xs
xsm
sm
md
lg

ตลาดน้ำมันโลกเมินผลประชุม“เจดดาห์”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รอยเตอร์/เอเอฟพี - ที่ประชุมระหว่างประเทศผู้ผลิตและผู้ใช้น้ำมัน ไม่สามารถจะตกลงกันได้ในมาตรการเฉพาะหน้า ที่จะรับมือกับราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ทะยานลิ่ว แต่ต่างก็เห็นว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีสำหรับความร่วมมือกันของทั้งโลกที่จะแก้ไขปัญหานี้ ในขณะที่ซาอุดีอาระเบีย เจ้าภาพการประชุมก็ประณามพวกปั่นราคาน้ำมันเพื่อเก็งกำไรอย่างรุนแรงว่าเป็นต้นเหตุของปัญหา
การประชุมจัดขึ้นที่เมืองเจดดาห์บนฝั่งทะเลแดงของซาอุดีอาระเบีย เมื่อวันอาทิตย์(22)ที่ผ่านมา โดยมีตัวแทนทั้งผู้นำและระดับรัฐมนตรีของ 36 ประเทศเข้าร่วม รวมทั้งผู้บริหารของบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของโลกทั้งหมด
ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นประเทศที่ทรงอิทธิพลที่สุดในองค์การประเทศผู้ส่งออกน้ำมันหรือโอเปก ได้ให้คำมั่นในที่ประชุมว่าพร้อมที่จะผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นอีกหากว่าประเทศผู้ซื้อเรียกร้องมา แต่ก็ชี้ว่าลำพังตนเองประเทศเดียวไม่สามารถจะฉุดให้ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นแตะระดับเกือบ 140 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อหนึ่งบาร์เรลเมื่อสัปดาห์ที่แล้วจากปัจจัยหลายประการให้ลงมาได้
“ในชั่วโมงอันวิกฤตนี้ ประชาคมโลกควรจะต้องเพิ่มความรับผิดชอบ และความร่วมมือระหว่างกันเป็นหนทางเดียวที่แก้ไขปัญหาได้” กษัตริย์อับดุลเลาะห์แห่งซาอุดีอาระเบียมีพระราชดำรัสเปิดการประชุม พร้อมทั้งเรียกร้องให้ทั้งโลกร่วมมือกันในโครงการ “พลังงานสำหรับคนยากจน” ซึ่งซาอุดีอาระเบียจะให้เงิน 1,500 ล้านดอลลาร์เป็นเงินทุนเริ่มต้นสำหรับกองทุนนี้
ในขณะเดียวกันกษัตริย์อับดุลเลาะห์ก็ทรงบริภาษพวกเก็งกำไรอย่างเกรี้ยวกราดว่า “นอกเหนือจากปัจจัยต่าง ๆแล้ว พฤติกรรมอันน่ารังเกียจของเหล่านักเก็งกำไรที่มีแต่ความเห็นแก่ตัวได้ทำให้ราคาพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงด้วย”

ก่อนหน้านี้กลุ่มประเทศตะวันตกนำโดยสหรัฐฯและยุโรปออกมาชี้ว่าปริมาณน้ำมันที่ไม่เพียงพอเป็นสาเหตุหลักของราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นในขณะที่ซาอุดีอาระเบียและสมาชิกโอเปกอื่น ๆบอกว่าเป็นความผิดของพวกนักเก็งกำไรต่างหาก
ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นสองเท่าในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาทำให้ประเทศต่าง ๆทั่วโลกประสบความเดือดร้อนเงินเฟ้อพุ่งสูงและเกิดการประท้วงขนานใหญ่แพร่ระบาดไปทั่วทุกทวีป ทำให้บรรดาตัวแทนประเทศผู้ผลิต ผู้บริโภคและผู้บริหารบริษัทน้ำมันต้องเข้าร่วมประชุมกันเพื่อจะแก้ไขสถานการณ์ที่เรียกว่า “ออยล์ ช็อก ครั้งที่สาม” อันกำลังทำให้เศรษฐกิจโลกทรุดต่ำพราะราคาน้ำมันทะยานขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง
แม้ว่าจะไม่มีมาตรการฉุกเฉินใด ๆออกมาจากการประชุมครั้งนี้เพื่อกดดันราคาน้ำมันไม่ให้เพิ่มขึ้น แต่การประชุมก็เป็นจุดเริ่มต้นแห่งเวทีการหารือระหว่างกัน และผู้ที่เข้าร่วมการประชุมก็เห็นพ้องกันว่าจะเข้าร่วมการประชุมเพื่อติดตามผลก่อนสิ้นปีนี้ที่กรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ
“สิ่งที่เราได้ฟังจากการประชุมล้วนแล้วแต่เป็นความคิดที่มีประโยชน์ แต่มันไม่สามารถทำให้เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ราคาน้ำมันได้ในชั่วข้ามคืน” เจเริน ฟาน เดอร์ เฟียร์ ซีอีโอของรอยัล ดัทช์ เชลล์ บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของยุโรปกล่าว

