ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่สภาผู้แทนราษฎร มีวาระการคัดเลือก ส.ส.มาเป็นประธานคณะกรรมาธิการสามัญประจำสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 35 คณะ โดยเปิดโอกาสให้กรรมาธิการแต่ละคณะได้คัดเลือกกันเองเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2551 ปรากฏว่า ได้เกิดความขัดแย้งในส่วนของประธานคณะกรรมาธิการบางคณะ อาทิ คณะกรรมการธิการการทหาร ซึ่งเป็นโควตาของพรรคพลังประชาชน โดย พ.ต.ท.กานต์ เทียนแก้ว ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน ได้ระบุกับ ส.ส.ในพรรค ก่อนเข้าประชุมว่าพรรคได้มีมติเสนอชื่อตนเองเป็นประธานคณะกรรมาธิการการทหาร ซึ่งถือเป็นโควตาที่ผู้ใหญ่ในพรรคมอบให้ อาทิ นายยงยุทธ ติยะไพรัช ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ รวมถึง นายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย
นอกจากนี้ ยังอ้างว่านายสามารถ แก้วมีชัย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล)ยังได้ล็อบบี้กับทางพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านไว้แล้ว
ปรากฏว่า ส.ส.ในพรรคพลังประชาชนหลายคนที่เป็นคณะกรรมาธิการการทหาร อาทิ นายชัยวัฒน์ ชินรัตน์ ส.ส.มหาสารคาม ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช ส.ส.ขอนแก่น นายสงวน พงษ์มณี ส.ส. ลำพูน พรรคพลังประชาชน เป็นต้นไม่เห็นด้วยที่จะเสนอชื่อ พ.ต.ท.กานต์ โดยมองว่า พ.ต.ท.กานต์ ยังไม่มีความเหมาะสมกับตำแหน่ง จึงเสนอชื่อ พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคพลังประชาชนแทน ขณะที่กรรมาธิการการทหาร ที่มาจากพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์ อาทิ นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค ส.ส.กทม. นายอภิชาต ศักดิเศรษฐ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ต่างสนับสนุนให้ พ.ต.ท.สมชายเป็นประธานคณะกรรมาธิการการทหารแทนพ.ต.ท.กานต์
พ.ต.ท.สมชาย เพทประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา กลุ่มนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร พรรคพลังประชาชน เปิดเผยว่า กรณีที่เกิดปัญหาการเลือกตัวประธานในคณะกรรมาธิการการทหาร เมื่อวันที่2 กรกฎาคม ถือว่าเป็นการไม่เคารพระบบสภา ทั้งๆที่สภาฯมีความเป็นอิสระจากฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ แต่การที่มีคำสั่งจากแกนนำบางคนในพรรคพลังประชาชน และอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่พยายามล็อคโควตาให้คนในกลุ่มของตัวเองมาเป็นประธานคณะกรรมาธิการการทหาร โดยเสนอชื่อ พ.ต.อ.กานต์ มา
