xs
xsm
sm
md
lg

แฉค่าขนม 2 ล้านฝีมือ "ทนายแม้ว" ลุ้นชี้โทษวันนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

องค์คณะไต่สวนถุงขนม 2 ล้าน นัดฟังคำสั่ง 14.00 น.วันนี้ หลังไต่สวนเจ้าหน้าที่ศาลร่วม 7 ปาก ขณะที่ “พิชิฏ ชื่นบาน” ทนายทักษิณถูกเรียกสอบด้วย ผู้พิพากษาศาลฎีการะบุหากถูกตัดสินละเมิดอำนาจศาล ประพฤติตนไม่เรียบร้อยในเขตศาล โทษสูงสุด 6 เดือนปรับไม่เกิน 500 ชี้หากสั่งจำคุกจริงคำสั่งศาลถือเป็นที่สุด ไม่มีสิทธิอุทธรณ์-ฎีกา

วานนี้ (24 มิ.ย.) มีรายงานข่าวจากศาลฎีกาว่า นายมงคล ทับเที่ยง รองประธานศาลฎีกา นายวีรพล ตั้งสุวรรณ และนายอิศเรศ ชัยรัตน์ ผู้พิพากษาศาลฎีกา องค์คณะผู้พิพากษาไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีทนายความอดีตนักการเมือง นำถุงขนมสอดไส้เงินสด 2 ล้านบาท มามอบให้เจ้าหน้าที่ธุรการ ซี 7 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. ว่านัดฟังคำสั่งการไต่สวนข้อเท็จจริงในวันนี้ 25 มิ.ย. เวลา 14.00 น.ที่ห้องพิจารณาคดีของศาลฎีกา หลังจากที่องค์คณะฯ ได้ดำเนินการไต่สวนเจ้าหน้าที่ธุรการ ซี 7 ไปแล้วเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา และไต่สวนทนายความและทีมทนายความที่ถูกอ้างถึง 2 คนไปเมื่อวันที่ 19 มิ.ย.

แหล่งข่าวผู้พิพากษาศาลฎีกา เปิดเผยว่า การไต่สวนข้อเท็จจริงเรื่องนี้ องค์คณะฯ ไต่สวนเจ้าหน้าที่ศาลที่อยู่ในเหตุการณ์ประมาณ 6-7 คน ส่วนกลุ่มทนายความที่องค์คณะเรียกมาไต่สวน ประกอบด้วยนายพิชิฏ ชื่นบาน ทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร นายธนา ตันศิริ ซึ่งเป็นทีมทนายความ ทั้งนี้ ในการไต่สวนมีประเด็นที่องค์คณะดำเนินการสอบรวม 3 ข้อ 1.ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร 2.มีบุคคลใดที่เกี่ยวข้องบ้าง และ 3.การกระทำตามข้อเท็จจริงเกิดขึ้นมีความผิดอย่างไรบ้าง

แหล่งข่าวผู้พิพากษาศาลฎีกา กล่าวว่า หากการกระทำที่เกิดขึ้นองค์คณะฯ เห็นว่าเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจที่มีการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในเขตบริเวณศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 31 ซึ่งศาลสามารถมีคำสั่งลงโทษได้ทันที ตามประมวลกฎหมายดังกล่าวมาตรา 33 โดยที่ไม่ต้องแจ้งความดำเนินคดี โดยโทษการละเมิดอำนาจศาลตามมาตรา 33 ระบุว่า หากคู่ความฝ่ายใดหรือบุคคลใดกระทำฐานละเมิดอำนาจศาลใด ให้ศาลนั้นมีอำนาจสั่งลงโทษด้วยวิธีการไล่ออกจากบริเวณ หรือให้ลงโทษจำคุกหรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งการกำหนดโทษจำคุกให้จำคุกได้ไม่เกิน 6 เดือน และปรับให้ปรับไม่เกิน 500 บาท

แหล่งข่าวผู้พิพากษาศาลฎีกา กล่าวด้วยว่า คดีนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในศาลฎีกาซึ่งเป็นศาลสูง ดังนั้น หากองค์คณะไต่สวนข้อเท็จจริงแล้วเห็นว่ามีบุคคลกระทำผิดฐานละเมิดศาล และศาลสั่งลงโทษจำคุกจริงโดยไม่รอลงอาญา คำสั่งศาลดังกล่าวต้องถือเป็นที่สุดที่บุคคลนั้นไม่มีสิทธิยื่นอุทธรณ์-ฎีกาใดๆ ได้อีกเพราะถือเป็นคำสั่งศาลฎีกา ซึ่งหากบุคคลที่ถูกลงโทษนั้นเป็นทนายความด้วยก็จะไม่สามารถว่าความคดีได้อีก ส่วนการประกอบวิชาชีพทนายความนั้น ก็ต้องเป็นเรื่องขององค์กรวิชาชีพ คือ สภาทนายความที่จะดำเนินการตาม พ.ร.บ.ทนายความ ต่อไป

แหล่งข่าวผู้พิพากษาศาลฎีกา ทิ้งท้ายว่า การไต่สวนข้อเท็จจริงเรื่องนี้จะมีมูลว่าเป็นเรื่องของการให้สินบนต่อเจ้าหน้าที่ศาลที่เป็นความผิดทางอาญาหรือไม่ ต้องรอฟังคำสั่งองค์คณะในวันพรุ่งนี้ ซึ่งหากข้อเท็จจริงมีมูลว่าบุคคลนั้นมีพฤติการณ์และเจตนาการให้สินบน ก็ต้องถูกดำเนินคดีทางอาญาต่อไป ซึ่งในทางปฏิบัติศาลจะต้องมอบหมายให้ผู้แทนเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
กำลังโหลดความคิดเห็น