xs
xsm
sm
md
lg

รัฐบาลที่เลวร้ายนี่แหละ ต้นเหตุหุ้นตก-นักท่องเที่ยวหนี

เผยแพร่:   โดย: สุวิชชา เพียราษฎร์

ในเวลา 4 เดือนของการบริหารประเทศ รัฐบาลสมัคร สุนทรเวช ได้ชื่อว่าเป็นรัฐบาลที่มีคำเรียกหามากมาย อาทิ รัฐบาลหุ่นเชิด นอมินี ลูกกรอก หอกหัก เส็งเคร็ง ซึ่งแต่ละคำล้วนแต่อธิบายตัวตนของรัฐบาลชุดนี้ได้เป็นอย่างดี

ล่าสุดในการประชุมวุฒิสภา เพื่ออภิปรายรัฐบาลเมื่อวันจันทร์ (23 มิ.ย.) ยังเพิ่มคำจำกัดความใหม่เข้าไปอีกว่า เป็น ‘รัฐบาล 10 ไม่’ ตามคำอภิปรายของ ส.ว.คำนูณ สิทธิสมาน

รัฐบาล 10 ไม่ คือ ไม่เข้าใจเรื่องการเมืองยุคใหม่ ไม่เคารพประชาชนเจ้าของประเทศ ไม่จัดสรรบุคลากรที่ดีมาบริหารประเทศ ไม่ชัดเจนในทิศทางการบริหารประเทศ ไม่ยึดหลักธรรมาภิบาล ไม่มีเอกภาพในการบริหารประเทศ ไม่ยึดถือประโยชน์ส่วนรวม ไม่มีวุฒิภาวะของความเป็นผู้นำ ไม่รักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ และ ไม่แสดงความพยายามที่จะปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์

ยิ่งหากมองวาระซ่อนเร้นกรณีเขาพระวิหารปมร้อนของวันนี้ เท่านี้รัฐบาลนายสมัครก็เหมือนคนยืนอย่างเปลือยเปล่าต่อหน้าสาธารณะแล้ว

ไม่มีอะไรต้องพิสูจน์อีก ภาพลักษณ์ของรัฐบาลจากเดิมมีอยู่น้อยนิดนับแต่ 6 กุมภาพันธ์ 2551 ที่เข้ามาบริหารประเทศที่หลายฝ่ายให้โอกาส ดูๆ ไปก่อนจึงไม่เหลืออะไรอีกแล้ว จากภาพลักษณ์กลับกลายเป็นภาพอัปลักษณ์อย่างสมบูรณ์

อัปลักษณ์ในทุกด้านทั้งความน่าเชื่อถือ การบริหารงาน กระทั่งทัศนคติ และ วาจาที่พูดออกมาแต่ละเรื่อง! ทุกคน! ไม่เว้นรัฐมนตรีที่ก่อนนี้ถูกมองว่าน่าจะเป็นบุคคลที่ถ่วงดุลพวกรัฐมนตรียี้ได้มากที่สุดอย่าง นายแพทย์ สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

ใครก็รู้ว่า ‘หมอเลี้ยบ’ ไม่ใช่นักการเมืองที่อาศัยลีลาโวหารอย่างรุ่นเก่ากร้านโลก ใบหน้ามีคุณลักษณ์พิเศษที่วงการแพทย์ฉงน คือ หนังหน้าหนากว่ามนุษย์ธรรมดาหลายเท่าตัวอย่างนายสมัคร สุนทรเวช และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ซึ่งตีฝีปากเอาตัวรอดไปได้ทุกเรื่องแม้น้ำจะขุ่นคลั่กตามหลังไปก็ตาม หากแต่มีต้นทุนความน่าเชื่อถืออยู่บ้าง

นั่นเพราะตามปูมหลังของเขาซึ่งผ่านการศึกษาสาขาแพทย์ซึ่งได้รับการยอมรับจากสังคมว่าเป็นสาขาสำหรับคนเก่งและฉลาด เมื่อพลิกผันมาเล่นการเมืองแล้วก็ได้รับความไว้วางใจจากทักษิณ ชินวัตร (ปี 2545-2548) ให้ดำรงตำแหน่งเสนาบดีใหญ่ขึ้นตามลำดับในเวลาต่อมา

ทว่า.. ครั้นมาเป็นรองนายกฯ และ ‘ขุนคลัง’ หมอเลี้ยบในรัฐบาลสมัคร ดูกลมกลืนกับสมัคร และเฉลิม ราวแผดสาม!! โดยเฉพาะคำพูดที่จะพาตัวเองให้รอดจากความรับผิดชอบในหน้าที่ ออกจากสถานการณ์คับขันซึ่งมีปัญหาเศรษฐกิจบีบคออยู่

หมอเลี้ยบพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่ามาเกือบเดือนแล้วว่า ปัญหาเศรษฐกิจเพราะม็อบพันธมิตรฯ ทำพินาศ!

