รอยเตอร์ - ความต้องการใช้น้ำมันทั่วทั้งโลกในช่วง 20 ปีข้างหน้าจะยังคงเพิ่มขึ้น แต่จะเพิ่มช้ากว่าอัตราที่พวกผู้เชี่ยวชาญคาดหมายไว้เมื่อหนึ่งปีก่อน เนื่องจากราคาที่แพงลิบลิ่วจะบีบให้ความต้องการใช้ลดระดับลงมา
สำนักงานสารสนเทศพลังงานของสหรัฐฯ ระบุในรายงานคาดการณ์การบริโภคน้ำมันในโลกระยะยาว ที่นำออกเผยแพร่เมื่อวันพุธ(25)ว่า ความต้องใช้น้ำมันจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 50%ภายในปี 2030 นอกจากนี้ในรายงานบอกด้วยว่า ระหว่างช่วงเวลาดังกล่าวนี้ ความต้องการน้ำมันในประเทศที่กำลังพัฒนาจะเพิ่มขึ้น 85% ในขณะที่ประเทศอุตสาหกรรมความต้องการใช้จะเพิ่มขึ้นเพียง 19% เท่านั้น
ทางสำนักงานระบุอีกว่าประเทศนำเข้าน้ำมันจะต้องพึ่งพิงองค์การประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) มากขึ้น เนื่องจากพวกผู้ผลิตน้ำมันนอกโอเปก จะผลิตน้ำมันและส่งมาขายในตลาดโลกได้น้อยลง
"เรามองเห็นความต้องการบริโภคพลังงานที่จะขยายตัวอย่างรวดเร็ว" กีย์ คารูโซ ผู้อำนวยการของสำนักงานแห่งนี้ซึ่งเป็นหน่วยงานทำนายภาวะตลาดของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯกล่าว "บรรดาประเทศเศรษฐกิจเฟื่องฟูใหม่จะบริโภคน้ำมันเพิ่มขึ้นอย่างมาก" โดยเฉพาะจีนและอินเดีย และภาคที่ต้องการพลังงานเพิ่มขึ้นมากก็คือภาคคมนาคม เพราะผู้บริโภคในเขตเศรษฐกิจเฟื่องฟูใหม่จะซื้อรถยนต์มาใช้กันมากขึ้น
รายงานล่าสุดของสำนักงานแห่งนี้บอกว่า ความต้องการใช้น้ำมันของทั่วโลกในปี 2010 จะเฉลี่ยอยู่ที่ราว 89.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน(บีพีดี) ลดลงจากที่สำนักงานเคยคาดการณ์ไว้เมื่อปีที่แล้ว 1.5 ล้านบีพีดี อันเนื่องมาจากราคาที่แพงขึ้น
ทางสำนักงานคาดด้วยว่า ในช่วงปี 2010 ความต้องการใช้น้ำมันในจีนจะลดลงจากที่คาดไว้เดิม 600,000 บีพีดี มาอยู่ที่ 8.8 ล้านบีพีดี กระนั้นก็ตาม เมื่อเทียบกับการคาดหมายที่ว่าจีนจะใช้น้ำมันปีนี้ 8 ล้านบีพีดี ก็เท่ากับเพิ่มขึ้นถึง 10% ส่วนความต้องการใช้น้ำมันในอินเดียปี 2010 สำนักงานคาดว่าจะอยู่ที่ 2.7 ล้านบีพีดี เท่ากับที่ให้ไว้ในปีที่แล้ว
