา หาผู้ใดเสมอเหมือนมิได้
ธรรมเหล่านี้บ้างก็เป็นมงคลธรรมอันสูงสุดที่แม้ประพฤติปฏิบัติแต่เพียงประการเดียวก็ย่อมเป็นที่รักแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้ที่ไม่พ่ายแพ้ในที่ทั้งปวง เป็นผู้ที่ได้รับชัยชนะในที่ทั้งปวง เป็นผู้มีจิตเกษม ปราศจากฝุ่นธุลีแม้น้อยนิด ไม่หวั่นไหวในโลกธรรมทั้งปวง
ทรงตรัสสอนพระธรรมที่ทรงบำเพ็ญนั้นแก่พสกนิกรของพระองค์อย่างมิยอมเหน็ดมิยอมเหนื่อย
เหนือกว่าเทพแห่งกาลเวลาที่บางครั้งก็ท้อแท้ในการสอนผู้คนดังที่ปรากฏหลักฐานเป็นคำรำพึงรำพันอย่างท้อถอยในโศลกหนึ่งแห่งมหาภารตะยุทธ์ว่า
“ข้าพเจ้าชูแขนขึ้นป่าวประกาศธรรม แต่หามีใครเชื่อฟังข้าพเจ้าไม่
ธรรมนำมาซึ่งความสงบสุข แต่ไฉนเล่าจึงไม่มีผู้ใดปฏิบัติธรรม”
ทรงตรัสสอนว่ามนุษย์เรานี้มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครทำให้คนเป็นคนดีทั้งหมดได้ ดังนั้นจึงต้องส่งเสริมให้คนดีมีอำนาจในบ้านเมือง และต้องกำจัดขัดขวางไม่ให้คนไม่ดีมีอำนาจในบ้านเมือง
เพราะถ้าบ้านเมืองได้คนดีมามีอำนาจ บ้านเมืองก็ร่มเย็นเป็นสุข อาณาประชาราษฎรก็ร่มเย็นเป็นสุข แต่ถ้าบ้านเมืองได้คนไม่ดีมามีอำนาจ บ้านเมืองก็เดือดร้อนทุกข์เข็ญ อาณาประชาราษฎร์ก็เดือดร้อนทุกข์เข็ญ สรรพอุบาทว์บังเกิดเป็นทุกหย่อมหญ้า กระทั่งอาจสิ้นชาติสิ้นแผ่นดิน
วันนี้แก๊งทรชนสวนทางกับพระธรรมที่ทรงตรัสสอน ส่งเสริมให้คนไม่ดีมีอำนาจในบ้านเมือง กำจัดคนดีไม่ให้มีอำนาจในบ้านเมือง บังอาจเหิมเกริมท้าทายและสวนทางคำสั่งสอนของพระองค์ท่านอย่างหน้าตาเฉย ทั้งๆ ที่ได้ถวายสัตย์ปฏิญาณต่อหน้าพระพักตร์กันมาแล้ว
ผู้ทรยศเช่นนี้ย่อมถือว่าทรยศต่อธรรม ย่อมเป็นที่เกลียดชังของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ย่อมถึงซึ่งความพินาศฉิบหายทั้งตัวเอง ครอบครัว และผู้แวดล้อม แผ่นดินจะสูบ ฟ้าจะผ่า พระสมุทรจะท่วมทับ มหาชนจะเหยียบกระทืบ จนชีวิตและทรัพย์สิ่งศฤงคารเป็นผุยผงในที่สุด
ทรงตรัสสอนให้ผู้คนยึดมั่นในสันโดษ ทรงคิดค้นทฤษฎีใหม่หรือหลักปรัชญาความพอเพียง ซึ่งพระพุทธองค์ทรงเรียกว่าสันโดษ และทรงตรัสสรรเสริญว่าเป็นมงคลอันสูงสุดของมนุษย์ที่ผู้ใดประพฤติปฏิบัติแล้วจะไม่ยากจน จะพ้นจากทุกข์เข็ญ และถึงซึ่งความประเสริฐสมกับที่เกิดมาเป็นเวไนยสัตว์
เพราะถ้ารู้จักความพอเพียงเสียอย่างเดียวก็จะมีความสงบใจ มีความอิ่มใจ มีความสุขใจ ไม่มีความทุกข์ร้อนกระวนกระวาย ไม่มีความยากจนหิวกระหายในจิตใจ หลุดพ้นจากความเดือดร้อนกายใจในฉับพลัน
