วันนี้ (25 มิ.ย.) เวลาประมาณ 14.00 น. ที่ห้องพิจารณาคดีของศาลฎีกา องค์คณะไต่สวนข้อเท็จจริงที่นายมงคล ทับเที่ยง รองประธานศาลฎีกา นายวีระพล ตั้งสุวรรณ และนายอิศเรศ ชัยรัตน์ ผู้พิพากษาศาลฎีกา จะอ่านคำสั่งคดี มีผู้นำเงิน 2 ล้านบาท ส่งให้เจ้าหน้าที่ในศาลฎีกา
มีรายงานว่า องค์คณะไต่สวนข้อเท็จจริงฯ ได้เรียกเจ้าหน้าที่ 7 คน ที่อยู่ในเหตุการณ์ มาสอบข้อเท็จจริง และเรียกกลุ่มทนายความที่คาดว่าจะเกี่ยวข้อง ประกอบด้วย นายพิชิฏ ชื่นบาน ทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา และนายธนา ตันศิริ ทีมทนายความ มาไต่สวน โดยตั้งกรอบไว้ 3 ข้อ คือ ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร มีบุคคลใดเกี่ยวข้องบ้าง และการกระทำตามข้อเท็จจริงมีความผิดอย่างไร
นายสิทธิโชค ศรีเจริญ ประธานคณะกรรมการมารยาททนายความ สภาทนายความ เปิดเผยว่า หากพบว่ามีทนายความมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จริง สภาทนายความจะดำเนินการขั้นเด็ดขาด คือลบชื่อออกจากทะเบียนทนายความ และไม่ให้ประกอบอาชีพนี้ตลอดชีวิต
นอกจากนี้ คดีนี้เกิดขึ้นในศาลฎีกา ซึ่งเป็นศาลสูง ดังนั้นหากองค์คณะเห็นว่ามีบุคคลกระทำผิดฐานละเมิดศาล และศาลมีคำสั่งลงโทษจำคุกจริง โดยไม่รอลงอาญา คำสั่งศาลถือเป็นที่สุด ไม่มีสิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ฎีกา เพราะถือเป็นคำสั่งศาลฎีกา แต่หากข้อเท็จจริงมีมูลว่าบุคคลนั้นมีพฤติการณ์และเจตนาให้สินบน ต้องถูกดำเนินคดีทางอาญาด้วย ซึ่งในทางปฏิบัติศาลต้องมอบให้ผู้แทนแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
มีรายงานว่า องค์คณะไต่สวนข้อเท็จจริงฯ ได้เรียกเจ้าหน้าที่ 7 คน ที่อยู่ในเหตุการณ์ มาสอบข้อเท็จจริง และเรียกกลุ่มทนายความที่คาดว่าจะเกี่ยวข้อง ประกอบด้วย นายพิชิฏ ชื่นบาน ทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา และนายธนา ตันศิริ ทีมทนายความ มาไต่สวน โดยตั้งกรอบไว้ 3 ข้อ คือ ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร มีบุคคลใดเกี่ยวข้องบ้าง และการกระทำตามข้อเท็จจริงมีความผิดอย่างไร
นายสิทธิโชค ศรีเจริญ ประธานคณะกรรมการมารยาททนายความ สภาทนายความ เปิดเผยว่า หากพบว่ามีทนายความมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จริง สภาทนายความจะดำเนินการขั้นเด็ดขาด คือลบชื่อออกจากทะเบียนทนายความ และไม่ให้ประกอบอาชีพนี้ตลอดชีวิต
นอกจากนี้ คดีนี้เกิดขึ้นในศาลฎีกา ซึ่งเป็นศาลสูง ดังนั้นหากองค์คณะเห็นว่ามีบุคคลกระทำผิดฐานละเมิดศาล และศาลมีคำสั่งลงโทษจำคุกจริง โดยไม่รอลงอาญา คำสั่งศาลถือเป็นที่สุด ไม่มีสิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ฎีกา เพราะถือเป็นคำสั่งศาลฎีกา แต่หากข้อเท็จจริงมีมูลว่าบุคคลนั้นมีพฤติการณ์และเจตนาให้สินบน ต้องถูกดำเนินคดีทางอาญาด้วย ซึ่งในทางปฏิบัติศาลต้องมอบให้ผู้แทนแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