เมื่อวันจันทร์ก็พูดอีกว่า “ขณะนี้สถานการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้อาจเติบโตได้ไม่ถึง 6% ตามที่รัฐบาลคาดการณ์ไว้เพราะปัจจัยการเมือง โดยเฉพาะการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง และดัชนีหุ้นไทยที่มีการปรับลดลงประมาณ 100 จุดในช่วงที่ผ่านมาด้วย”

พร้อมกับลำเลิก “เศรษฐกิจที่ยังประคองอยู่ได้ทุกวันนี้เพราะกระทรวงการคลัง มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การเพิ่มงบประมาณให้ประชาชนรากหญ้า และจะฟื้นหวยบนดินและออนไลน์ หากการเมืองคลี่คลายเศรษฐกิจก็น่าจะดีขึ้น”

ความคิดเช่นนี้สมควรบอกว่า อัปลักษณ์หรือไม่? บรรดาทีมที่ปรึกษาทั้งหลายย่อมทราบดี พวกท่านเคยสะกิดเตือน ฯพณฯ ของท่านบ้างหรือไม่ว่า ‘ท่านครับ เหตุผลของท่านฟังไม่ขึ้น’

คำพูดเหล่านี้ออกจากปากขุนคลังคนสำคัญของรัฐบาลก็เท่ากับตอกย้ำว่ารัฐบาลนี้ดูถูกสติปัญญาประชาชนเหมือนสมัยทักษิณไม่เคยเปลี่ยนแปลง แนวทางแก้ปัญหาเศรษฐกิจแบบเดิมๆ มอมเมาด้วยหวยให้ประชาชนลืมความเจ็บปวดของปัญหาข้าวยากหมากแพง

เพิ่มงบประมาณให้ประชาชนในรากหญ้า ผ่านกองทุนหมู่บ้านก็ไม่ต่างจากซื้อบัตรเติมเงินมือถือยื่นให้ประชาชน หมดเงินก็หมดค่า ไม่ได้ก่อประโยชน์อะไรต่อระบบเศรษฐกิจ

ประเด็นสำคัญ! ประชาชนวันนี้ต่างจากเมื่อวานมาก ข้อมูลข่าวสารที่หาได้จากทั้งอินเทอร์เน็ต และทีวีดาวเทียม ติดตามจากแหล่งข้อมูลทางตรง ทำให้มองออกว่า อะไรเป็นอะไร

เขาทราบข้อมูลว่า ที่ดัชนีหุ้นไทยตก 100 จุดนั้นเพราะอะไร ปัจจัยการเมืองก็แค่จิตวิทยาช่วงสั้นๆ หวือหวาเหมาะแก่เล่นเก็งกำไรกัน ที่นักลงทุนเทขายหุ้น เพราะเมื่อเศรษฐกิจโลกชะลอตัวจากปัญหาน้ำมัน และเงินเฟ้อ ผลประกอบการของบริษัทต่างๆ ทำท่าจะแย่ ทุนหายกำไรหด ใครเขาจะจมปลักอยู่ในตลาดหุ้นก็เป็นธรรมดาที่จะต้องมองหาผลตอบแทนอื่นๆ

นอกจากนั้นยังรู้อีกว่า เทียบเวลาเดียวกัน (25 พ.ค.นับแต่พันธมิตรฯ ชุมนุมถึง23มิ.ย. 2551) ตลาดสำคัญๆ ของโลกนี้ ดาวน์โจนส์ สหรัฐฯ ลดลงไป 637.27 จุด หรือ 5.11% นิเคอิ ญี่ปุ่น ลดลง 154.73 จุด หรือ 1% ฮั่งเส็ง ฮ่องกง 1,999.11 จุด หรือกว่า 8.09% สเตรทส์ไทม์ สิงคโปร์ ลดลง 143 จุด หรือ 4.58%

รัฐบาลนอกจากไม่ให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ประชาชนแล้วยังสนับสนุนให้คนเล่นหุ้นแบบการพนันไม่ใช่การลงทุน ยุยงนักเล่นให้สนใจแต่เรื่องขึ้นๆ ลงๆ ชั่ววูบวาบโดยไม่ดูปัจจัยพื้นฐานของบริษัท

ส่วนเรื่องนักท่องเที่ยวหดหาย รัฐบาลยิ่งแสดงความไม่รู้ ทั้งๆ ที่ก็อยู่กับข้อมูลซึ่งก็ไม่แตกต่างจากประชาชนสัมผัสได้หรือค้นหาได้ ใครๆ ก็ทราบดีว่า เหตุที่ประชาชนไม่เที่ยวเพราะค่าครองชีพมันแพงขึ้น ต้องประหยัด คนไทยไม่เที่ยว คนต่างประเทศที่เขาเดือดร้อนจากภาวะน้ำมันแพงเขาก็ไม่เที่ยวเช่นกัน

ตลอดเวลา 1 เดือนที่พันธมิตรฯ ชุมนุมได้สะท้อนภาพของภาคการเมืองประชาชนที่สวยงาม ไม่มีความรุนแรง ไม่มีอะไรเกินเลยกว่าขอบเขตสิทธิของประชาชนที่พึงกระทำได้ตามรัฐธรรมนูญ เชื่อว่านักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ มีสติปัญญา คงไม่คิดอะไรเหมือนรัฐบาลแน่นอน

ในทางกลับกัน...ทั้งเรื่องหุ้นและท่องเที่ยว ฯพณฯ ท่านทั้งหลายในรัฐบาลนี้จะพูดอะไรลองย้อนกลับไปดูสิ่งที่ตัวเองทำใน 4 เดือนที่ผ่านมา ย้อนทบทวนคำนิยาม ‘รัฐบาล 10 ไม่’ ข้างต้นแล้วไม่ต้องไปถามใคร หรือให้นักวิชาการ นักวิเคราะห์ที่ไหนฟันธง ตอบได้เลยว่า

รัฐบาลที่ทำลายสถิติความเลวร้ายทั้งปวง นี่แหละตัวต้นเหตุซ้ำเติมวิกฤตเศรษฐกิจ!!

ท่านผู้อ่านสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพิ่มเติมได้ที่ เอ็มบล็อก http://mblog.manager.co.th/suwitcha67 หรือ E-mail suwitcha@manager.co.th
กำลังโหลดความคิดเห็น