สำหรับความต้องการใช้น้ำมันของทั่วโลกในปี 2030 สำนักงานสารสนเทศพลังงานสหรัฐฯระบุว่า จะเพิ่มขึ้นเป็น 112.5 ล้านบีพีดี ซึ่งก็น้อยลงจากคาดการณ์เมื่อปีที่แล้วราว 5.1 ล้านบีพีดี อย่างไรก็ตามการทำนายนี้อาศัยสมมุติฐานของราคาในช่วงหน้าร้อนที่แล้ว ไม่ใช่ราคาที่พุ่งขึ้นอย่างมากในเดือนมิถุนายนปีนี้ซึ่งขึ้นไปใกล้ 140 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ทั้งนี้ทางสำนักงานคาดว่าหากราคาอยู่ในระดับนี้ต่อไป ก็อาจทำให้ความต้องการในปี 2030 ลดลงอีก 13 ล้านบีพีดี
"เราคาดว่าในช่วง 5-10 ปีข้างหน้า ราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูงจะทำให้มีปริมาณน้ำมันใหม่ ๆหลั่งไหลเข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้นและทำให้ราคาอ่อนตัวลงมา" คารูโซกล่าว แต่เขาไม่เชื่อว่าราคาจะลดลงมาสู่ระดับของทศวรรษที่ 1980 หรือ 1990 อีกต่อไปแล้ว
อย่างไรก็ดี ผลผลิตน้ำมันของประเทศนอกโอเปกจะไม่อาจเพิ่มขึ้นตามทันความต้องการ ดังนั้นประเทศผู้ใช้น้ำมันจึงต้องเพิ่มการพึ่งพาโอเปกกันมากขึ้น ในรายงานคาดว่าเมื่อถึงปี 2010 ผลผลิตน้ำมันของพวกประเทศนอกโอเปกจะลดลงราว 1.1 ล้านบีพีดีจากระดับที่ได้คาดไว้เมื่อปลายปีที่แล้ว เหลือ 51.8 ล้านบีพีดี เปรียบเทียบกับตัวเลขคาดหมายผลผลิตของประเทศนอกโอเปกในปีนี้ที่เท่ากับ 49.5 ล้านบีพีดี
ส่วนผลผลิตของโอเปกในปี 2010 นั้น สำนักงานลดตัวเลขจากที่คาดหมายในปีที่แล้วลงมาแค่ราว 400,000 บีพีดี เป็น 37.4 ล้านบีพีดี ขณะที่ทำนายผลผลิตของโอเปกในปีนี้ไว้ที่ 37.1 ล้านบีพีดี
สำนักงานสารสนเทศพลังงานของสหรัฐฯ ระบุในรายงานคาดการณ์การบริโภคน้ำมันในโลกระยะยาว ที่นำออกเผยแพร่เมื่อวันพุธ(25)ว่า ความต้องใช้น้ำมันจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 50%ภายในปี 2030 นอกจากนี้ในรายงานบอกด้วยว่า ระหว่างช่วงเวลาดังกล่าวนี้ ความต้องการน้ำมันในประเทศที่กำลังพัฒนาจะเพิ่มขึ้น 85% ในขณะที่ประเทศอุตสาหกรรมความต้องการใช้จะเพิ่มขึ้นเพียง 19% เท่านั้น
ทางสำนักงานระบุอีกว่าประเทศนำเข้าน้ำมันจะต้องพึ่งพิงองค์การประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) มากขึ้น เนื่องจากพวกผู้ผลิตน้ำมันนอกโอเปก จะผลิตน้ำมันและส่งมาขายในตลาดโลกได้น้อยลง
"เรามองเห็นความต้องการบริโภคพลังงานที่จะขยายตัวอย่างรวดเร็ว" กีย์ คารูโซ ผู้อำนวยการของสำนักงานแห่งนี้ซึ่งเป็นหน่วยงานทำนายภาวะตลาดของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯกล่าว "บรรดาประเทศเศรษฐกิจเฟื่องฟูใหม่จะบริโภคน้ำมันเพิ่มขึ้นอย่างมาก" โดยเฉพาะจีนและอินเดีย และภาคที่ต้องการพลังงานเพิ่มขึ้นมากก็คือภาคคมนาคม เพราะผู้บริโภคในเขตเศรษฐกิจเฟื่องฟูใหม่จะซื้อรถยนต์มาใช้กันมากขึ้น