ดูเอาเถิดชาวนาที่ยากจนแต่ยังยิ้มแย้มแจ่มใสเริงร่ากับครอบครัวและเพื่อนพ้องน้องพี่ แตกต่างราวฟ้ากับดินกับอัครมหาเศรษฐีที่มีทั้งเงินและอำนาจล้นฟ้ามหาสมุทร ที่ไม่รู้จักความพอเพียง มีแต่ความหิวโซกระวนกระวายไม่เคยสร่าง ไม่ต่างอันใดกับตกอยู่ในเปรตวิสัย หรือตกอยู่ในนรกที่ไฟบรรลัยกัลป์กำลังเผาผลาญทั้งเวลาหลับและเวลาตื่นนั้นเลย
เหล่านี้คือบทเรียนทั่วไปจากการต่อสู้ของในหลวง แต่ถ้าจะเอาบทเรียนเฉพาะจากการต่อสู้ของในหลวงแล้ว ก็พึงดูเอาจากพระราชนิพนธ์เรื่องพระมหาชนกก็จะเห็นชัด
ครานั้นพระมหาชนกราชเสด็จสวรรคต สิริราชสมบัติตกแก่พระอริฏฐชนกผู้พี่ และตำแหน่งอุปราชตกแก่พระโปลชนกผู้น้อง
พระราชาทนต่อคำอาบพิษอันซ้ำซากไม่ได้ จึงลงโทษคุมตัวพระอุปราชไว้แล้วพระอุปราชนั้นก็ได้กระทำสัตยาธิษฐานตั้งเอาความบริสุทธิ์เป็นที่ตั้ง จึงหลุดออกจากการจองจำ แล้วเสด็จหนีออกไปยังเมืองชายแดนแห่งหนึ่ง
“ไปตั้งพระองค์ ณ ที่นั้น ประชาชนจำท่านได้ก็บำรุงพระองค์ ... สามารถแผ่อิทธิพลทั่ว ... และรวบรวมกำลังพลจำนวนมาก ... แล้วเคลื่อนทัพไปสู่กรุงมิถิลา ... เมื่อเหล่าทหารชาวมิถิลารับทราบว่า ... เสด็จมา ก็พากันขนยุทโธปกรณ์ มีพาหนะช้างเป็นต้น ... ชาวนครพลเมืองอื่นๆ ก็เข้ามาสวามิภักดิ์ด้วย”
ในที่สุดก็ทรงใช้กำลังกองทัพประชาชนและเหล่าทหารที่เปลี่ยนใจเข้ามาสนับสนุนทำศึกจนได้ชัยชนะด้วยประการฉะนี้.
อีกไม่ถึงสามสัปดาห์ก็จะถึงวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษาแล้ว ดังนั้นในฐานะชาวพุทธจึงจำเป็นต้องทำหน้าที่ในการประกาศพระธรรมคำสอนและปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
เหตุนี้นับแต่วันนี้ไปจนสิ้นเทศกาลดังกล่าว จะได้นำพระธรรมคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้ามาแสดงแก่เพื่อนชาวพุทธโดยอรรถะและพยัญชนะโดยปริยายสืบไป ขอเพื่อนชาวพุทธผู้ร่วมเกิดแก่เจ็บตายทั้งปวงจงรับเอาประโยชน์อันควรมีควรได้สำหรับเทศกาลอาสาฬหบูชาปีนี้เถิด
วันนี้เห็นสมควรที่จะนำพระธรรมคำสอนที่สำคัญซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงบำเพ็ญมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เพื่อให้เป็นแบบอย่างแก่ปวงชนชาวไทย ซึ่งควรที่มหาชนชาวไทยจะได้ถือเป็นบทเรียนในการประพฤติปฏิบัติตนเพื่อประโยชน์ตนและประโยชน์ท่าน ตลอดจนบ้านเมืองของเรา โดยเฉพาะในยามที่บ้านเมืองอยู่ในวิกฤตที่สุดในขณะนี้
จึงให้ชื่อบทความนี้ว่า “บทเรียนการต่อสู้จากในหลวง” โดยตั้งปุจฉาเป็นปฐมบทว่าในหลวงต่อสู้กับอะไร? ทรงใช้อะไรในการต่อสู้? และมีบทเรียนประการใด?