สำหรับแถลงการณ์ร่วมภายหลังการประชุม ได้เรียกร้องให้มีการควบคุมตลาดค้าน้ำมันให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และลงทุนเพิ่มเติมในด้านการผลิต

“ความโปร่งใสของการค้าและกฏระเบียบควบคุมตลาดควรจะได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น ให้สามารถเก็บข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมการลงทุนของกองทุนต่าง ๆเพื่อให้สามารถที่จะตรวจสอบการติดต่อซื้อขายระหว่างกันไปมาในตลาดน้ำมันดิบโลกได้”

นอกจากนั้น “ควรจะมีการลงทุนทั้งในส่วนอุตสาหกรรมต้นน้ำและปลายน้ำ เพราะจะทำให้ตลาดมั่นใจได้มากขึ้นว่าจะมีปริมาณน้ำมันเข้ามาเพียงพอต่อความต้องการของผู้ซื้อตลอดเวลา" แถลงการณ์ร่วมระบุ

อย่างไรก็ดี ในเรื่องการเพิ่มการผลิตตามที่พวกประเทศผู้ใช้น้ำมันเรียกร้องนั้น ปรากฏว่าสมาชิกโอเปกเกิดแตกกันเป็นสองอย่าง โดยตอนนี้ซาอุดีอาระเบียได้เพิ่มกำลังการผลิตของตนเองเป็น 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวันแล้ว ในขณะที่ตัวแทนของคูเวตบอกว่าตอนนี้ประเทศของตนก็เพิ่มกำลังการผลิตอยู่แล้ว แต่ชาคิป เคลิล รัฐมนตรีน้ำมันของแอลจีเรีย ซึ่งนั่งในตำแหน่งประธานโอเปกขณะนี้ยืนยันว่า การเพิ่มกำลังการผลิตนั้นไม่จำเป็นเพราะมีปริมาณน้ำมันเพียงพอในตลาดโลก

กระนั้นก็ตาม เคลิลให้คำมั่นว่าโอเปกจะพิจารณาเรื่องการเพิ่มกำลังการผลิตกัน ในการประชุมนโยบายของโอเปกในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้

**ราคาน้ำมันเมินการประชุมเจดดาห์**

สำหรับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเมื่อวานนี้ อยู่ในสภาพผันผวน แต่โดยรวมแล้วก็คือมองเมินผลการประชุมเจดดาห์ โดยสัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ ช่วงแรกๆ ไต่สูงขึ้นจนอยู่ในระดับบวกขึ้นจากราคาปิดวันศุกร์(20)กว่า 2 ดอลลาร์ ก่อนที่จะถอยลงมา กระทั่งถึงเวลา 13.10 น.จีเอ็มที (ตรงกับ 20.10 น.เวลาเมืองไทย) อยู่ที่ 134.16 ดอลลาร์ ลดลงจากปิดวันศุกร์ 1.20 ดอลลาร์

ทั้งนี้ปัจจัยขึ้นลงของราคามาจากการขึ้นลงของค่าดอลลาร์ และกรณีความตึงเครียดที่ไนจีเรีย และความขัดแย้งระหว่างอิหร่านกับอิสราเอล ขณะที่การประชุมเจดดาห์ถูกมองว่าไม่ได้มีผลจริงจังอะไร
กำลังโหลดความคิดเห็น