ผู้จัดการรายวัน - ตลาดหุ้นผันผวนหนักหลังดำดิ่งกว่า 14 จุด แต่เด้งกลับในช่วงบ่ายจนปิดเท่ากับวันก่อน เหตุนักลงทุนสถาบันทยอยเก็บหุ้นเข้าพอร์ต หวังดันงบไตรมาส 2/51 ขณะที่ต่างชาติขายต่อเนื่องอีกเกือบ 2 พันล้านบาท โบรกเกอร์แจงนักลงทุนไล่เก็บหุ้นพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น และเก็งกำไรหุ้นอสังหาริมทรัพย์
บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวานนี้ (23มิ.ย.) ดัชนีตลาดหุ้นผันผวนตั้งแต่ช่วงเช้าที่ปรับตัวลดลงไปต่ำสุดกว่า 14 จุด ที่ 754.16 จุด ก่อนจะมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นขนาดใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน หนุนดัชนีขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 769.02 จุด และปิดการซื้อขายที่ 768 จุด ซึ่งเป็นระดับเดียวกับวันก่อนหน้า มูลค่าการซื้อขายรวม 14,068.34 ล้านบาท
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างประเทศยังขายสุทธิ 1,917.63 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 13,02.54 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 615.09 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นปิดไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้านั้น นับเป็นการเกิดขึ้นครั้งที่ 3 ตั้งแต่ก่อตั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 44 และ 29 มิถุนายน 2544
นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ UOBKH กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานี้ค่อนข้างผันผวน โดยช่วงเช้าดัชนปรับลงลึกถึง 14 จุด ตลาดตลาดหุ้นภูมิภาคจากความกังวลปัญหาเรื่องปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ซับไพรม์) และการชะลอตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ขณะที่ในช่วงบ่ายได้มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะหุ้น บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP และ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ PTT จากการที่ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าส่งมอบเดือนสิงหาคมมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น และตลาดหุ้นในภูมิภาคที่เริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน รวมถึงฟิวเจอร์สดาวโจนส์ยืนอยู่ในแดนบวก
นายโกสินทร์ กล่าวว่า แรงซื้อที่มีเข้ามาในช่วงบ่ายน่าจะเกิดจากนักลงทุนภายในประเทศและบริษัทหลักทรัพย์ที่มีพอร์ตลงทุนในหลักทรัพย์ เพื่อปิดงบการเงินไตรมาส 2/5 ขณะที่มูลค่าการซื้อขายที่ระดับ 14,000 ล้านบาท เนื่องจากนักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อรอดูสถานการณ์ทางการเมือง การอภิปราย และชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รวมถึงการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่จะประชุมภายในกลางสัปดาห์นี้
"หลายฝ่ายคาดว่าเฟดน่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 2% ซึ่งจะทำค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าและผันผวนในกรอบแคบๆ ส่งผลให้เม็ดเงินที่เคยไหลออกจากหุ้นเข้าไปลงทุนในตลาดเงินไหลกลับเข้ามาลงทุนในหุ้นบางส่วนจากก่อนหน้านี้คาดว่าดอกเบี้ยจะขึ้น และจำทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบๆ"
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ (24 มิ.ย.) คาดว่าดัชนีจะผันผวนในกรอบแคบๆ จากรอผลการประชุมเฟด แต่จากการที่ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าส่งมอบเดือนสิงหาคมที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นนั้น เชื่อว่าจะมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้น PTT และ PTTEP อย่างต่อเนื่อง โดยประเมินแนวรับที่ระดับ 750-759 จุด แนวต้านที่ระดับ 771-773 จุด
นางสาวสุภากรณ์ สุจิรัตนวิมล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.เคทีบี กล่าวว่า ในช่วงบ่ายตลาดหุ้นไทยสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ จากแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ หลังจากราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงมามากและคาดว่าเฟดจะคงดอกเบี้ย และหุ้นกลุ่มพลังงานจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
