xs
xsm
sm
md
lg

จี้ฉีกหน้าไอ้โม่งบงการ 2 ล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - อดีตเลขาสภาทนายความจี้สอบหาเจ้าของเงิน 2 ล้าน ไม่เชื่อเป็นของทนาย "สุเทพ" ย้ำชัดเงินกระบวนการคนชั่วซื้อศาลไม่ได้ "องอาจ" เรียกร้องปิดช่องแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ชงต่อ ป.ป.ช.ตรวจสอบเส้นทางการเงิน 3 ทนาย ด้าน "พงศ์เทพ" อมพระบอกนายใหญ่เสียใจ ปัดไม่เกี่ยวแก๊งทนาย ขณะที่ศาลแจ้งความเอาผิดฐานติดสินบนแล้ว "พิชิฏ" นอนคุกคืนแรกเครียดหนัก ร่ำไห้ระงม "ธนา ตันศิริ" หนีไม่รอด ถูกอายัดตัวคาโรงพยาบาล สภาทนายเตรียมลบชื่อออกจากทะเบียน

กรณีที่ศาลฎีกามีคำสั่งให้จำคุก นายพิชิฏ ชื่นบาน ทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร จำเลยที่ 1-2 คดีทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาภิเษก น.ส.ศุภศรี ศรีสวัสดิ์ เสมียนทนายความ และนายธนา ตันศิริ ผู้ประสานงานคดีญาติคุณหญิงพจมาน ที่ร่วมกันนำถุงขนมใส่เงินสดจำนวน 2 ล้านบาทไปมอบให้กับเจ้าหน้าที่ธุรการศาลฎีกา ซึ่งเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลหรือประพฤติตนไม่เหมาะสมในบริเวณศาล เป็นเวลาคนละ 6 เดือน และให้แจ้งความดำเนินคดีกับทั้งสามข้อหาติดสินบนเจ้าพนักงาน ตาม ป.อาญา ม.144

วานนี้ (26 มิ.ย.) นายเสรี สุวรรณภานนท์ อดีตเลขาธิการสภาทนายความและอดีต ส.ว.กทม. กล่าวว่าเรื่องที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็น พฤติกรรมของการใช้เงินซื้อทุกอย่างจนเคยตัวมานานแล้วเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง ไม่ว่าจะใช้เงินซื้อเสียง หรือวิ่งเต้นเรื่องต่างๆรวมถึงในสภา ก็น่าจะเป็นเรื่องจริง จากเดิมที่เคยใช้อย่างมีประสิทธิภาพแต่ถึงวันนี้มีคนรู้และมีการตรวจสอบเข้มข้นมากขึ้น

"กรณีเมื่อศาลมีคำพิพากษาสั่งจำคุกทนายความแล้ว ก็จะต้องมีการสืบสวน เพื่อสาวต่อไปหาต้นตอที่มาของเส้นทางของเงิน 2 ล้านบาทแล้ว มีมูลเหตุใดจูงใจ จะต้องสอบสวนว่าเป็นเงินของใคร ทำเพื่ออะไรแล้ว ใครจะได้ประโยชน์จากเรื่องนี้และไม่เชื่อว่าทนายความจะมีเงินจำนวนมากถึงเอาเงิน 2 ล้านบาทมาแจกให้เจ้าหน้าที่ศาล คงเป็นไปไม่ได้"

ผู้สื่อข่าวถามว่า แล้วคิดว่าการสอบสวนจะสามารถสาวไปถึงเจ้าของเงินได้หรือ ไม่ นายเสรี กล่าวว่าก็ต้องสอบสวน จะจบลงง่ายๆ คงไม่ได้ เพราะในอดีตที่ผ่านมา ไม่เคยมีเหตุการณ์หรือเคยเอาเงินมาติดสินบนเจ้าหน้าที่ศาลมากอย่างนี้ซึ่งการกระทำดังกล่าว คงไม่กระทบต่อการทำหน้าที่ของศาล แต่ถือเป็นข้อเท็จจริง ในความพยายาม แทรกแซงกระบวนการยุติธรรมอย่างชัดเจน ตนคิดว่าจะยิ่งทำให้ สถานการณ์ในบ้านเมืองยิ่งเลวร้ายมากขึ้น จะเห็นได้จากการพยายามดิ้นรน ต่อสู้ทุกอย่างให้พ้นความผิด เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้น การจะแก้หรือทำอะไร จะยากขึ้นเรื่อยๆ

