xs
xsm
sm
md
lg

พัลลภตะเพิดรัฐบาลขายชาติทักษิณสั่งรับมือสมัครถอดใจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ใช้แผนดาวกระจาย เพื่อปิดล้อมยึดทำเนียบรัฐบาลว่า เท่าที่ติดตามสถานการณ์กลุ่มพันธมิตรฯสามารถปิดล้อมทำเนียบได้สำเร็จ และสถานการณ์ที่เป็นอยู่เกิดจาก กรณีที่รัฐบาลลงนามร่วมกับกัมพูชา เพื่อให้ปราสาทเขาพระวิหารขึ้นทะเบียน เป็นมรดกโลก ซึ่งในกฎหมายรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่า การดำเนินงานเกี่ยวกับอาณาเขตของประเทศไทยต้องผ่านรัฐสภา ซึ่งการกระทำดังกล่าวไม่ผ่านรัฐสภา เขาดำเนินการเองจะมางุบงิบทำแบบนี้ไม่ได้
รัฐบาลต้องออกไปแล้ว อยู่ไม่ได้ เพราะคนทั้งประเทศไม่มีใครยอม จะเห็นว่า ขณะนี้สื่อทุกแขนงและอาจารย์วิชาการออกมาตี เพราะถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ และ ใหญ่กว่าครั้งที่ผ่านมาเรื่องเสียแผ่นดินคงยอมไม่ได้ และ การกระทำดังกล่าวผิดกันทั้ง ครม. ติดคุกกันทั้งหมด เพราะเป็นมติของ ครม.ผมไม่เข้าใจรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวถามว่านายกรัฐมนตรีควรพิจารณาตนเองด้วยการลาออกหรือไม่ พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ใช่ และไม่เฉพาะนายกรัฐมนตรีคนเดียว แต่ต้องพิจารณากันทั้ง ครม. เพราะเรื่องนี้เป็นมติของครม. ทั้งนี้การทำอย่างนี้เหมือนกับเป็นการขายชาติ คนไทย 60 กว่าล้านคนไม่ยอมเสียดินแดน เรื่องนี้นายกฯต้องลาออกอย่างเดียว ยุบสภาไม่ได้ เพราะสภาไม่ผิด ทั้งนี้กลุ่มผู้ชุมนุมจากหลายส่วนเข้ามาร่วมชุมนุมทั้งจากสหภาพแรงงาน และกลุ่มต่างๆ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะการชุมนุม คราวที่แล้วมีแต่กลุ่มพันธมิตรฯ แต่ครั้งนี้กลุ่มสหภาพเข้ามาร่วมด้วย ซึ่งเหตุการณ์เรื่องเขาพระวิหารถือเป็นเรื่องใหญ่จนทำให้กลุ่มม็อบต่างๆมารวมตัวกัน
หากนายกฯไม่ลาออก จะเกิดการปะทะกันอย่างแน่นอน ไม่ต้องเป็นห่วงจะถึงขั้นเสียเลือดเสียเนื้อ ประชาธิปไตยไม่เคยมาจากการร้องขอ แต่มาจากการต่อสู้ทั้งนั้น ไม่มีประเทศไหนที่ได้ประชาธิปไตยมาจากการร้องขอ แต่เกิดจากการต่อสู้กันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐอเมริกาที่เกิดสงครามกลางเมืองและมีการต่อสู้ฆ่ากันตายถึงจะมีประชาธิปไตย ไม่เฉพาะประเทศอเมริกาเท่านั้น แต่หลายประเทศก็เป็นอย่างนี้

ซัดเหลิมดาวเทียมจอมเต้าข่าว
พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ขณะนี้ตนไม่ได้โทรฯไป พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ เพราะพล.ต.จำลองรู้ว่าเขาควรทำอะไร ส่วนการที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า จปร.7 มีการขนอาวุธเพื่อมาสนับสนุนกลุ่มพันธมิตรเพื่อต่อสู้กับทางรัฐบาลนั้น เป็นการเต้าข่าว เขาเรียก ร.ต.อ.เฉลิมว่า เหลิมดาวเทียม การที่ออกมาพูดอย่างนี้เพื่อต้องการดิสเครดิตพล.ต.จำลอง และอีกประการหนึ่งคือ ต้องการประกาศภาวะฉุกเฉิน เพื่อจัดการกับกลุ่มพันธมิตร
