xs
xsm
sm
md
lg

ราคาสินค้าขยับอีก เอกชนจวกยับคลัง-พลังงาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาคเอกชนยอมรับเตรียมปล่อยผีขึ้นราคาสินค้าต่ออีก เหตุแบกรับต้นทุนสูงขึ้นไม่ไหวทั้งน้ำมัน ค่าขนส่ง การขยายลงทุนเริ่มชะลอตัว แนะปรับใช้ NGV ลดต้นทุน จวกเละ "คลัง-พลังงาน" นโยบายไปคนละทางแก้น้ำมันแพง ค่ายน้ำมันฟันธงอี -85 ไม่ใช่คำตอบของวิกฤตน้ำมันระยะสั้นเหตุต้องใช้เวลาอีก 4-5 ปี จึงจะพร้อม เปิดผลทดสอบใช้อี 20 ในโตโยต้าวีออส และฮอนด้าซิวิค ปี 2548 และจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ และยามาฮ่าฟีโน่ พบรถยนต์วิ่งแสน ก.ม.ได้โดยไม่ต้องปรับแต่ง แต่ช่วง 8 หมื่น ก.ม. มีสัญญาณสึกหรอ

นายสมศักดิ์ วิวัฒนชาติ รองประธานคณะกรรมการพลังงาน สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยในงานเสวนาเรื่อง”น้ำมันแพง...ความท้าทาย-ทางออก ของประเทศไทย”ที่จัดโดยสถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยวานนี้(23มิ.ย.) ว่า ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นตั้งแต่ปีที่ผ่านมาส่งผลให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มเฉลี่ย 30-40% โดยเฉพาะต้นทุนที่มาจากราคาน้ำมันและค่าขนส่งทำให้เห็นกำไรจากธุรกิจลดลงและบางรายเริ่มขาดทุนแล้วดังนั้นระยะใกล้จากนี้ไปคงจะเป็นช่วงการปล่อยผีขึ้นราคาสินค้าเพิ่มขึ้นอีกเพราะคงไม่สามารถแบกรับภาระหลังจากก่อนหน้าได้มีความพยายามในการตรึงราคาไว้ระดับหนึ่งแล้ว

“เงินเฟ้อคงเพิ่มขึ้นอีกแน่นอน ซึ่งเอกชนคงไม่อยากขึ้นราคาสินค้าถ้าไม่จำเป็นเพราะขึ้นไปขายไม่ออกก็ลำบากการขยายลงทุนเริ่มเห็นชัดเจนทุกวันว่าชะลอตัวไปมาก ระยะสั้นจะต้องเร่งเปลี่ยนไปใช้เชื้อเพลิงอื่นๆ แทนโดยเฉพาะขนส่งที่ต้องพึ่ง NGV แทน ผู้ผลิตเช่นกันเพราะถ้าไม่เลิกพึ่งดีเซลอาจต้องเลิกกิจการแทน”นายสมศักดิ์กล่าว

คลัง-พลังงานไปคนละทาง

นายเจน นำชัยศิริ รองเลขาธิการ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)กล่าวว่า รัฐจะต้องเร่งหาทางเลือกที่ดีสุดให้กับการลดต้นทุนประเทศและเห็นว่าการปรับโครงสร้างลอจิสติกส์หรือขนส่งของไทยที่เน้นพึ่งน้ำมันมาเป็นระบบราง รถไฟฟ้า ทางเรือ จะเป็นแนวทางที่ดีสุดและควรมองในเรื่องของแรงจูงใจด้านภาษีเข้ามาช่วยซึ่งพบว่าจีนมีการปรับตัวดีมากรัฐมนตรีที่ดูแลกระทรวงการคลังและพลังงานเหมือนเป็นคนเดียวกันแต่ของไทยไม่ไปด้วยกันเหมือนว่าจะกัดกันมากกว่า

เอาให้แน่ "อี 85" หรือ "อี 100"

นายวัฒนา โอภานนท์อมตะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บางจากปิโตรเลียม กล่าวว่า นโยบายของรัฐเกี่ยวกับการส่งเสริมพลังงานทดแทนโดยเฉพาะอี -85 หรืออี -100 นั้นรัฐคงจะต้องชัดเจนว่าจะไปทางใดแน่เพราะท้ายสุดหัวจ่ายไม่พอหากเลิกเบนซินขายเฉพาะแก๊สโซฮอล์ทั้งหมดก็ตามต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น

นายธีรพจน์ วัชราภัย ประธานกรรมการ บริษัทเชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า คงต้องขอให้ชัดเจนเรื่องของอี 85 ซึ่งส่วนตัวมองว่าอี 85 ไม่ใช่คำตอบในปัจจุบันเพราะหากจะให้พร้อมทุกด้านต้องมองไปอีก 4-5 ปีข้างหน้ามากกว่าควรมองไปที่อี 20 ก่อนไม่ควรคิดเรื่องอี 85-อี 100 ในขณะนี้

“ราคาน้ำมันตลาดโลกที่เริ่มลดลงก็คงจะต้องติดตามเพราะยอมรับว่าตลาดมีความผันผวนตามข่าวรายวันเพราะแม้ว่าซาอุดิอาระเบียจะเพิ่มกำลังผลิตก็คงจะช่วยอะไรไม่ได้มากนักเพราะดีมานด์ยังมีอยู่พอสมควรขณะที่ซัพพลายจำกัด”นายธีรพจน์ กล่าว

นายวีรพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.)กล่าวว่า ราคาน้ำมันคงจะแพงค่อนข้างถาวรเพราะหากพิจารณาการผลิตและความต้องการของโลกค่อนข้างจะตึงตัวอยู่ดังนั้นราคาน้ำมันตลาดโลกคงจะไม่ต่ำไปกว่า 100 เหรียญต่อบาร์เรลจึงถึงสิ้นปีนี้ ส่วนนโยบายอี 85 และอี 100 คงจะต้องหารือกับทุกฝ่ายโดยยอมรับว่าอี 85 นั้นเรื่องของภาษีทุกด้านที่รัฐบาลส่งเสริมคงไม่จูงใจให้เกิดขึ้นได้โดยเร็ว

นายปุณณชัย ฟูตระกูล ผู้จัดการฝ่ายตลาดก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์หรือ NGV บมจ.ปตท.กล่าวว่าปีที่แล้วปตท.ยังต้องส่งเสริมการใช้ NGV อย่างมากเพราะคนไม่นิยมใช้แต่ปัจจุบันตรงกันข้ามหันมาใช้อย่างมากเพราะหนีตายจากน้ำมันแพงโดยเวลานี้มีรถติดแล้ว 8.2 หมื่นคันใช้ก๊าซ 1.8 พันตันต่อวันและคาดว่าจะสูงขึ้นมากอีก ดังนั้นเดือนก.ค.นี้ปตท.จะเพิ่มการจ่ายก๊าซเป็น 2.9 พันตันต่อวันน่าจะรองรับได้อย่างมาก

เปิดผลทดสอบใช้ "อี 20" ในรถยนต์

วันเดียวกัน กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ร่วมกับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังได้เปิดเผยผลวิจัยและทดลองการใช้แก๊สโซฮอล์ อี 20 กับรถยนต์และรถจักรยานยนต์ทั่วไป ในสภาพการใช้งานจริง 100,000 กิโลเมตร สำหรับรถยนต์ และ 10,000 กิโลเมตร สำหรับรถจักรยานยนต์

ผลทดลองปรากฏว่า รถทดสอบทั้งหมดสามารถวิ่งได้ครบตามระยะทาง โดยรถยนต์ใช้อุปกรณ์เดิมทั้งหมดไม่ได้ปรับแต่ง มีการสนองตอบเหมือนการใช้เชื้อเพลิงเบนซิน 91 ในระดับที่คนขับรถทดสอบไม่รู้สึกถึงความแตกต่าง แต่อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและมลพิษมีการเปลี่ยนแปลงบ้าง ในส่วนการใช้น้ำมันหล่อลื่น พบสัญญาณเริ่มต้นการสึกหรอ หลังวิ่งทดสอบไปแล้ว 80,000 กิโลเมตร จึงมีข้อเสนอแนะผู้ใช้รถยนต์สามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี 20 ได้ในระยะ 100,000 กิโลเมตรแรก โดยไม่ต้องปรับแต่ง

ส่วนของรถจักรยานยนต์ พบการสึกหรอตั้งแต่ 6,000 กิโลเมตรแรก และชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ พบเขม่าสีดำ จึงมีข้อเสนอแนะว่า รถจักรยานยนต์สามารถใช้ได้ 10,000 กิโลเมตร แต่ต้องปรับแต่งคาบูเรเตอร์ ให้เหมาะสมกับอี 20 ซึ่งผลการศึกษาทั้งหมดจะต้องทดสอบและวิจัยต่อไปดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับประชาชนผู้ใช้รถจะตัดสินใจ ซึ่งรถทดสอบทั้งหมดเป็นรุ่นที่บริษัทผู้ผลิตไม่ได้รับรองการใช้อี 20 ได้แก่ โตโยต้าวีออส (ปี 2548 ) ฮอนด้าซิวิค(ปี 2548) และมอเตอร์ไซด์คือ ฮอนด้าเวฟ ยามาฮ่าฟีโน่

นายวัลลภ เตียศิริ ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ กล่าวว่า จากผลการศึกษาคงไม่แนะนำให้นำรถยนต์วีออส และซิวิคที่ปกติใช้ได้เฉพาะแก๊สโซฮอล์(เอทานอลผสมเบนซิน10%)หรืออี 10 ได้เท่านั้นไปใช้อี 20 เพราะหากเติมไปแล้วก็ไม่แน่ใจว่าจะเกิดปัญหากับเครื่องยนต์อย่างไรเพราะผลการศึกษาเองไม่ได้สรุปชัดเจนและการทดสอบวิ่งเพียงแสนกิโลเมตรเท่านั้น

“วันที่ 25 มิ.ย.นี้ ทางค่ายรถยนต์จะหารือกันเรื่องดังกล่าวในรายละเอียดซึ่งต้องยอมรับว่ารถแต่ละรุ่นนั้นมีการทดสอบมาอย่างดีแล้วหากไปเติมผิดจากนั้นบริษัทรถเองก็ไม่ได้รับประกันจึงไม่ขอแนะนำให้เติมควรดูรถให้เหมาะสมกับที่เขาผลิตมา”นายวัลลภกล่าว

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ โฆษกอุตสาหกรรมยานยต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)กล่าวว่า คงไม่แนะนำให้นำรถที่ใช้อี 10 ไปเติมอี 20 ตามผลทดลองเพราะการทดสอบแค่แสนกิโลเมตรเท่านั้นแต่ค่ายรถหากจะทดสอบรถแต่ละรุ่นต้องวิ่งถึง 3-4 แสนกิโลเมตร
กำลังโหลดความคิดเห็น