ผู้จัดการรายวัน-ส่อลอยแพชาวนาปลูกข้าวเหนียว ขายข้าวแล้ว ต้องรอเงินอีกต่อไป หลัง “บรรยิน”ออกโรงแจงถี่ยิบ การช่วยเสริมสภาพคล่องโรงสีศิริภิญโญ ต้องให้กขช.พิจารณาก่อน ถ้ามีส่วนต่างต้องให้คชก. พิจารณา เผยครม.ไม่ได้หัก “มิ่ง” แต่ต้องทำให้ถูกต้อง เหตุที่ทำมาแล้วไม่ดูเงื่อนไขให้ดี จนทำให้รัฐต้องเข้ามาอุ้มเอกชนแค่รายเดียว “พาณิชย์”อ้อนธ.ก.ส. รีบปล่อยกู้โรงสี หวังเอาเงินจ่ายเกษตรกร
พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาเกษตรกรผู้ปลูกข้าวเหนียวไม่ได้รับเงินจากการรับซื้อข้าวของโรงสีศิริภิญโญ จ.ฉะเชิงเทรา ว่า การแก้ไขปัญหาดังกล่าวคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติให้นำเรื่องการให้ความช่วยเหลือโรงสีเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ก่อน และหากจำเป็นต้องใช้เงินรัฐในการช่วยเหลือ ก็ต้องขออนุมัติจากคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) ไม่ใช่มาขอให้ครม.มีมติให้ความช่วยเหลือตามที่กรมการค้าภายในเสนอเข้ามา
ทั้งนี้ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ได้แก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยลงนามเสนอเรื่องให้ครม.พิจารณาอนุมัติให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ปล่อยกู้ให้กับโรงสีศิริภิญโญ เพื่อนำเงินไปจ่ายค่าข้าวให้กับเกษตรกรจำนวน 6,366 ราย หรือมีวงเงินประมาณ 366 ล้านบาท เมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา แต่ครม.ไม่ได้อนุมัติตามที่เสนอ
พ.ต.ท.บรรยินกล่าวว่า เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง หากจะให้ครม.ไปช่วยเหลือเอกชนซึ่งเป็นโรงสีเพียงรายเดียว การนำเรื่องกลับเข้าสู่การพิจารณาของกขช. จึงเป็นเรื่องที่ถูกต้อง และต้องทำ ส่วนรัฐจะช่วยเหลือโรงสีรายนี้ยังไง ก็ต้องไปว่ากัน เพราะโรงสีเข้ามาช่วยรัฐบาลในการรับซื้อข้าวเหนียวจากเกษตรกร แต่ก็ไม่รู้ว่ากรมการค้าภายในไปเจรจากับโรงสียังไง มีเงื่อนไขกันยังไง ถึงได้ออกมาเป็นแบบนี้ เพราะรัฐบาลให้กรอบไว้แล้ว แต่ไปทำนอกเหนือกรอบ ก็ต้องรับผิดชอบไป
“ผมไม่รู้ว่าเขาไปคุยกันยังไง ไปตกลงกับโรงสีให้เข้ามาซื้อข้าวเหนียวยังไง ราคาเท่าไร คิดความชื้นกันยังไง แต่พอจะรู้ว่ารัฐบาลให้ไปซื้อข้าวเหนียวในราคาที่แตกต่างกันตามความชื้น 7,000-9,000 บาท แต่นี่ไปซื้อเหมารวมที่ราคา 8,000 บาท ความชื้นเท่าไรไม่สนใจ มันไม่ตรงตามที่คุยกันไว้ พอไม่มีเงินก็มาขอให้รัฐช่วย ซึ่งรัฐก็พร้อมช่วย แต่ในเมื่อไม่ทำตามกรอบก็ต้องดูว่าจะช่วยได้แค่ไหน”พ.ต.ท.บรรยินกล่าว
อย่างไรก็ตาม แนวทางการให้ความช่วยเหลือ ธ.ก.ส. จะต้องไปตรวจสอบดูว่าข้าวที่โรงสีดังกล่าวรับซื้อไว้มีปริมาณเท่าใด และตีเป็นมูลค่าได้เท่าไร แล้วจึงพิจารณาปล่อยเงินกู้ให้ ซึ่งคงไม่เต็มตามจำนวนที่มีการเสนอมา จากนั้น เป็นเรื่องที่จะต้องพิจารณาต่อในส่วนของเงินที่ขาดไป รัฐจะช่วยเหลือโรงสียังไง ซึ่งจะต้องเสนอให้กขช.พิจารณา และเสนอให้คชก. พิจารณาอนุมัติ หากต้องมีการชดเชย
รายงานข่าวแจ้งว่า การที่ครม. ส่งเรื่องกลับไปให้กขช.พิจารณาแนวทางการให้ความช่วยเหลือโรงสีอีกนั้น ทำให้โรงสีดังกล่าวไม่มีเงินที่จะจ่ายเป็นค่าข้าวให้กับเกษตรกรต่อไป โดยเกษตรกรจะยังไม่ได้รับเงินจนกว่าจะมีมาตรการออกมาจากกขช. และถึงแม้กขช. จะอนุมัติให้ธ.ก.ส. เข้ามาปล่อยกู้ให้ แต่คงได้ไม่เต็มจำนวน ทำให้มีส่วนขาดอยู่ ซึ่งเงินส่วนขาดนี้ จะต้องให้คชก. อนุมัติจ่ายให้ ซึ่งคงต้องใช้เวลาอีกนาน
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ปัญหาตอนนี้อยู่ที่ธ.ก.ส.ว่าจะพิจารณาปล่อยกู้ให้กับโรงสีศิริภิญโญหรือไม่ เพราะจากการตรวจสอบข้าวที่โรงสีรับซื้อไว้ มีครบตามจำนวนที่แจ้งไป 36,000 ตัน ซึ่งข้าวมีเพียงพอที่จะใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่ปล่อยกู้ให้ ทั้งๆ ที่เป็นการทำตามนโยบายรัฐบาลในการเข้ามาซื้อข้าวเหนียว เพื่อพยุงไม่ให้ราคาข้าวตกต่ำ
พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาเกษตรกรผู้ปลูกข้าวเหนียวไม่ได้รับเงินจากการรับซื้อข้าวของโรงสีศิริภิญโญ จ.ฉะเชิงเทรา ว่า การแก้ไขปัญหาดังกล่าวคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติให้นำเรื่องการให้ความช่วยเหลือโรงสีเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ก่อน และหากจำเป็นต้องใช้เงินรัฐในการช่วยเหลือ ก็ต้องขออนุมัติจากคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) ไม่ใช่มาขอให้ครม.มีมติให้ความช่วยเหลือตามที่กรมการค้าภายในเสนอเข้ามา
ทั้งนี้ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ได้แก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยลงนามเสนอเรื่องให้ครม.พิจารณาอนุมัติให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ปล่อยกู้ให้กับโรงสีศิริภิญโญ เพื่อนำเงินไปจ่ายค่าข้าวให้กับเกษตรกรจำนวน 6,366 ราย หรือมีวงเงินประมาณ 366 ล้านบาท เมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา แต่ครม.ไม่ได้อนุมัติตามที่เสนอ
พ.ต.ท.บรรยินกล่าวว่า เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง หากจะให้ครม.ไปช่วยเหลือเอกชนซึ่งเป็นโรงสีเพียงรายเดียว การนำเรื่องกลับเข้าสู่การพิจารณาของกขช. จึงเป็นเรื่องที่ถูกต้อง และต้องทำ ส่วนรัฐจะช่วยเหลือโรงสีรายนี้ยังไง ก็ต้องไปว่ากัน เพราะโรงสีเข้ามาช่วยรัฐบาลในการรับซื้อข้าวเหนียวจากเกษตรกร แต่ก็ไม่รู้ว่ากรมการค้าภายในไปเจรจากับโรงสียังไง มีเงื่อนไขกันยังไง ถึงได้ออกมาเป็นแบบนี้ เพราะรัฐบาลให้กรอบไว้แล้ว แต่ไปทำนอกเหนือกรอบ ก็ต้องรับผิดชอบไป
“ผมไม่รู้ว่าเขาไปคุยกันยังไง ไปตกลงกับโรงสีให้เข้ามาซื้อข้าวเหนียวยังไง ราคาเท่าไร คิดความชื้นกันยังไง แต่พอจะรู้ว่ารัฐบาลให้ไปซื้อข้าวเหนียวในราคาที่แตกต่างกันตามความชื้น 7,000-9,000 บาท แต่นี่ไปซื้อเหมารวมที่ราคา 8,000 บาท ความชื้นเท่าไรไม่สนใจ มันไม่ตรงตามที่คุยกันไว้ พอไม่มีเงินก็มาขอให้รัฐช่วย ซึ่งรัฐก็พร้อมช่วย แต่ในเมื่อไม่ทำตามกรอบก็ต้องดูว่าจะช่วยได้แค่ไหน”พ.ต.ท.บรรยินกล่าว
อย่างไรก็ตาม แนวทางการให้ความช่วยเหลือ ธ.ก.ส. จะต้องไปตรวจสอบดูว่าข้าวที่โรงสีดังกล่าวรับซื้อไว้มีปริมาณเท่าใด และตีเป็นมูลค่าได้เท่าไร แล้วจึงพิจารณาปล่อยเงินกู้ให้ ซึ่งคงไม่เต็มตามจำนวนที่มีการเสนอมา จากนั้น เป็นเรื่องที่จะต้องพิจารณาต่อในส่วนของเงินที่ขาดไป รัฐจะช่วยเหลือโรงสียังไง ซึ่งจะต้องเสนอให้กขช.พิจารณา และเสนอให้คชก. พิจารณาอนุมัติ หากต้องมีการชดเชย
รายงานข่าวแจ้งว่า การที่ครม. ส่งเรื่องกลับไปให้กขช.พิจารณาแนวทางการให้ความช่วยเหลือโรงสีอีกนั้น ทำให้โรงสีดังกล่าวไม่มีเงินที่จะจ่ายเป็นค่าข้าวให้กับเกษตรกรต่อไป โดยเกษตรกรจะยังไม่ได้รับเงินจนกว่าจะมีมาตรการออกมาจากกขช. และถึงแม้กขช. จะอนุมัติให้ธ.ก.ส. เข้ามาปล่อยกู้ให้ แต่คงได้ไม่เต็มจำนวน ทำให้มีส่วนขาดอยู่ ซึ่งเงินส่วนขาดนี้ จะต้องให้คชก. อนุมัติจ่ายให้ ซึ่งคงต้องใช้เวลาอีกนาน
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ปัญหาตอนนี้อยู่ที่ธ.ก.ส.ว่าจะพิจารณาปล่อยกู้ให้กับโรงสีศิริภิญโญหรือไม่ เพราะจากการตรวจสอบข้าวที่โรงสีรับซื้อไว้ มีครบตามจำนวนที่แจ้งไป 36,000 ตัน ซึ่งข้าวมีเพียงพอที่จะใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่ปล่อยกู้ให้ ทั้งๆ ที่เป็นการทำตามนโยบายรัฐบาลในการเข้ามาซื้อข้าวเหนียว เพื่อพยุงไม่ให้ราคาข้าวตกต่ำ