จปร.7ที่ติดคุกกับร.ต.อ.เฉลิมนั้น ผมหรือใคร เพราะพล.ต.มนูญกฤต รูปขจร ก็ไม่ใช่ และผมกับพล.ต.มนูญกฤต ไม่เคยติดคุกกับร.ต.อ.เฉลิม คนที่มารวมกันอยู่ไม่รู้กี่พันกี่หมื่นคน อยู่ๆ จะขนอาวุธ มาซ่อนไว้มันผิดกฎหมาย ถ้าตำรวจรู้และเข้ามาทำลาย กลุ่มพันธมิตรฯก็ต้องไปกันหมด ใครจะโง่ และ พล.ต. จำลอง ผ่านสงครามมาเยอะแยะ เขารู้ สมมุติหากเขาจะใช้อาวุธจริง เขาก็ไปเก็บไว้ที่หนึ่ง ที่ใดก็ได้ เมื่อถึงเวลาเวลาใช้ก็นำออกมาใช้ เพราะพื้นที่ กทม. กว้างขวาง
พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ถ้า ร.ต.อ. เฉลิมรู้จริงต้องเข้าไปดำเนินการแล้ว เพราะหากไม่ทำจะถือเป็นการละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ ทั้งนี้จะเห็นว่า ความคิดเห็นของ ผบ.ตร.และ ร.ต.อ.เฉลิมก็แย้งกันอยู่ หากรู้จริงทำไมไม่เข้าไปดำเนินการ แสดงว่า ร.ต.อ. เฉลิม เต้าข่าว และไม่เป็นความจริง ในกลุ่มผู้ชุมนุมมีทั้งทหาร ตำรวจสันติบาล เจ้าหน้าที่ศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) ฝังตัวอยู่ในนั้น หากกลุ่มพันธมิตรฯ ขนอาวุธมาจริง กลุ่มพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้วไม่มีใครโง่ขนาดนั้น และตอนแรกร.ต.อ.เฉลิม ก็เต้าข่าวว่า จะมีคนนำระเบิดไปวาง
ทั้งนี้ยอมรับว่า เป็นห่วงสถานการณ์การชุมนุมเพราะเกรงจะเกิดความรุนแรง ส่วนทหารจะออกมาได้ต่อเมื่อมีคำสั่งจากรัฐบาลหรือกรณีที่ตำรวจไม่สามารถควบคุม สถานการณ์ได้ เพราจะปล่อยให้คนไทยฆ่ากัน หรือเผาบ้านเผาเมืองคงเป็นไปไม่ได้ แต่ส่วนตัวเชื่อว่าตำรวจคงเอาไม่อยู่ เพราะขณะนี้มีพวกสหภาพ การประปา การไฟฟ้า การรถไฟ เข้ามาชุมนุม ซึ่งคงเอาไม่อยู่เพราะอาจจะมีการตัดน้ำตัดไฟจนทำให้วุ่นวายไปหมด

เฉลิมบอกพันธมิตรฯชุมนุมแค่5หมื่น
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.) กล่าวถึง สถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯที่เคลื่อนพลไปหน้าทำเนียบรัฐบาล ว่า ไม่ห่วงการชุมนุมดังกล่าว ตนเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถควบคุมได้ หากไม่มีการก่อเหตุอย่างอื่นก็คงไม่มีอะไรใดๆ ตามมา
ส่วนการประเมินผู้ที่มาร่วม ชุมนุม ทราบว่ามีประชาชนจากภาคเหนือ ภาคใต้ และภาคตะวันออก ประมาณ 1,500 คน รัฐวิสาหกิจ 2,500 คน กรุงเทพฯและปริมณฑลประมาณ 10,000 คน ทั้งนี้ ตนเองได้ประเมินทั้งหมดไม่เกิน 50,000 คน ซึ่งเห็นว่าการชุมนุมน่าจะยืดเยื้อ เพราะพันธมิตรฯ ไม่มีทางลง นอกจากนี้ กระทรวงมหาดไทยมีทีมงานในพื้นที่จำนวน 150 คน ที่คอยประเมินสถานการณ์ทุกๆ 30 นาที
ผมให้ 5 หมื่นนะ แสนไม่มี แสนลืมไปเลย 5 หมื่นต้องนับเงาด้วยนะ ไม่มีใครเขาเห็นด้วยหรอก ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวและปฏิเสธที่จะแสดงความเห็น กรณีพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี เห็นด้วยกับการให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีลาออก เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ โดยอ้างว่าส่วนตัวมีความสนิทสนมกับพล.อ.ชวลิต โดยกล่าด้วยว่า ตนไม่คิดว่าเรื่องดังกล่าว เป็นเพราะพล.อ.ชวลิต ต้องการเป็นนายกฯแทนนายสมัคร

ชาติไทย-เพื่อแผ่นดินเตรียมถกสมัคร