จะได้วิสัชนาทั้งสามหัวข้อรวมกันไปเพื่อให้พอเหมาะพอดีกับเนื้อที่อันจำกัด
หวนย้อนไปดูอย่างแยบคายแล้วก็จะพบความจริงว่าตั้งแต่แรกเริ่มเสด็จขึ้นเสวยสิริราชสมบัติ ก็ทรงพบเห็นและทรงเข้าใจปัญหาของชาติบ้านเมืองอย่างแจ่มแจ้งแล้ว
ประจักษ์พยานอันสำคัญก็คือคำประกาศของพระองค์อันปรากฏในพระปฐมบรมราชโองการที่ว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”
ในหลวงไม่ปกครองแผ่นดิน แต่ทรงครองแผ่นดิน คำว่า “ครอง” นั้นก็มีความหมายเช่นเดียวกับการครองจีวรของพระสงฆ์ คือความเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างพระองค์กับแผ่นดิน ซึ่งขยายความรวมถึงประเทศชาติและประชาชนทุกหมู่เหล่าไปพร้อมกัน
เสียดายนักที่ภาครัฐไม่เข้าใจปัญหานี้และไม่เข้าใจความหมายนี้ จึงไม่ดำเนินตามรอยพระบาท และเหิมเกริมคิดอ่าน “ปกครอง” แทนการ “ครอง” ทำให้แผ่นดินนี้แบ่งคนออกเป็นสองพวก คือผู้ปกครองและผู้ถูกปกครอง แล้วเป็นรากเหง้าของปัญหาทั้งหลายทั้งปวงของประเทศนี้
หน่วยงานที่เรียกว่า “กรมการปกครอง” นั่นแหละตัวดีนัก! เป็นใครมาจากไหนหรือจึงถือตนเป็นผู้ปกครองและยึดอำนาจการปกครองของบ้านเมืองมาจนถึงบัดนี้
การครองแผ่นดินของพระองค์มิได้ทรงถือเอาอำนาจเป็นใหญ่ แต่ทรงถือเอาธรรมเป็นใหญ่ ทรงเคารพธรรม ทรงปฏิบัติธรรม ทรงอยู่ในธรรม และทรงอาศัยธรรมในการครองแผ่นดิน เหตุนี้แผ่นดินของพระองค์จึงร่มเย็นเป็นสุขตลอดมา
อาณาประชาราษฎรและสมณะชีพราหมณ์ทั้งปวง ตลอดจนคนต่างด้าวเท้าต่างแดนที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารล้วนได้รับความร่มเย็นเป็นสุขและเจริญก้าวหน้าถ้วนหน้ากัน
ธรรมที่ว่านี้ก็คือกุศลธรรมทั้งปวง มิได้มีสิ่งที่เรียกว่าอกุศลธรรมหรืออัพพยา กตาธรรมคือธรรมที่เป็นกลางๆ โดยเฉพาะธรรมที่มีชื่อว่าทศพิธราชธรรม จักรพรรดิธรรม เป็นต้น
นี่คือบทเรียนอันสำคัญยิ่งของผู้มีอำนาจทั้งปวงไม่ว่าระดับไหนๆ ว่าหากถือธรรมเป็นใหญ่และครองแผ่นดินโดยธรรมแล้ว ประพฤติปฏิบัติธรรมด้วยดีโดยชอบแล้วก็จะยังประโยชน์สุขให้เกิดขึ้นทั้งแก่ตนแก่ท่าน ตลอดจนบ้านเมืองอันเป็นที่รักยิ่งด้วย