รวมทั้งมีการล็อบี้กรรมาธิการการทหาร ทั้งในรัฐบาลและฝ่ายค้าน ถือได้ว่า เป็นการแทรกแซงระแบบสภาฯ โดยไม่คำนึงถึงการทำหน้าที่ในฐานะตัวแทนของประชาชน ที่คนเป็นประธานคณะกรรมาธิการ จะต้องมีความรู้ ความสามารถ มีความเป็นอาวุโส ไม่ใช่เห็นเพียงว่าเป็น ส.ส.สมัยเดียวก็สามารถเป็นได้ เพราะคณะกรรมาธิการจะต้องทำงานร่วมกับฝ่ายค้าน และพรรคร่วมรัฐบาลพรรคอื่น ซึ่งปัญหานี้ อาจทำให้เกิดผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสภาโดยรวมอย่างมาก
“หากก่อนหน้านี้ไม่มีการบีบบังคับจากแกนนำบางคนให้เลือก พ.ต.ท.กานต์ เป็นประธานคณะกรรมาธิการการทหาร ส.ส.ในพรรคพลังประชาชนและคณะกรรมาธิการจากพรรครวมรัฐบาลก็จะเสนอชื่อผม ในฐานะที่มีความเป็นอาวุโสและเหมาะสม แต่เมื่อมีใบสั่งและอ้างว่าเป็นโควตา ตามคำสั่งของเด็กนายใหญ่ หรือนายหญิง ตรงนี้มันทำให้เกิดความเสียหายต่อทั้งรัฐบาลเองและสภาอย่างมาก ทำให้การทำงานยากลำบาก ซึ่งที่ผ่านมาก็เกิดปัญหาในลักษณะนี้มาตลอด ทำให้บางครั้งผู้แทนฯไม่เป็นตัวของตัวเอง อย่างกรณีที่เกิดขึ้นนี้ ประธานวิปรัฐบาลก็ยังโทรล็อบบี้เอง ตรงนี้ผมและส.ส.หลายคนก็รับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นในอีกหลายๆคณะ ซึ่งที่ผ่านมาไม่อยากออกมาพูด แต่เห็นว่าหากนิ่งเฉยไป ไม่มีกติกาชัดเจน ก็จะมีพฤติกรรมอ้างผู้ใหญ่ ทำให้พรรคแย่ และเป็นน้ำเซาะเกาะแก่งทำให้ระบบของสภาฯก็จะพังในที่สุด” พ.ต.ท.สมชาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะนำเสนอปัญหาความขัดแย้งดังกล่าวในการแต่งตั้งประธานกรรมาธิการฯให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม ในฐานะหัวหน้าพรรค รับทราบหรือไม่ พ.ต.ท.สมชายกล่าวว่า หากพูดในพรรค ผู้ใหญ่ในพรรค อาจไม่ได้ยินเท่ากับออกมาตระโกนผ่านสื่อ ซึ่งก็เป็นไปได้ว่าตนและส.ส.ในพรรค ที่มองเห็นปัญหานี้อีกหลายคนอาจจะนำไปหารือกับ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รองประธานสภาฯ แต่ถ้านายสมัครและผู้ใหญ่ในพรรคต้องการข้อมูล ตนก็กล้าที่จะเล่าปัญหาให้ฟัง เพราะตนมีจุดยืนทางการเมืองชัดเจนที่อยากเห็นระบบการทำงาน ในสภาดีขึ้น และเพื่อประโยชน์ของรัฐบาลเองด้วย
นอกจากนี้ ยังอ้างว่านายสามารถ แก้วมีชัย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล)ยังได้ล็อบบี้กับทางพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านไว้แล้ว
ปรากฏว่า ส.ส.ในพรรคพลังประชาชนหลายคนที่เป็นคณะกรรมาธิการการทหาร อาทิ นายชัยวัฒน์ ชินรัตน์ ส.ส.มหาสารคาม ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช ส.ส.ขอนแก่น นายสงวน พงษ์มณี ส.ส. ลำพูน พรรคพลังประชาชน เป็นต้นไม่เห็นด้วยที่จะเสนอชื่อ พ.ต.ท.กานต์ โดยมองว่า พ.ต.ท.กานต์ ยังไม่มีความเหมาะสมกับตำแหน่ง จึงเสนอชื่อ พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคพลังประชาชนแทน ขณะที่กรรมาธิการการทหาร ที่มาจากพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์ อาทิ นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค ส.ส.กทม. นายอภิชาต ศักดิเศรษฐ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ต่างสนับสนุนให้ พ.ต.ท.สมชายเป็นประธานคณะกรรมาธิการการทหารแทนพ.ต.ท.กานต์