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.เกษตรและสหกรณ์ และรองหัวหน้าพรรค ชาติไทย เปิดเผยว่า ตนได้วิเคราะห์สถานการณ์การชุมนุมของพันธมิตรฯ มาตลอด พร้อมทั้งได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ทำเนียบฯ ว่า มีผู้มาชุมนุมแค่เพียง 20,000 คน นอกจากนี้ตนได้หารือกับนายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน แล้วว่า หากเหตุการณ์ไม่น่าไว้วางใจ พรรคร่วมรัฐบาลจะรวมตัวกันเพื่อเข้าพบนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ภายในวันนี้ (20 มิ.ย.) ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่รู้นายกฯอยู่ที่ใด และที่ผ่านมานายกฯไม่เคยประสานมายังพรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 5 พรรค ขณะนี้ตนเช็คสถานการณ์อยู่ เพื่อรายงานต่อนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย

แม้วสั่งเตรียมพร้อมหากสมัครถอดใจ
มีรายงานข่าวจากพรรคพลังประชาชนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ประสานมายังแกนนำพรรคพลังประชาชนเช่น นายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรค รวมทั้งอดีตแกนนำพรรคไทยรักไทยอาทิ นายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหาร พรรคไทยรักไทย ที่อยู่เบื้องหลังการดูแลส.ส.ภาคอีสาน คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ อดีตรองหัวหน้าพรรค นายสรอรรถ กลิ่นสรอรรถกลิ่นประทุม อดีตกรรมการบริหารพรรค เพื่อส่งสัญญานให้ส.ส.ในกลุ่ม รอดูสถานการณ์ โดยยังไม่ให้ออกมาเคลือนไหวใดๆทั้งสิ้น พร้อมสั่งให้ส.ส.เตรียมพร้อม กรณีที่นายสมัครอาจตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากถูกสถานการณ์ภายนอกกดดันโดยเฉพาะ การเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ

จรัล-จตุพร-ณัฐวุฒิมุกเดียวกัน
นายจรัล ดิษฐาอภิชัย แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ขึ้นปราศรัยบนรถหกล้อที่ดัดแปลงเป็นเวทีของกลุ่มต่อต้านอำนาจนอกระบบ ปกป้องรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งว่า วันนี้เป็นวันสำคัญ เพราะกลุ่มพันธมิตรฯ บุกทำเนียบฯ โดยใช้ยุทธวิธี สงครามเก้าทัพ ซึ่งเป็นสงครามที่พม่าเคยยกมาตีไทย ดังนั้น การที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมืองและแกนนำพันธมิตรฯคนอื่นๆ ใช้วิธีนี้เท่ากับเป็นพม่ากลับชาติมาเกิดไม่ได้รักชาติจริง ส่วนนายสนธิ ลิ้มทองกุล ก็ไม่ได้รักชาติจริง เพราะสถานีโทรทัศน์ ASTV จดทะเบียนในประเทศจีนและมีสำนักงานอยู่ที่ฮ่องกง ขายข้อมูลข่าวสารให้ประเทศจีนทุกวัน มา 4-5 ปีแล้ว อย่างนี้เป็นคนรักชาติหรือ ขายชาติกันแน่คนที่พูดว่ารักชาติแล้วโจมตีคนอื่น คนนั้นแหละที่ขายชาติและใช้แผนสงคราม 9 ทัพ มาบุกทำเนียบฯ
พันธมิตรฯ ชุมนุมนอกกฎหมาย นอกระบบ เป็นการชุมนุมเถื่อน พี่น้องต้องเข้าใจ มองปัญหาให้ออกอย่าไปเชื่อว่าเขา(กลุ่มพันธมิตรฯ) มีเสรีภาพ ในการชุมนุม เพราะการชุมนุมต้องทำโดยปราศจากอาวุธ แต่เขากลับมีอาวุธ ดังนั้นเขาหมดเสรีภาพในการชุมนุมานานแล้ว