"มูลค่าการซื้อขายเบาบางจากนักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อรอผลการประชุมเฟด และรอการอภิปรายทางการเมือง ทำให้นักลงทุนมีการลงทุนลักษณะซื้อขายรายวัน (เทรดดิ้ง) รวมทั้งยังไม่มีปัจจัยลบใหม่เข้ากระทบ ซึ่งถือว่าการที่ดัชนีที่สามารถทรงตัวได้ในระดับนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ตลาดหุ้นมีการสร้างฐาน และคาดว่าระยะสั้นดัชนีสามารถที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ที่ 780 จุด และมีโอกาสที่จะปรับต่อไปได้ที่ 800 จุด"
ส่วนแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันนี้ยังมีโอกาสที่จะกปรับตัวลดลง ซึ่งต้องติดตามตลาดหุ้นภูมิภาคและการพิจารณาของเฟด ซึ่งบริษัทคาดว่าเฟดจะมีการคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมในครั้งนี้และคาดว่าจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปลายปีนี้ ประเมินแนวรับที่ระดับ 760 จุด แนวต้านที่ระดับ 780 จุด
นางสาววิริยา ลาภพรมรัตน ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้าดัชนีฯปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นภูมิภาคจากการที่ดาวโจนส์ที่ปรับตัวลดลง 220 จุด จากความกังวลเศรษฐกิจอเมริกา และปัญหาสินเชื่อ และจากปัจจัยทางการเมืองที่ยังไม่มีข้อยุติ แต่ในช่วงบ่ายตลาดหุ้นภูมิภาคได้มีการรีบาวน์ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม
ทั้งนี้ บริษัทได้มีการปรับลดประมาณการดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้เป็นครั้งที่ 2 โดยคาดว่าดัชนีจะอยู่ที่ 650-820 จุด จากตั้งแต่ต้นปีประมาณการไว้ที่ระดับ 730-950 จุด ก่อนที่จะปรับเพิ่มในครั้งแรกอยู่ที่ระดับ 1,000 จุด หลังเกิดปัญหาเงินเฟ้อจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น
สำหรับแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ จะต้องติดตามในเรื่องการเมืองในเรื่องการอภิปรายของฝ่ายค้าน และตลาดหุ้นภูมิภาค โดยประเมินแนวรับที่ระดับ 750-770 จุด แนวต้านที่ระดับ 775-780 จุด
บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวานนี้ (23มิ.ย.) ดัชนีตลาดหุ้นผันผวนตั้งแต่ช่วงเช้าที่ปรับตัวลดลงไปต่ำสุดกว่า 14 จุด ที่ 754.16 จุด ก่อนจะมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นขนาดใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน หนุนดัชนีขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 769.02 จุด และปิดการซื้อขายที่ 768 จุด ซึ่งเป็นระดับเดียวกับวันก่อนหน้า มูลค่าการซื้อขายรวม 14,068.34 ล้านบาท
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างประเทศยังขายสุทธิ 1,917.63 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 13,02.54 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 615.09 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นปิดไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้านั้น นับเป็นการเกิดขึ้นครั้งที่ 3 ตั้งแต่ก่อตั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 44 และ 29 มิถุนายน 2544
นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ UOBKH กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานี้ค่อนข้างผันผวน โดยช่วงเช้าดัชนปรับลงลึกถึง 14 จุด ตลาดตลาดหุ้นภูมิภาคจากความกังวลปัญหาเรื่องปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ซับไพรม์) และการชะลอตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ขณะที่ในช่วงบ่ายได้มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะหุ้น บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP และ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ PTT จากการที่ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าส่งมอบเดือนสิงหาคมมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น และตลาดหุ้นในภูมิภาคที่เริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน รวมถึงฟิวเจอร์สดาวโจนส์ยืนอยู่ในแดนบวก