"สุเทพ" ลั่นเงินซื้อศาลไม่ได้
 
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่า ตนไม่ได้เป็นคนที่รู้จักหรือมีความรู้สึกมุ่งร้ายต่อผู้ที่ถูกจำคุก แต่พอได้ฟังข่าวศาลตัดสินก็ยกมือท่วมหัวเลย

"ไอ้กระบวนการคนเลว คนชั่วติดสินบน คิดว่าเงินจะซื้อประเทศไทยได้หมดมันจะได้สำนึกกันเสียที มันซื้อคะแนนเสียง ซื้อประชาชน ซื้อข้าราชการ มันซื้อทุกอย่าง แหมไปซื้อศาลเข้าเนี่ยผมถูกใจมากที่ถูกจับเข้าคุก ต้องหาต่อไปว่าเงินนั้นใครเป็นคนให้มา"

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความเชื่อมโยงถึงตัว พ.ต.ท. ทักษิณ หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ยากมันมีคนยอมขายชีวิต ตายแทนเขาเยอะ แต่ว่าอย่างน้อยทำให้ประชาชนคนอย่างเรารู้สึกว่าเงินยังซื้อศาลไม่ได้

ส่วนที่ฝ่ายค้านจะนำเรื่องนี้ไปขยายผลตรวจสอบต่อหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่าว่า พยายามจะติดตามอยู่หลายๆ เรื่องที่ได้มีการจ่ายสินบนในลักษณะนี้ เรายังตามอยู่แต่เมื่อยังไม่ได้พยานหลักฐานเอกสารพร้อมก็คงเอามาพูดจาไม่ได้ วันนี้ฝ่ายค้านต้องทำงานด้วยความระมัดระวัง

ผู้สื่อข่าวถามว่า มองเรื่องนี้ว่าจะกระทบไปถึงคดีความอื่น ๆ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่กำลังขึ้นสู่ศาลหรือไม่ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า"ผมไม่กล้าคิดอะไรมากไปกว่านั้น เอาเป็นว่าคนไทยที่รักบ้านรักเมือง รักความยุติธรรม และความถูกต้อง อย่างพวกเรา รู้สึกถูกใจ สะใจ สมใจ เอาอย่างนั้นเลยไม่ต้องปิดบังความรู้สึกกัน"

จี้เสนอสอบเส้นทางเงินทนาย

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า รัฐบาลไม่ควรเพิกเฉย ควรให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เพราะไม่อยากให้มีกระบวนการอื่นเข้าไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม โดยทนายของ พ.ต.ท.ทักษิณและครอบครัวเป็นการกระทำที่อุกอาจ โจ่งแจ้งและมั่นใจว่ามีอำนาจอยู่ในมือจึงกล้าทำได้ขนาดนี้ ดังนั้นรัฐบาลต้องให้ความเชื่อมั่นกับประชาชนว่า คดีที่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณและครอบครัวจะไม่มีการเข้าไปแทรกแซงได้ การดำเนินการของรัฐบาลจะต้องให้เกิดความเป็นธรรม เพื่อประโยชน์ของผู้หนึ่งผู้ใดและจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ ควรจะมีการขยายผลหาผู้ที่อยู่เบื้องหลังของทีมทนายทั้ง 3 คน โดยให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)เข้าไปตรวจสอบเส้นทางการเงินว่า ทนายทั้ง 3 คนรับเงินมาจากใคร

"ในระหว่างนี้ต้องระวังเรื่องการตัดตอนทีมทนายทั้ง 3 คน ว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับผู้ที่อยู่เบื้องหลัง ดังนั้นรัฐบาลต้องให้ความเป็นธรรมเกิดขึ้น หรือกันทีมทนายทั้ง 3 คนไว้เป็นพยานปากสำคัญในการติดตามผู้ที่อยู่เบื้องหลัง โดยพ.ต.ท.ทักษิณจะมาปฏิเสธความเกี่ยวข้องไม่ได้ เพราะทนายทั้ง 3 คนว่าความให้คดีที่เกี่ยวข้องกับอดีตนายกฯ และต้องติดตามตรวบสอบการทำงานของพนักงานสอบสวนและดีเอสไอต่อไป"**ทักษิณปากแข็งปัดไม่เกี่ยว**