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาชน กล่าวว่าการที่พันธมิตรฯ มีเป้าหมายบุกยึดทำเนียบฯ โดยประกาศสงคราม 9 ทัพนั้น พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ อาจลืมไปว่า เป็นสงครามที่พม่ายกมาบุกไทยสมัยรัชกาลที่ 1 จึงแปลกใจว่า เหตุใดพันธมิตรฯ จึงใช้ยุทธวิธีของประเทศพม่ามาใช้บุกล้อมทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นพฤติการณ์สั่งสมเพื่อต้องการให้การนองเลือด แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจ มีหน้าที่ปกป้องผู้นำฝ่ายบริหาร โดยรัฐบาลจะใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเต็มที่ เพื่อไม่ให้ทหารออกมา ซึ่งทุกอย่างจะจบลงในการปฎิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และคงหมดเวลาจะเรียกร้องไปยังพันธมิตรฯ แล้ว
ผมมีความเชื่อวันนี้คงหลีกพ้นการนองเลือดไม่ได้ เพราะไม่ทีทางเลือก เมื่ออีกฝ่ายต้องการบุกเข้าไปในทำเนียบอีกฝ่ายก็ต้องป้องกัน ซึ่งการบุกมีการเตรียม อาวุธต่างๆ บุกทำเนียบฯไม่ให้นายกฯ ปฎิบัติหน้าที่ได้ สถานการณ์ไม่มีทางเลือก พันธมิตรฯ ไม่มีทางเลือกเพียงให้บ้านเมือเกิดจลาจล ไร้การควบคุมแล้วให้ทหาร ออกมาทำรัฐประหาร วันนี้ทางเลือกมีเพียงสองทาง คือ ยกประเทศให้พันธมิตรฯ และรัฐบาลใช้มาตรการเด็ดขาดจัดการกับพันธมิตรฯ บนพื้นฐานอย่างละมุนละม่อม ถ้าถึงขั้นยึดทำเนียบและมีการทำลายทรัพย์สิน รัฐบาลไม่มีทางเลือกอย่างอื่นซึ่งนายกฯ ได้ประกาศชัดเจน ถ้าทำเนียบฯรักษาไม่ได้แล้ว จะรักษาประเทศได้อย่างไร นายกฯ จะต้องขอความเห็นจากประชาชนในการจัดการขั้นเด็ดขาด
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ที่พันธมิตรฯประกาศยุทธวิธีการเคลื่อนไหวว่า เป็นสงคราม 9 ทัพ สิ่งที่ตนฉุดคิดและอยากให้พี่น้องประชาชนทั้งประเทศได้ฉุกคิด คือสงคราม9 ทัพเป็นสงครามที่เกิดขึ้นในยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์ เหตุที่เขาเรียก สงคราม9 ทัพเพราะมีประเทศอริราชศัตรูยกทัพมาบุกราชอาณาจักรไทยพร้อมกันทีเดียว 9 ทัพ 9 ทิศ 9 ทาง วันนี้น่าใจหายเหตุการณ์ผ่านมา 200 ปีเศษ มีคนไทย ด้วยกันเองใช้คำว่าสงคราม 9 ทัพเพื่อที่จะยกกำลังกันมาเพื่อที่จะขับไล่รัฐบาล ที่มาจากประชาชนคนไทยด้วยกันเอง ฉะนั้นเป็นเรื่องที่อยากให้พี่น้อปงระชาชนตระหนักและคิดถึงว่าไม่น่าจะเกิดเรื่องนี้ในบ้านเมืองเรา

วิปรัฐบาลเผยบรรจุญัตติซักฟอกแล้ว
นายสามารถ แก้วมีชัย ประธาน วิปรัฐบาลเปิดเผยว่าในวันนี้(20 มิ.ย.)นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้เซ็นอนุมัติบรรจุญัตติของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เข้าชื่อขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและญัตติ ขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ 7 รัฐมนตรี เข้าสู่ระเบียบวาระเรียบร้อยแล้ว โดยวาระญัตติดังกล่าวจะอยู่ต่อจาก การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2552 ที่จะพิจารณาในวันที่ 25-27 มิ.ย.นี้