เป็นบทเรียนอันสำคัญยิ่งว่าหากไม่ถือธรรมเป็นใหญ่ ไม่ประพฤติปฏิบัติธรรม แต่ถือเอาอำนาจเป็นใหญ่ ปฏิบัติแต่อกุศลธรรม ฉ้อฉล ปล้นชาติ ปล้นแผ่นดิน กดขี่ข่มเหงรังแกอาณาประชาราษฎร์แล้ว ความเดือดร้อนทุกข์เข็ญย่อมบังเกิดเป็นทุกหย่อมหญ้า
นำความเดือดร้อนหายนะมาสู่ตนมาสู่ท่าน ตลอดจนบ้านเมืองอันเป็นที่รักยิ่งด้วย
บทเรียนทั้งหลายในประวัติศาสตร์ที่เคยมีมาพิสูจน์ให้เห็นว่าผู้ถืออำนาจเป็นใหญ่จะมีจุดจบที่น่าสมเพชเวทนายิ่ง ไม่ตายโหงตายห่าก็ติดคุกติดตะราง หรือไม่ก็จะพินาศฉิบหายด้วยประการต่างๆ สรรพทุกข์ สรรพโรค สรรพภัย จะย่ำยีบีฑาด้วยอำนาจแห่งเทพยดาและกรรมชั่วแห่งตน โดยไม่มีทางหลีกลี้หนีพ้นไปได้เลย
บทเรียนประการนี้จึงควรที่จะได้ตระหนักสังวรแล้วถอนตัวเสียให้ทันท่วงที อย่าถลำลึกไปกว่านี้เลย จะตกอยู่ในห้วงเหวหายนะอันน่าสมเพชเวทนายิ่ง ชะงักม้าไว้ริมผายังดีกว่ากระโจนม้าจนตกหน้าผาตายมากมายนัก
เพราะทรงบำเพ็ญธรรมในการครองแผ่นดินโดยธรรม จึงทำให้ภูมิธรรมในพระองค์สูงล้ำ ก้าวพ้นฐานะสมมติเทวราช ซึ่งยังคราคร่ำอยู่ด้วยโลกียะวิสัยไปสู่ความเป็นสมมติเทวราชอีกระดับหนึ่งอันเป็นทิพย์
เพราะผู้ใดก็ตามที่ได้บรรลุภูมิธรรมขั้นสำคัญบางขั้นที่พระตถาคตเจ้าทรงตรัสสอน ทรงชี้ทางและวางแบบอย่างไว้แล้ว ย่อมเข้าถึงแดนทิพย์ ดำรงอยู่ในทิพยสถานะ แม้พระกายก็จะมีพระนามกายอันเป็นทิพย์บังเกิดขึ้น ล่วงพ้นวิสัยคนธรรมดาจะสัมผัสได้
เหตุนั้นพระองค์จึงมีพระพละอันมหัศจรรย์ยิ่ง พระพละบารมีได้เป็นที่ประจักษ์ในการกำราบและกำจัดยุคเข็ญให้กับบ้านเมืองหลายครั้งหลายหน
แม้ในวันนี้บ้านเมืองจะเป็นกลียุค และแม้ว่าจะทรงพระชนมายุล่วงพ้น 80 กว่าพรรษาแล้ว แต่พระพละบารมีนั้นยังทรงมีอย่างเต็มเปี่ยม ทรงแผ่พระพละบารมีในวันไหน ความทุกข์เข็ญเป็นกลียุคก็จะกลับคืนสู่ความสงบร่มเย็นเป็นปกติ
อำนาจรัฐ อำนาจเงิน อำนาจเถื่อนที่ไม่ตั้งอยู่ในธรรมจะเบายิ่งกว่าปุยนุ่น ไหนเลยจะทานพระพละบารมีที่เป็นประหนึ่งวายุจักรได้