ที่อาคาร 111 ไทยรักไทย ถนนนางเริ้ง เมื่อเวลา 16.00 น.นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนรี แถลงข่าวถึงกรณีศาลฎีกาตัดสินจำคุก ทีมทนายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ฐานละเมิดอำนาจศาลว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้มีแถลงการณ์ โดยมีเนื้อหา ดังนี้

"พ.ต.ท.ทักษิณ เคารพในดุลยพินิจของศาลฏีกา ในการฟังข้อเท็จจริง และขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่ทนายความ เสมียนทนาย และ ผู้ประสานงาน ถูกกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทยเพื่อต่อสู้คดีที่ดินย่านรัชดาภิเษก ซึ่งคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ประมูลซื้อจากกองทุนเพื่อการเฟื้อฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน อย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมา โดยเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของตัวเอง และพร้อมต่อสู้คดีภายใต้กลไกของกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในศาลยุติธรรม การกระทำที่มีการกล่าวหาไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ใดเลยแก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งเจ้าหน้าที่ธุรการของศาลก็ไม่มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาพิพากษาคดี "

นายพงศ์เทพ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกรณีเงินสนบน 2 ล้านบาท โดยเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของตนเอง แต่ศาลตัดสินออกมาเช่นนี้ก็ต้องยอมรับ โดยในขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ พักอยู่ที่เมืองไทย ไม่ได้กังวลใจอะไรเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้น และพร้อมจะไปชี้แจงหากศาลเรียก

รมว.ยุติธรรม ป้อง"แม้ว"

นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ยุติธรรม เปิดเผยถึงคำพิพากษาของศาล ที่ศาลระบุว่ามีความเกี่ยวพันกับนักการเมืองนั้น นายสมพงษ์ กล่าวว่า ตนไม่แน่ใจ ซึ่งส่วนตัวก็รู้จักกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และคิดว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะท่านก็เพียงแค่จ้างทนายให้ทำคดีให้ท่านเท่านั้น

ส่วนกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะหยิบยกเรื่องนี้มาขยาย ต่อไปอีกนั้นไม่เป็นไร อย่างไรก็ตามศาลฎีกาถือเป็นองค์กรที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม ฝ่ายบริหารไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม ดังนั้นคงไปแทรกแซงไม่ได้

ศาลแจ้งเพิ่มฐานติดสินบน

ส่วนการดำเนินคดีฐานติดสินบน วันเดียวกัน นายอนันต์ วงษ์ประภารัตน์ เลขานุการศาลฎีกา กล่าวว่า ตามคำสั่งศาลฎีกาที่ได้มอบหมายให้ตนแจ้งความดำเนินคดีกับทั้งสามคนข้อหาติดสินบนเจ้าพนักงานนั้น ตนได้แจ้งไปยังสำนักงานศาลยุติธรรมให้ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายแล้ว ส่วนตนที่เป็นผู้กล่าวหาคดีละเมิดอำนาจศาลหรือประพฤติตนไม่เหมาะสมในบริเวณศาล และศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาให้จำคุกทั้งสามคนแล้ว ถือว่าตนได้หมดหน้าที่ลงแล้ว ต่อไปเป็นหน้าที่ของสำนักงานศาลยุติธรรมดำเนินการแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกับทั้งสามคน ส่วนที่ศาลฎีกามีคำสั่งให้ออกหมายจับ นายธนา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 นั้น ทราบว่าองค์คณะผู้พิพากษา ได้ดำเนินการออกหมายจับส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามหมายแล้ว

มอบคำตัดสินมัดทีมทนาย

ที่ สน.ชนะสงคราม เวลา 15.30 น.นางณัฐชา วรวัฒน์เมธีกุล ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการประจำศาลฎีกา รับมอบอำนาจจาก นายอนันต์ วงศ์ประภารัตน์ เลขานุการศาลฎีกา เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม เพิ่มเติมข้อหาติดสิบนเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมาย ป.วิอาญา มาตรา 144 แก่ นายพิชิฏ ชื่นบาน น.ส.ศุภศรี ศรีสวัสดิ์ และนายธนา ตันศิริ

นางณัฐชา กล่าวว่า ได้รับมอบอำนาจจาก เลขานุการศาลฎีกา เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้ง 3 คนที่ถูกศาลตัดสินข้อหาละเมิดอำนาจศาลก่อนหน้านี้ โดยแจ้งความเพิ่มเติมในคดีอาญา ในข้อหาติดสินบนเจ้าพนักงาน พร้อมมอบเอกสารหลักฐาน พร้อมคำพิพากษา แก่พนักงานสอบสวน