ผู้สื่อข่าวถามว่าเมื่อมีการบรรจุญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีแล้ว จะทำให้นายกฯไม่สามารถประกาศยุบสภาได้หรือไม่ นายสามารถ กล่าวว่า แม้ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนฯข้อบังคับทื่57 ได้ระบุว่าหากญัตติใดบรรจุในระเบียบวาระแล้วไม่ได้มีการพิจารณาก็ญัตติจะตกไป แต่คงจะต้องยึดตามรัฐธรรมนูญเป็นหลัก ได้กำหนดเขียนไว้เมื่อมีญัตติดังกล่าว นายกรัฐมนตรจะประกาศยุบสภาไม่ได้ ถึงจะปิดสมัยประชุมวิสามัญไปแล้ว ญัตติดังกล่าวอยู่ระเบียบวาระได้

วุฒิฯเรียกร้องสมัครแจงญัตติอภิปรายฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมวุฒิสภาที่ มีนายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 เป็นประธานการประชุม โดยก่อนเริ่มเข้าสู่วาระ ได้มีการ แจ้งว่า ตามที่ น.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี และคณะรวม 61 คน เข้าชื่อ ขอเปิดอภิปรายทั่วไปรัฐบาลโดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 161และประธานวุฒิสภาแจ้งไปยังครม.ให้มาชี้แจงวันที่ 23 มิถุนายน นั้น ครม.แจ้งว่าไม่สามารถ มาตอบญัตติได้เพราะต้องเตรียมตัวชี้แจงร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2552 ดังนั้นวุฒิสภาจึงของดประชุมในวันดังกล่าว แต่ญัตติยังค้างอยู่ในวาระการประชุม
อย่างไรก็ตามหลังในช่วงท้ายการประชุมนายวิเชียร คันฉ่อง ส.ว.ตรัง ได้เสนอ ญัตติด่วน เพื่อให้สมาชิกได้หารือถึงสถานการณ์ปัญหาความขัดแย้งเพื่อหาทางแก้ไข สถานการณ์ที่กำลังวิกฤตอยู่ในขณะนี้ เนื่องจากเกรงว่าหากรอให้ถึงวันที่ 23 มิ.ย. ก็อาจจะช้าไป ซึ่งสมาชิกได้มีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง ขณะเดียวกันได้ติดตาม ความเคลื่อนไหวการชุมนุมของกลุ่มต่างๆโดยเฉพาะกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ทยอยเดินทางมาล้อมบริเวณทำเนียบรัฐบาล
หลังจากปิดการประชุม ส.ว.ทั้งหมด ได้ร่วมกันแถลงข่าวเรียกร้องให้ทุกฝ่าย ควรร่วมหารือกันเพื่อหาทางออก โดย น.ส. ทัศนา บุญทอง รองประธานวุฒิสภาคนที่2 กล่าวว่า ส.ว.มีความห่วงใยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และมีความเห็นร่วมกันว่า เราไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงใดๆ และขอร้องไปยังรัฐบาลต้องไม่ใช้ความรุนแรงเพื่อยุติปัญหา
เรายังยืนยันที่จะเชิญรัฐบาลมารับฟังความเห็น เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาให้กับประชาชน และทำความเข้าใจให้ประชาชนทราบ เพราะจะเป็นทางออก ที่ดีที่สุด ในการลดความรุนแรง คลี่คลายสถานการณ์
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากรัฐบาลยังยืนยันที่จะไม่มาร่วมประชุมทางส.ว.จะดำเนินการอย่างไรต่อไป นายนิคม วัยรัชพาณิชย์ รองประธานวุฒิสภาคนที่1 กล่าวว่า ขณะนี้ยังบอกไม่ได้ จะต้องรอดูท่าทีก่อน ในเบื้องต้นได้ทำหนังสือแจ้งไปยังนายกมนตรี อีกครั้งเพื่อขอความร่วมมือ แต่ถ้ายังไม่มาเราก็มีมาตรการดำเนินการต่อไป อาจจะเป็นรูปของการจัดเวทีสาธารณะ หรือยื่นฟ้อง เพราะเราได้ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตรา 161
กำลังโหลดความคิดเห็น