ตลอดระยะเวลาแห่งรัชกาลที่ผ่านมา ทรงบำเพ็ญทศพิธราชธรรมอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งขันติธรรม ทมะธรรม วิริยะธรรม สัจธรรม เมตตาธรรม สันโดษธรรม และอุเบกขาธรรมล้ำเลิศนัก
ทรงมีความอดทน มีความข่มพระทัย มีความเพียร ดำรงอยู่ในสัจจะ ล้นพ้นด้วยเมตตา ดำรงอยู่อย่างพอเพียง และความวางเฉยด้วยปัญญา หาผู้ใดเสมอเหมือนมิได้
ธรรมเหล่านี้บ้างก็เป็นมงคลธรรมอันสูงสุดที่แม้ประพฤติปฏิบัติแต่เพียงประการเดียวก็ย่อมเป็นที่รักแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้ที่ไม่พ่ายแพ้ในที่ทั้งปวง เป็นผู้ที่ได้รับชัยชนะในที่ทั้งปวง เป็นผู้มีจิตเกษม ปราศจากฝุ่นธุลีแม้น้อยนิด ไม่หวั่นไหวในโลกธรรมทั้งปวง
ทรงตรัสสอนพระธรรมที่ทรงบำเพ็ญนั้นแก่พสกนิกรของพระองค์อย่างมิยอมเหน็ดมิยอมเหนื่อย
เหนือกว่าเทพแห่งกาลเวลาที่บางครั้งก็ท้อแท้ในการสอนผู้คนดังที่ปรากฏหลักฐานเป็นคำรำพึงรำพันอย่างท้อถอยในโศลกหนึ่งแห่งมหาภารตะยุทธ์ว่า
“ข้าพเจ้าชูแขนขึ้นป่าวประกาศธรรม แต่หามีใครเชื่อฟังข้าพเจ้าไม่
ธรรมนำมาซึ่งความสงบสุข แต่ไฉนเล่าจึงไม่มีผู้ใดปฏิบัติธรรม”
ทรงตรัสสอนว่ามนุษย์เรานี้มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครทำให้คนเป็นคนดีทั้งหมดได้ ดังนั้นจึงต้องส่งเสริมให้คนดีมีอำนาจในบ้านเมือง และต้องกำจัดขัดขวางไม่ให้คนไม่ดีมีอำนาจในบ้านเมือง
เพราะถ้าบ้านเมืองได้คนดีมามีอำนาจ บ้านเมืองก็ร่มเย็นเป็นสุข อาณาประชาราษฎรก็ร่มเย็นเป็นสุข แต่ถ้าบ้านเมืองได้คนไม่ดีมามีอำนาจ บ้านเมืองก็เดือดร้อนทุกข์เข็ญ อาณาประชาราษฎร์ก็เดือดร้อนทุกข์เข็ญ สรรพอุบาทว์บังเกิดเป็นทุกหย่อมหญ้า กระทั่งอาจสิ้นชาติสิ้นแผ่นดิน
วันนี้แก๊งทรชนสวนทางกับพระธรรมที่ทรงตรัสสอน ส่งเสริมให้คนไม่ดีมีอำนาจในบ้านเมือง กำจัดคนดีไม่ให้มีอำนาจในบ้านเมือง บังอาจเหิมเกริมท้าทายและสวนทางคำสั่งสอนของพระองค์ท่านอย่างหน้าตาเฉย ทั้งๆ ที่ได้ถวายสัตย์ปฏิญาณต่อหน้าพระพักตร์กันมาแล้ว
ผู้ทรยศเช่นนี้ย่อมถือว่าทรยศต่อธรรม ย่อมเป็นที่เกลียดชังของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ย่อมถึงซึ่งความพินาศฉิบหายทั้งตัวเอง ครอบครัว และผู้แวดล้อม แผ่นดินจะสูบ ฟ้าจะผ่า พระสมุทรจะท่วมทับ มหาชนจะเหยียบกระทืบ จนชีวิตและทรัพย์สิ่งศฤงคารเป็นผุยผงในที่สุด