นายโกสินทร์ กล่าวว่า แรงซื้อที่มีเข้ามาในช่วงบ่ายน่าจะเกิดจากนักลงทุนภายในประเทศและบริษัทหลักทรัพย์ที่มีพอร์ตลงทุนในหลักทรัพย์ เพื่อปิดงบการเงินไตรมาส 2/5 ขณะที่มูลค่าการซื้อขายที่ระดับ 14,000 ล้านบาท เนื่องจากนักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อรอดูสถานการณ์ทางการเมือง การอภิปราย และชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รวมถึงการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่จะประชุมภายในกลางสัปดาห์นี้
"หลายฝ่ายคาดว่าเฟดน่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 2% ซึ่งจะทำค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าและผันผวนในกรอบแคบๆ ส่งผลให้เม็ดเงินที่เคยไหลออกจากหุ้นเข้าไปลงทุนในตลาดเงินไหลกลับเข้ามาลงทุนในหุ้นบางส่วนจากก่อนหน้านี้คาดว่าดอกเบี้ยจะขึ้น และจำทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบๆ"
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ (24 มิ.ย.) คาดว่าดัชนีจะผันผวนในกรอบแคบๆ จากรอผลการประชุมเฟด แต่จากการที่ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าส่งมอบเดือนสิงหาคมที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นนั้น เชื่อว่าจะมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้น PTT และ PTTEP อย่างต่อเนื่อง โดยประเมินแนวรับที่ระดับ 750-759 จุด แนวต้านที่ระดับ 771-773 จุด
นางสาวสุภากรณ์ สุจิรัตนวิมล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.เคทีบี กล่าวว่า ในช่วงบ่ายตลาดหุ้นไทยสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ จากแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ หลังจากราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงมามากและคาดว่าเฟดจะคงดอกเบี้ย และหุ้นกลุ่มพลังงานจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
"มูลค่าการซื้อขายเบาบางจากนักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อรอผลการประชุมเฟด และรอการอภิปรายทางการเมือง ทำให้นักลงทุนมีการลงทุนลักษณะซื้อขายรายวัน (เทรดดิ้ง) รวมทั้งยังไม่มีปัจจัยลบใหม่เข้ากระทบ ซึ่งถือว่าการที่ดัชนีที่สามารถทรงตัวได้ในระดับนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ตลาดหุ้นมีการสร้างฐาน และคาดว่าระยะสั้นดัชนีสามารถที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ที่ 780 จุด และมีโอกาสที่จะปรับต่อไปได้ที่ 800 จุด"
ส่วนแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันนี้ยังมีโอกาสที่จะกปรับตัวลดลง ซึ่งต้องติดตามตลาดหุ้นภูมิภาคและการพิจารณาของเฟด ซึ่งบริษัทคาดว่าเฟดจะมีการคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมในครั้งนี้และคาดว่าจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปลายปีนี้ ประเมินแนวรับที่ระดับ 760 จุด แนวต้านที่ระดับ 780 จุด
นางสาววิริยา ลาภพรมรัตน ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้าดัชนีฯปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นภูมิภาคจากการที่ดาวโจนส์ที่ปรับตัวลดลง 220 จุด จากความกังวลเศรษฐกิจอเมริกา และปัญหาสินเชื่อ และจากปัจจัยทางการเมืองที่ยังไม่มีข้อยุติ แต่ในช่วงบ่ายตลาดหุ้นภูมิภาคได้มีการรีบาวน์ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม
ทั้งนี้ บริษัทได้มีการปรับลดประมาณการดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้เป็นครั้งที่ 2 โดยคาดว่าดัชนีจะอยู่ที่ 650-820 จุด จากตั้งแต่ต้นปีประมาณการไว้ที่ระดับ 730-950 จุด ก่อนที่จะปรับเพิ่มในครั้งแรกอยู่ที่ระดับ 1,000 จุด หลังเกิดปัญหาเงินเฟ้อจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น
สำหรับแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ จะต้องติดตามในเรื่องการเมืองในเรื่องการอภิปรายของฝ่ายค้าน และตลาดหุ้นภูมิภาค โดยประเมินแนวรับที่ระดับ 750-770 จุด แนวต้านที่ระดับ 775-780 จุด