ตำรวจคาด 30 วันส่งฟ้องได้

พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.1 กล่าวว่า หลังจากนางณัฐชา แจ้งความเพิ่มเติม แล้ว ตำรวจจะดำเนินการอายัดตัว ผู้ต้องหาทั้ง 2 คือ นายพิชิฏ และน.ส.ศุภศรี ที่ถูกศาลตัดสินและจำคุกอยู่ในเรือนจำ เพื่อสอบสวนและแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2499 มาตรา 167 ผู้ใดให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าหน้าที่ในตำแหน่งตุลาการ พนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี หรือพนักงานสอบสวน เพื่อจูงใจให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือประวิงการกระทำใด อันมิชอบด้วยหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 14,000 บาท ส่วนนายธนา ที่ยังหลบหนีอยู่ และศาลได้อนุมัติหมายจับแล้ว เจ้าหน้าจะดำเนินการติดตามตัวมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด ส่วนสำนวนการสอบสวนนั้น คาดว่าน่าจะสามารถสรุปได้ภายใน 30 วัน

"พิชิฏ" นอนคุกเครียดจัด

ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นสถานที่คุมขัง นายพิชิฏ ชื่นบาน ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายทรงวุฒิ วัฒนกุล ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ว่าช่วงเช้าได้มีญาติเดินทางมาเยี่ยมนายพิชิฏ และพบว่านายพิชิฏ มีสภาพจิตใจค่อนข้างเครียด แต่ถือเป็นเรื่องปกติของผู้ต้องขังแรกรับ ซึ่งตนได้แนะนำให้เจ้าหน้าที่ผู้ทำหน้าที่ควบคุมนายพิชิฏ แนะนำกฎระเบียบปฏิบัติของเรือนจำเพื่อให้สามารถปรับตัวเข้ากับผู้ต้องขังอื่นและใช้ชีวิตในเรือนจำได้อย่างปกติ โดยนายพิชิฏ ถือเป็นผู้มีความรู้ทางด้านกฎหมายหลังจากนี้ทางเรือนจำจะให้นายพิชิฏได้ใช้ความรู้ทำประโยชน์แก่ทางเรือนจำด้วย ซึ่งการปรับสภาพจิตใจของผู้ต้องขังนั้นขึ้นอยู่กับตัวผู้ต้องขังเองด้วย บางรายก็ใช้เวลาปรับตัวไม่นาน แต่บางรายต้องใช้ระยะเวลานานกว่าจะปรับตัวได้

ด้าน นางอังคณึง เล็บนาค ผอ.ทัณฑสถานหญิงกลาง กล่าวว่า จากการส่งเจ้าหน้าที่ลงไปสอบประวัติและพูดคุยกับ น.ส.ศุภศรี พบว่าไม่มีอาการผิดปกติหรือแสดงอาการเครียด จากการแสดงออกถือว่าไม่น่าเป็นห่วงจึงไม่จำเป็นต้องส่งเจ้าหน้าที่ดูแลเป็นพิเศษ โดยหลังจากนี้จะส่งเจ้าหน้าที่อบรมเรื่องกฎระเบียบของทัณฑสถานเพื่อช่วยเหลือให้ผู้ต้องขังสามารถปรับตัวใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำได้ หลังจากนั้นจะมีคณะกรรมการจำแนกผู้ต้องขังพิจารณาแยกแดนต่อไป

พบญาติร่ำไห้กันระงม

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ภายหลังเรือนจำเปิดให้ญาติเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังเวลา 08.30 น. กลุ่มญาติและเพื่อนนายพิชิฏ ชื่นบาน กว่า 20 คนเข้ามาติดต่อขอเยี่ยมนายพิชิฏ พร้อมทั้งซื้ออาหาร ผลไม้ น้ำดื่ม จากร้านสวัสดิการเรือนจำเข้ามาเยี่ยมนักโทษ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายพิชิฏ ซึ่งอยู่ในชุดนักโทษแดนแรกรับ สวมเสื้อสีฟ้าและกางเกงสีน้ำเงินได้เดินออกมายังห้องเยี่ยมหมายเลข 7 นายพิชิฏได้พบญาติและเพื่อน จากนั้นต่างฝ่ายต่างร้องไห้กันระงม