ทรงตรัสสอนให้ผู้คนยึดมั่นในสันโดษ ทรงคิดค้นทฤษฎีใหม่หรือหลักปรัชญาความพอเพียง ซึ่งพระพุทธองค์ทรงเรียกว่าสันโดษ และทรงตรัสสรรเสริญว่าเป็นมงคลอันสูงสุดของมนุษย์ที่ผู้ใดประพฤติปฏิบัติแล้วจะไม่ยากจน จะพ้นจากทุกข์เข็ญ และถึงซึ่งความประเสริฐสมกับที่เกิดมาเป็นเวไนยสัตว์
เพราะถ้ารู้จักความพอเพียงเสียอย่างเดียวก็จะมีความสงบใจ มีความอิ่มใจ มีความสุขใจ ไม่มีความทุกข์ร้อนกระวนกระวาย ไม่มีความยากจนหิวกระหายในจิตใจ หลุดพ้นจากความเดือดร้อนกายใจในฉับพลัน
ดูเอาเถิดชาวนาที่ยากจนแต่ยังยิ้มแย้มแจ่มใสเริงร่ากับครอบครัวและเพื่อนพ้องน้องพี่ แตกต่างราวฟ้ากับดินกับอัครมหาเศรษฐีที่มีทั้งเงินและอำนาจล้นฟ้ามหาสมุทร ที่ไม่รู้จักความพอเพียง มีแต่ความหิวโซกระวนกระวายไม่เคยสร่าง ไม่ต่างอันใดกับตกอยู่ในเปรตวิสัย หรือตกอยู่ในนรกที่ไฟบรรลัยกัลป์กำลังเผาผลาญทั้งเวลาหลับและเวลาตื่นนั้นเลย
เหล่านี้คือบทเรียนทั่วไปจากการต่อสู้ของในหลวง แต่ถ้าจะเอาบทเรียนเฉพาะจากการต่อสู้ของในหลวงแล้ว ก็พึงดูเอาจากพระราชนิพนธ์เรื่องพระมหาชนกก็จะเห็นชัด
ครานั้นพระมหาชนกราชเสด็จสวรรคต สิริราชสมบัติตกแก่พระอริฏฐชนกผู้พี่ และตำแหน่งอุปราชตกแก่พระโปลชนกผู้น้อง
พระราชาทนต่อคำอาบพิษอันซ้ำซากไม่ได้ จึงลงโทษคุมตัวพระอุปราชไว้แล้วพระอุปราชนั้นก็ได้กระทำสัตยาธิษฐานตั้งเอาความบริสุทธิ์เป็นที่ตั้ง จึงหลุดออกจากการจองจำ แล้วเสด็จหนีออกไปยังเมืองชายแดนแห่งหนึ่ง
“ไปตั้งพระองค์ ณ ที่นั้น ประชาชนจำท่านได้ก็บำรุงพระองค์ ... สามารถแผ่อิทธิพลทั่ว ... และรวบรวมกำลังพลจำนวนมาก ... แล้วเคลื่อนทัพไปสู่กรุงมิถิลา ... เมื่อเหล่าทหารชาวมิถิลารับทราบว่า ... เสด็จมา ก็พากันขนยุทโธปกรณ์ มีพาหนะช้างเป็นต้น ... ชาวนครพลเมืองอื่นๆ ก็เข้ามาสวามิภักดิ์ด้วย”
ในที่สุดก็ทรงใช้กำลังกองทัพประชาชนและเหล่าทหารที่เปลี่ยนใจเข้ามาสนับสนุนทำศึกจนได้ชัยชนะด้วยประการฉะนี้.