ประชุมวุฒิสภานัดแรก ปิดห้องลับถกรายงานผลสอบสินบนเก้าอี้ประธานวุฒิ 3 ชั่วโมง เผยรายงาน กมธ.ระบุชัด อดีตกรรมการบริหาร ทรท. และ ส.ส.ขอนแก่นมีเอี่ยว แต่เสียงส่วนใหญ่ไม่กล้าหาญพอ อ้างไร้หลักฐาน หวั่นถูกฟ้อง ลงมติให้กลับไปรื้อใหม่
ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 9.30 น. วันที่ 13 มิ.ย. มีการประชุมวุฒิสภาวิสามัญนัดแรก โดยมีนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธาน ได้พิจารณารายงานพิจารณาศึกษาสอบสวน เรื่องข่าวการให้ค่าตอบแทนในการเลือกประธานวุฒิสภา ที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว โดยเป็นการประชุมลับ ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นผลมาจากกรณีที่นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ให้สัมภาษณ์ว่า มีการล็อบบี้เสนอให้เงินเพื่อให้เลือกตำแหน่งประธานวุฒิสภา ทั้งนี้การสอบสวนของคณะกรรมาธิการ ระบุว่า ไม่พบพยานหลักฐานว่า มีการกระทำหรือมีการเสนอให้เงิน 1 ล้านบาท และรถเบนซ์ 1 คน ตามที่เป็นข่าว แต่เชื่อได้ว่า มีอดีตผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเข้ามาแทรกแซงในการเลือกประธานและรองประธานวุฒิสภา โดยมีการเสนอผลตอบแทน และมีการรวมกลุ่มของสมาชิกวุฒิสภาเพื่อสนับสนุนบุคคลเป็นประธานและรองประธานวุฒิสภา นอกจากนี้มีการกระทำของอดีต ส.ส.ขอนแก่น ที่เสนอให้ค่าตอบแทนกับสมาชิก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมได้ใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมงในการประชุมลับ โดย ส.ว.เลือกตั้ง และ ส.ว.สรรหา ได้อภิปรายกันอย่างดุเดือด เนื่องจากรายงานดังกล่าว มีการระบุชื่ออดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่ถูกตัดสิทธิการเมือง โดยบุคคลดังกล่าวได้ติดต่อผ่านสามีของ ส.ว.คนหนึ่งให้มีสนับสนุนนายทวีศักดิ์ คิดบรรจง ส.ว.บุรีรัมย์ ให้เป็นประธานวุฒิสภา และมีอดีต ส.ส.ขอนแก่น ได้ติดต่อ ส.ว.ให้สนับสนุน ส.ว.ขอนแก่นเป็นประธาน
ส.ว.เลือกตั้งและ ส.ว.สรรหา ส่วนใหญ่ได้อภิปรายท้วงติงถึงรายงานดังกล่าว ว่า ผลการสอบสวนไม่มีมูล กลายเป็นมวยล้มต้มคนดู แต่ทำไมต้องมีการประชุมลับทั้งๆ ที่เรื่องนี้ ส.ว.คนหนึ่งให้สัมภาษณ์กับสื่อจนกลายเป็นเรื่องใหญ่ ทำให้วุฒิสภาได้รับความเสียหาย ซึ่งควรต้องเผยแพร่ให้ประชาชนรับทราบ และจะต้องมีการรับผิดชอบในเรื่องนี้ นอกจากนี้การกล่าวหาพาดพิงนักการเมืองทั้งๆ ที่ไม่มีหลักฐาน
ในขณะที่ ส.ว.สรรหา อภิปรายว่า ที่ต้องประชุมลับเพราะมีชื่อบุคคลภายนอกเกี่ยวข้อง พูดไปจะไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง หลังจากที่ถกเถียงอย่างเคร่งเครียด โดยไม่มีท่าทีว่าจะยอมกัน ทำให้ที่ประชุมต้องลงมติ ปรากฏว่าเสียงข้างมากให้คณะกรรมาธิการกลับไปปรับปรุงรายงานไม่ให้พาดพิงบุคคลภายนอกอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า เดิมคณะกรรมาธิการฯ ได้ทำรายงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว เป็นรายงานเปิดเผยทั่วไปและได้บรรจุในระเบียบการประชุมตั้งแต่สมัยประชุมสามัญทั่วไปที่ผ่านมา แต่ในรายงานได้ระบุชื่อนักการเมืองชัดเจน ทำให้ ส.ว.หลายคนได้ ท้วงติง ว่า ไม่เหมาะสมเพราะไม่มีหลักฐานชัดเจน มีว่า มีการให้เงินหรือให้ค่าตอบแทน อาจถูกฟ้องร้องดำเนินคดีได้ ทำให้คณะกรรมาธิการต้องนำกลับไปปรับปรุงใหม่ โดยทำเป็นรายงานลับ แต่เนื้อหายังคงเนื้อหาเดิม ที่มีการระบุชื่ออดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และอดีต ส.ส.ขอนแก่น
ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 9.30 น. วันที่ 13 มิ.ย. มีการประชุมวุฒิสภาวิสามัญนัดแรก โดยมีนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธาน ได้พิจารณารายงานพิจารณาศึกษาสอบสวน เรื่องข่าวการให้ค่าตอบแทนในการเลือกประธานวุฒิสภา ที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว โดยเป็นการประชุมลับ ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นผลมาจากกรณีที่นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ให้สัมภาษณ์ว่า มีการล็อบบี้เสนอให้เงินเพื่อให้เลือกตำแหน่งประธานวุฒิสภา ทั้งนี้การสอบสวนของคณะกรรมาธิการ ระบุว่า ไม่พบพยานหลักฐานว่า มีการกระทำหรือมีการเสนอให้เงิน 1 ล้านบาท และรถเบนซ์ 1 คน ตามที่เป็นข่าว แต่เชื่อได้ว่า มีอดีตผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเข้ามาแทรกแซงในการเลือกประธานและรองประธานวุฒิสภา โดยมีการเสนอผลตอบแทน และมีการรวมกลุ่มของสมาชิกวุฒิสภาเพื่อสนับสนุนบุคคลเป็นประธานและรองประธานวุฒิสภา นอกจากนี้มีการกระทำของอดีต ส.ส.ขอนแก่น ที่เสนอให้ค่าตอบแทนกับสมาชิก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมได้ใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมงในการประชุมลับ โดย ส.ว.เลือกตั้ง และ ส.ว.สรรหา ได้อภิปรายกันอย่างดุเดือด เนื่องจากรายงานดังกล่าว มีการระบุชื่ออดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่ถูกตัดสิทธิการเมือง โดยบุคคลดังกล่าวได้ติดต่อผ่านสามีของ ส.ว.คนหนึ่งให้มีสนับสนุนนายทวีศักดิ์ คิดบรรจง ส.ว.บุรีรัมย์ ให้เป็นประธานวุฒิสภา และมีอดีต ส.ส.ขอนแก่น ได้ติดต่อ ส.ว.ให้สนับสนุน ส.ว.ขอนแก่นเป็นประธาน
ส.ว.เลือกตั้งและ ส.ว.สรรหา ส่วนใหญ่ได้อภิปรายท้วงติงถึงรายงานดังกล่าว ว่า ผลการสอบสวนไม่มีมูล กลายเป็นมวยล้มต้มคนดู แต่ทำไมต้องมีการประชุมลับทั้งๆ ที่เรื่องนี้ ส.ว.คนหนึ่งให้สัมภาษณ์กับสื่อจนกลายเป็นเรื่องใหญ่ ทำให้วุฒิสภาได้รับความเสียหาย ซึ่งควรต้องเผยแพร่ให้ประชาชนรับทราบ และจะต้องมีการรับผิดชอบในเรื่องนี้ นอกจากนี้การกล่าวหาพาดพิงนักการเมืองทั้งๆ ที่ไม่มีหลักฐาน
ในขณะที่ ส.ว.สรรหา อภิปรายว่า ที่ต้องประชุมลับเพราะมีชื่อบุคคลภายนอกเกี่ยวข้อง พูดไปจะไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง หลังจากที่ถกเถียงอย่างเคร่งเครียด โดยไม่มีท่าทีว่าจะยอมกัน ทำให้ที่ประชุมต้องลงมติ ปรากฏว่าเสียงข้างมากให้คณะกรรมาธิการกลับไปปรับปรุงรายงานไม่ให้พาดพิงบุคคลภายนอกอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า เดิมคณะกรรมาธิการฯ ได้ทำรายงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว เป็นรายงานเปิดเผยทั่วไปและได้บรรจุในระเบียบการประชุมตั้งแต่สมัยประชุมสามัญทั่วไปที่ผ่านมา แต่ในรายงานได้ระบุชื่อนักการเมืองชัดเจน ทำให้ ส.ว.หลายคนได้ ท้วงติง ว่า ไม่เหมาะสมเพราะไม่มีหลักฐานชัดเจน มีว่า มีการให้เงินหรือให้ค่าตอบแทน อาจถูกฟ้องร้องดำเนินคดีได้ ทำให้คณะกรรมาธิการต้องนำกลับไปปรับปรุงใหม่ โดยทำเป็นรายงานลับ แต่เนื้อหายังคงเนื้อหาเดิม ที่มีการระบุชื่ออดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และอดีต ส.ส.ขอนแก่น