ผู้จัดการรายวัน-สนข.ยันกู้เจบิก สร้างรถไฟสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต ชี้เจรจาลดขั้นตอนเปิดประมูลก่อสร้างได้ในปีนี้ได้ เผยแบบผ่าน สิ่งแวดล้อมแล้ว ขณะที่เจบิกส่งผู้แทนประเมินโครงการ 22มิ.ย.นี้ ส่วนกรอบค่าก่อสร้างล่าสุดปรับเพิ่มเป็น 77,563 ล้านบาท จากเดิม 59,888 ล้านบาท
นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างระบบรถไฟชานเมือง สายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิตว่า ขณะนี้โครงการได้มีการปรับปรุงแก้ไขรายละเอียดเสร็จแล้ว ซึ่ง สนข. ได้ส่งรายงานและเอกสารประกวดราคาให้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ผู้รับผิดชอบโครงการ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนแล้ว นอกจากนี้ โครงการได้ผ่านการพิจารณาด้านสิ่งแวดล้อมจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (สผ.) และผ่านความเห็นชอบจากสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.)แล้วเช่นกัน
โดยระหว่างวันที่ 22 มิ.ย. -4 ก.ค. 2551 เจ้าหน้าที่ของธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศญี่ปุ่น (เจบิก) จะมาประเทศไทยเพื่อประเมินโครงการระบบรถไฟฟ้าสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต ซึ่งขณะนี้ทางเจบิกได้ส่งแบบสอบถามเพื่อให้ ร.ฟ.ท. ชี้แจงและจัดทำข้อมูลสำหรับการประเมินโครงการ ซึ่งร.ฟ.ท.อยู่ระหว่างการจัดจ้างที่ปรึกษาเพื่อดำเนินการประกวดราคางานโยธา
ส่วนเงินลงทุนโครงการนั้นนางสร้อยทิพย์กล่าวว่า จะใช้เงินจาก เจบิกแน่นอน แม้ว่าทางร.ฟ.ท.จะมีความเห็นแย้ง ว่าการใช้แหล่งเงินกู้ภายในประเทศนั้นจะสามารถประกวดราคาได้เร็วกว่า คือสามารถดำเนินการได้ภายในเดือนต.ค. 51 นี้ ในขณะที่ใช้เงินกู้จากเจบิก ซึ่งมีขั้นตอนมากกว่า จะทำให้การประกวดราคาล่าช้าออกไปอีก 4-5 เดือนหรือประกวดราคาได้ประมาณเดือนก.พ. 52 ซึ่งส่งผลให้ต้องเลื่อนการก่อสร้างออกไปอีก 7-5 เดือน อย่างไรก็ตาม สบน.เห็นว่า สามารถเจรจาเงื่อนไขกับเจบิกเพื่อปรับลดระยะเวลาดำเนินงานตามขั้นตอนของเจบิก ได้เช่นเดียวกับ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงช่วงบางใหญ่-บางซื่อ ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถประกวดราคาได้ภายในปลายปี 2551
"ทางสบน.เห็นว่าการเลือกใช้เงินกู้จากเจบิกน่าจะเหมาะสมที่สุด เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจของโลกในปัจจุบัน มีความผันผวนมาก และประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบโดยตรงทำให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นและสภาพคล่องทางการเงินของประเทศแตกต่างไปจากเดิม และอาจจะส่งผลให้มีการพิจารณาปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในอนาคต"นางสร้อยทิพย์กล่าว
อย่างไรก็ตาม บอร์ดร.ฟ.ท.ได้เห็นชอบในการขยายกรอบวงเงินก่อสร้างรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิตเมื่อการประชุมวันที่ 15 มิ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นไปตามสถานการณ์ราคาน้ำมันและต้นทุนค่าวัสดุก่อสร้างที่ปรับเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งได้มอบหมายให้ ร.ฟ.ท.ไปทบทวนรายละเอียดอีกครั้งว่าควรขยายกรอบวงเงินเท่าใดจึงจะเหมาะสม เพราะเห็นว่าค่าจ้างที่ปรึกษาออกแบบและควบคุมงานไม่ควรเพิ่มขึ้นตามวงเงินก่อสร้าง แต่ควรพิจารณาที่อัตราเงินเฟ้อมากกว่า
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 2 พ.ค.51 สนข.ได้ประเมินค่าก่อสร้างโครงการล่าสุดมีมูลค่า รวม 77,563 ล้านบาท ไม่รวมค่ารถไฟฟ้า ซึ่งเพิ่มจากเดิมตามมติครม.เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 50 ที่เห็นชอบให้ร.ฟ.ท.ดำเนินโครงการในกรอบ กรอบวงเงิน 59,888 ล้านบาท และเห็นชอบในหลักการให้ต่อขยายโครงข่ายไปถึงมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิตภายใต้วงเงิน 3,886 ล้านบาท ทั้งนี้มูลค่าก่อสร้างที่ประเมินใหม่ 77,563 ล้านบาท แบ่งเป็นงานโยธาสถานีบางซื่อและศูนย์ซ่อมบำรุง 34,458 ล้านบาท ,งานโยธาแนวส้นทาง 25,075 ล้านบาทงานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล 18,030 ล้านบาท
ส่วนโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายตามนโยบายของนายรัฐมนตรีนั้นนางสร้อยทิพย์ กล่าวว่า คาดว่าในสัปดาห์หน้า จะสามารถเสนอครม. เพื่อของบประมาณในการศึกษา โดยโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม ช่วง หมอชิต-สะพานใหม่ นั้นสนข.ได้ส่งแบบให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) รับไปดำเนินต่อแล้ว ส่วนสายสีเขียวอ่อนช่วง แบริ่ง-สมุทรปราการ จะเร่งส่งแบบให้รฟม.ต่อไป โดยขณะนี้ได้ออกแบบเสร็จแล้วเช่นกัน
นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างระบบรถไฟชานเมือง สายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิตว่า ขณะนี้โครงการได้มีการปรับปรุงแก้ไขรายละเอียดเสร็จแล้ว ซึ่ง สนข. ได้ส่งรายงานและเอกสารประกวดราคาให้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ผู้รับผิดชอบโครงการ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนแล้ว นอกจากนี้ โครงการได้ผ่านการพิจารณาด้านสิ่งแวดล้อมจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (สผ.) และผ่านความเห็นชอบจากสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.)แล้วเช่นกัน
โดยระหว่างวันที่ 22 มิ.ย. -4 ก.ค. 2551 เจ้าหน้าที่ของธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศญี่ปุ่น (เจบิก) จะมาประเทศไทยเพื่อประเมินโครงการระบบรถไฟฟ้าสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต ซึ่งขณะนี้ทางเจบิกได้ส่งแบบสอบถามเพื่อให้ ร.ฟ.ท. ชี้แจงและจัดทำข้อมูลสำหรับการประเมินโครงการ ซึ่งร.ฟ.ท.อยู่ระหว่างการจัดจ้างที่ปรึกษาเพื่อดำเนินการประกวดราคางานโยธา
ส่วนเงินลงทุนโครงการนั้นนางสร้อยทิพย์กล่าวว่า จะใช้เงินจาก เจบิกแน่นอน แม้ว่าทางร.ฟ.ท.จะมีความเห็นแย้ง ว่าการใช้แหล่งเงินกู้ภายในประเทศนั้นจะสามารถประกวดราคาได้เร็วกว่า คือสามารถดำเนินการได้ภายในเดือนต.ค. 51 นี้ ในขณะที่ใช้เงินกู้จากเจบิก ซึ่งมีขั้นตอนมากกว่า จะทำให้การประกวดราคาล่าช้าออกไปอีก 4-5 เดือนหรือประกวดราคาได้ประมาณเดือนก.พ. 52 ซึ่งส่งผลให้ต้องเลื่อนการก่อสร้างออกไปอีก 7-5 เดือน อย่างไรก็ตาม สบน.เห็นว่า สามารถเจรจาเงื่อนไขกับเจบิกเพื่อปรับลดระยะเวลาดำเนินงานตามขั้นตอนของเจบิก ได้เช่นเดียวกับ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงช่วงบางใหญ่-บางซื่อ ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถประกวดราคาได้ภายในปลายปี 2551
"ทางสบน.เห็นว่าการเลือกใช้เงินกู้จากเจบิกน่าจะเหมาะสมที่สุด เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจของโลกในปัจจุบัน มีความผันผวนมาก และประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบโดยตรงทำให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นและสภาพคล่องทางการเงินของประเทศแตกต่างไปจากเดิม และอาจจะส่งผลให้มีการพิจารณาปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในอนาคต"นางสร้อยทิพย์กล่าว
อย่างไรก็ตาม บอร์ดร.ฟ.ท.ได้เห็นชอบในการขยายกรอบวงเงินก่อสร้างรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิตเมื่อการประชุมวันที่ 15 มิ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นไปตามสถานการณ์ราคาน้ำมันและต้นทุนค่าวัสดุก่อสร้างที่ปรับเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งได้มอบหมายให้ ร.ฟ.ท.ไปทบทวนรายละเอียดอีกครั้งว่าควรขยายกรอบวงเงินเท่าใดจึงจะเหมาะสม เพราะเห็นว่าค่าจ้างที่ปรึกษาออกแบบและควบคุมงานไม่ควรเพิ่มขึ้นตามวงเงินก่อสร้าง แต่ควรพิจารณาที่อัตราเงินเฟ้อมากกว่า
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 2 พ.ค.51 สนข.ได้ประเมินค่าก่อสร้างโครงการล่าสุดมีมูลค่า รวม 77,563 ล้านบาท ไม่รวมค่ารถไฟฟ้า ซึ่งเพิ่มจากเดิมตามมติครม.เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 50 ที่เห็นชอบให้ร.ฟ.ท.ดำเนินโครงการในกรอบ กรอบวงเงิน 59,888 ล้านบาท และเห็นชอบในหลักการให้ต่อขยายโครงข่ายไปถึงมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิตภายใต้วงเงิน 3,886 ล้านบาท ทั้งนี้มูลค่าก่อสร้างที่ประเมินใหม่ 77,563 ล้านบาท แบ่งเป็นงานโยธาสถานีบางซื่อและศูนย์ซ่อมบำรุง 34,458 ล้านบาท ,งานโยธาแนวส้นทาง 25,075 ล้านบาทงานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล 18,030 ล้านบาท
ส่วนโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายตามนโยบายของนายรัฐมนตรีนั้นนางสร้อยทิพย์ กล่าวว่า คาดว่าในสัปดาห์หน้า จะสามารถเสนอครม. เพื่อของบประมาณในการศึกษา โดยโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม ช่วง หมอชิต-สะพานใหม่ นั้นสนข.ได้ส่งแบบให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) รับไปดำเนินต่อแล้ว ส่วนสายสีเขียวอ่อนช่วง แบริ่ง-สมุทรปราการ จะเร่งส่งแบบให้รฟม.ต่อไป โดยขณะนี้ได้ออกแบบเสร็จแล้วเช่นกัน