ทั้งนี้ นายพิชิฏได้กล่าวกับบรรดาญาติว่าเมื่อคืนนอนไม่หลับ มีอาการเครียด และกล่าวว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่แฟร์ ถ้าเป็นจริงจะไม่ว่าเลย และขอให้เพื่อนๆ ช่วยกันดูแลเรื่องทั้งหมด โดยทางเรือนจำให้เวลาเยี่ยม 15 นาที จากนั้นญาติต้องเดินออกจากห้องเยี่ยม และญาติได้ฝากเจ้าหน้าที่เรือนจำให้ช่วยดูแลนายพิชิฏด้วย

อายัดตัว"ธนา"คาโรงบาล

สำหรับการติดตามจับกุมนายธนา ตันศิริ ตามหมายจับของศาลฎีกา หลังจาก นายธนา แจ้งต่อศาลในวันอ่านคำพิพากษา ว่าได้เดินทางเข้าไปรับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ตั้งแต่เวลาประมาณ 12.00 น.ของวันที่ 25 มิ.ย.โดยระบุว่าเกิดอาการเครียดจัด และนายธนา ได้ใช้ใบรับรองแพทย์ส่งไปแจ้งยังศาลฎีกาว่า ขอเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นเวลา 7 วัน ล่าสุด มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ลุมพินี ได้สั่งอายัดตัวนายธนา ไว้แล้ว โดยใช้กำลังฝ่ายสืบสวนเฝ้าอยู่ที่หน้าห้องผลัดละ 2 คน จำนวน 3 ผลัดตลอด 24 ชม.

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า นายธนา ได้ใช้วิธีเปลี่ยนห้องพักไปเรื่อยๆ โดยตั้งแต่เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลดังกล่าวมาตั้งแต่เที่ยงวานนี้ได้ทำการเปลี่ยนห้องพักมาแล้วถึง 2 ครั้ง

เตรียมลบชื่อทิ้ง 3 ทนาย

นายสิทธิโชค ศรีเจริญ ประธานอนุกรรมการมารยาทสภาพทนายความ กล่าวถึงการพิจารณาลงโทษ นายพิชิฏ ชื่นบาน น.ส.ศุภศรี ศรีสวัสดิ์ และนายธนา ตันศิริ หลังศาลฎีกามีคำสั่งให้จำคุกคนละ 6 เดือน ฐานละเมิดอำนาจศาลหรือประพฤติตนไม่เรียบร้อยภายในบริเวณศาล ว่าได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ธุรการศาลฎีกาเพื่อขอคัดคำพิพากษาศาลฎีกานำมาพิจารณาประกอบการลงโทษ แต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่าคำพิพากษาฉบับสมบูรณ์ยังพิมพ์ไม่เสร็จ คาดว่า ต้นสัปดาห์หน้าจึงจะเรียบร้อย ซึ่งถ้าหากได้รับสำเนาคำพิพากษาแล้วในวันรุ่งขึ้นจะเรียกประชุมคณะกรรมการมารยาทสภาทนายความทั้ง 15 คน ถ้าหากเสียงข้างมากเกินกึ่งหนึ่ง ก็จะมีมติเสนอให้ คณะกรรมการสภาทนายความถอนชื่อทั้ง 3 คนจากบัญชีผู้ประกอบวิชาชีพทนายความ ทำให้ไม่สามารถว่าความได้เป็นเวลา 5 ปี ตาม ม.69 พ.ร.บ.สภาทนายความ ที่ระบุว่า กรณีที่ทนายความต้องคำพิพากษาศาลถึงที่สุดให้จำคุก ไม่ใช่คดีหมิ่นประมาทหรือคดีลหุโทษ ให้ศาลแจ้งสภาทนายความเสนอให้กรรมการมารยาทประชุมเพื่อมีมติถอนชื่อ

“ทนายความทุกคนรู้ดีอยู่แล้วว่าติดสินบนไม่ได้ เป็นเรื่องร้ายแรง นายพิชิฏ เองก็รู้มีโทษสถานเดียว คือ ลบชื่อออกจากบัญชีทนายความ ไม่มีโทษอื่น ”

นายสิทธิโชค กล่าวต่อว่า เรื่องนี้คณะกรรมการมารยาทจะประชุมให้เร็วที่สุด เพราะเป็นเรื่องสำคัญที่ประชาชนต้องการความชัดเจน ซึ่งยืนยันจะทำอย่างเต็มที่.
กำลังโหลดความคิดเห็น