พ.ต.ท.สมชาย เพทประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา กลุ่มนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร พรรคพลังประชาชน เปิดเผยว่า กรณีที่เกิดปัญหาการเลือกตัวประธานในคณะกรรมาธิการการทหาร เมื่อวันที่2 กรกฎาคม ถือว่าเป็นการไม่เคารพระบบสภา ทั้งๆที่สภาฯมีความเป็นอิสระจากฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ แต่การที่มีคำสั่งจากแกนนำบางคนในพรรคพลังประชาชน และอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่พยายามล็อคโควตาให้คนในกลุ่มของตัวเองมาเป็นประธานคณะกรรมาธิการการทหาร โดยเสนอชื่อ พ.ต.อ.กานต์ มา
รวมทั้งมีการล็อบี้กรรมาธิการการทหาร ทั้งในรัฐบาลและฝ่ายค้าน ถือได้ว่า เป็นการแทรกแซงระแบบสภาฯ โดยไม่คำนึงถึงการทำหน้าที่ในฐานะตัวแทนของประชาชน ที่คนเป็นประธานคณะกรรมาธิการ จะต้องมีความรู้ ความสามารถ มีความเป็นอาวุโส ไม่ใช่เห็นเพียงว่าเป็น ส.ส.สมัยเดียวก็สามารถเป็นได้ เพราะคณะกรรมาธิการจะต้องทำงานร่วมกับฝ่ายค้าน และพรรคร่วมรัฐบาลพรรคอื่น ซึ่งปัญหานี้ อาจทำให้เกิดผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสภาโดยรวมอย่างมาก
“หากก่อนหน้านี้ไม่มีการบีบบังคับจากแกนนำบางคนให้เลือก พ.ต.ท.กานต์ เป็นประธานคณะกรรมาธิการการทหาร ส.ส.ในพรรคพลังประชาชนและคณะกรรมาธิการจากพรรครวมรัฐบาลก็จะเสนอชื่อผม ในฐานะที่มีความเป็นอาวุโสและเหมาะสม แต่เมื่อมีใบสั่งและอ้างว่าเป็นโควตา ตามคำสั่งของเด็กนายใหญ่ หรือนายหญิง ตรงนี้มันทำให้เกิดความเสียหายต่อทั้งรัฐบาลเองและสภาอย่างมาก ทำให้การทำงานยากลำบาก ซึ่งที่ผ่านมาก็เกิดปัญหาในลักษณะนี้มาตลอด ทำให้บางครั้งผู้แทนฯไม่เป็นตัวของตัวเอง อย่างกรณีที่เกิดขึ้นนี้ ประธานวิปรัฐบาลก็ยังโทรล็อบบี้เอง ตรงนี้ผมและส.ส.หลายคนก็รับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นในอีกหลายๆคณะ ซึ่งที่ผ่านมาไม่อยากออกมาพูด แต่เห็นว่าหากนิ่งเฉยไป ไม่มีกติกาชัดเจน ก็จะมีพฤติกรรมอ้างผู้ใหญ่ ทำให้พรรคแย่ และเป็นน้ำเซาะเกาะแก่งทำให้ระบบของสภาฯก็จะพังในที่สุด” พ.ต.ท.สมชาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะนำเสนอปัญหาความขัดแย้งดังกล่าวในการแต่งตั้งประธานกรรมาธิการฯให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม ในฐานะหัวหน้าพรรค รับทราบหรือไม่ พ.ต.ท.สมชายกล่าวว่า หากพูดในพรรค ผู้ใหญ่ในพรรค อาจไม่ได้ยินเท่ากับออกมาตระโกนผ่านสื่อ ซึ่งก็เป็นไปได้ว่าตนและส.ส.ในพรรค ที่มองเห็นปัญหานี้อีกหลายคนอาจจะนำไปหารือกับ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รองประธานสภาฯ แต่ถ้านายสมัครและผู้ใหญ่ในพรรคต้องการข้อมูล ตนก็กล้าที่จะเล่าปัญหาให้ฟัง เพราะตนมีจุดยืนทางการเมืองชัดเจนที่อยากเห็นระบบการทำงาน ในสภาดีขึ้น และเพื่อประโยชน์ของรัฐบาลเองด้วย