รายงานล่าสุดของสำนักงานแห่งนี้บอกว่า ความต้องการใช้น้ำมันของทั่วโลกในปี 2010 จะเฉลี่ยอยู่ที่ราว 89.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน(บีพีดี) ลดลงจากที่สำนักงานเคยคาดการณ์ไว้เมื่อปีที่แล้ว 1.5 ล้านบีพีดี อันเนื่องมาจากราคาที่แพงขึ้น
ทางสำนักงานคาดด้วยว่า ในช่วงปี 2010 ความต้องการใช้น้ำมันในจีนจะลดลงจากที่คาดไว้เดิม 600,000 บีพีดี มาอยู่ที่ 8.8 ล้านบีพีดี กระนั้นก็ตาม เมื่อเทียบกับการคาดหมายที่ว่าจีนจะใช้น้ำมันปีนี้ 8 ล้านบีพีดี ก็เท่ากับเพิ่มขึ้นถึง 10% ส่วนความต้องการใช้น้ำมันในอินเดียปี 2010 สำนักงานคาดว่าจะอยู่ที่ 2.7 ล้านบีพีดี เท่ากับที่ให้ไว้ในปีที่แล้ว
สำหรับความต้องการใช้น้ำมันของทั่วโลกในปี 2030 สำนักงานสารสนเทศพลังงานสหรัฐฯระบุว่า จะเพิ่มขึ้นเป็น 112.5 ล้านบีพีดี ซึ่งก็น้อยลงจากคาดการณ์เมื่อปีที่แล้วราว 5.1 ล้านบีพีดี อย่างไรก็ตามการทำนายนี้อาศัยสมมุติฐานของราคาในช่วงหน้าร้อนที่แล้ว ไม่ใช่ราคาที่พุ่งขึ้นอย่างมากในเดือนมิถุนายนปีนี้ซึ่งขึ้นไปใกล้ 140 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ทั้งนี้ทางสำนักงานคาดว่าหากราคาอยู่ในระดับนี้ต่อไป ก็อาจทำให้ความต้องการในปี 2030 ลดลงอีก 13 ล้านบีพีดี
"เราคาดว่าในช่วง 5-10 ปีข้างหน้า ราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูงจะทำให้มีปริมาณน้ำมันใหม่ ๆหลั่งไหลเข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้นและทำให้ราคาอ่อนตัวลงมา" คารูโซกล่าว แต่เขาไม่เชื่อว่าราคาจะลดลงมาสู่ระดับของทศวรรษที่ 1980 หรือ 1990 อีกต่อไปแล้ว
อย่างไรก็ดี ผลผลิตน้ำมันของประเทศนอกโอเปกจะไม่อาจเพิ่มขึ้นตามทันความต้องการ ดังนั้นประเทศผู้ใช้น้ำมันจึงต้องเพิ่มการพึ่งพาโอเปกกันมากขึ้น ในรายงานคาดว่าเมื่อถึงปี 2010 ผลผลิตน้ำมันของพวกประเทศนอกโอเปกจะลดลงราว 1.1 ล้านบีพีดีจากระดับที่ได้คาดไว้เมื่อปลายปีที่แล้ว เหลือ 51.8 ล้านบีพีดี เปรียบเทียบกับตัวเลขคาดหมายผลผลิตของประเทศนอกโอเปกในปีนี้ที่เท่ากับ 49.5 ล้านบีพีดี
ส่วนผลผลิตของโอเปกในปี 2010 นั้น สำนักงานลดตัวเลขจากที่คาดหมายในปีที่แล้วลงมาแค่ราว 400,000 บีพีดี เป็น 37.4 ล้านบีพีดี ขณะที่ทำนายผลผลิตของโอเปกในปีนี้ไว้ที่ 37.1 ล้านบีพีดี