รอยเตอร์ - ทีมทนายความของนายกรัฐมนตรีซิลวิโอ แบร์ลุสโคนีแห่งอิตาลี เมื่อวันอังคาร(17) เล็งหาช่องทางถอดถอนผู้พิพากษารายหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้พิจารณาคดีรับสินบนของนายกรัฐมนตรีจอมฉาวผู้นี้ กับ เดวิด มิลส์ ทนายชาวอังกฤษ หลังจากที่แบร์ลุสโคนีกล่าวหาว่าศาลพิจารณาคดีโดยมีความลำเอียงทางการเมือง
ความพยายามของทีมทนายของแบร์ลุสโคนีในครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่สองในรอบสองวัน เพื่อจะชะลอการพิจารณาคตีซึ่งแบร์ลุสโคนีถูกกล่าวหาว่าจ่ายเงินสินบนแก่มิลส์ถึง 600,000 ดอลลาร์เพื่อให้เขาช่วยระงับการกล่าวโทษในเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจของแบร์ลุสโคนี เมื่อปี 1997 ทว่า ทั้งสองปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำความผิดแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ในวันจันทร์(16) วุฒิสมาชิกสองคนซึ่งสังกัดพรรคของแบร์ลุสโคนี ได้ยื่นเสนอในนาทีสุดท้ายขอแปรญัตติกฎหมายต่อต้านอาชญากรรมฉบับหนึ่ง ซึ่งจะมีผลให้ต้องพักการพิจารณคดีดังกล่าวทันทีเป็นเวลาหนึ่งปี
จากนั้นในวันอังคาร นิโกโล เกดินี ทนายความของแบร์ลุสโคนี ก็ได้ยื่นคำร้องขอถอดถอนนิโกเล็ตตา กันดุส ซึ่งเป็นผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในคดีดังกล่าวด้วย
อันที่จริง ตามรัฐบัญญัติอายุความของอิตาลี คดีดังกล่าวจะสิ้นอายุความในช่วงต้นปีที่ผ่านมา แต่เมื่อเดือนมกราคมปีนี้ ศาลมิลานได้มีคำสั่งให้คดีดังกล่าวครอบคลุมระยะเวลาไปจนถึงต้นปี 2000 จึงมีผลให้อายุความยืดออกไปอีกเป็นเวลาสองปี
แต่เนื่องจากเป็นที่คาดกันว่า การพิพากษาคดีดังกล่าวจะมีขึ้นในเร็ว ๆ นี้ และแบร์ลุสโคนี เจ้าพ่อวงการสื่อวัย 71 ปี ซึ่งได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 3 เมื่อเดือนเมษายน จึงต้องการให้รัฐสภาลงมติอย่างเร่งด่วน เพราะเขาเห็นว่าคดีดังกล่าวเป็นการบ่อนทำลายภาวะผู้นำของเขา
ที่ผ่านมา แบร์ลุสโคนีใช้วิธีหลบเลี่ยงการตัดสินคดีอื่น ๆ ที่เขาตกเป็นจำเลย โดยปฏิเสธไม่ยอมรับว่ากระทำผิด หรือไม่ก็หาทางถ่วงเวลาจนคดีความหมดอายุไปเอง แต่ในครั้งนี้เขาส่งจดหมายถึงประธานวุฒิสภาเมื่อวันจันทร์ ชี้แจงเหตุผลที่เขาพยายามชะลอการพิจารณาคดีออกไปว่าเป็นเพราะผู้พิพากษามีความลำเอียงทางการเมือง
เขากล่าวถึงการพิจารณาคดีครั้งนี้ว่า “เป็นความพยายามอันน่าพิศวงอีกครั้งหนึ่งของ (ผู้พิพากษารายหนึ่ง) ที่จะใช้กระบวนการศาลเพื่อ...เป้าหมายทางการเมือง โดยได้รับการสนับสนุนจากศาลซึ่งมีความเอนเอียงทางการเมือง และยังเข้าไปแทรกแซงและยอมรับการพิสูจน์คดีของฝ่ายอัยการ”
แมนลิโอ มินาเล หัวหน้าอัยการของมิลานปฏิเสธคำกล่าวหาของแบร์ลุสโคนี โดยแถลงว่าว่าคดีของนายกรัฐมนตรีนั้นดำเนินการ “โดยให้ความเคารพเป็นอย่างสูงต่อสิทธิในการปกป้องตนเอง และมีเป้าหมายหลักอยู่ที่การค้นหาความจริง”
ในคืนวันอังคาร หน่วยงานกำกับดูแลผู้พิพากษาชื่อซีเอสเอ็ม ประกาศว่าได้เริ่มกระบวนการภายในเพื่อปกป้องผู้พิพากษาจากการบ่อนทำลายเช่นกัน การเคลื่อนไหวดังกล่าวนี้คงจะเพิ่มความตึงเครียดระหว่างแบร์ลุสโคนีกับผู้พิพากษาให้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม และมีผู้พิพากษาหลายคนที่แบร์ลุสโคนีกล่าวหาว่าใช้กระบวนการยุติธรรมเพื่อเป้าหมายทางการเมือง
นอกจากนั้น แบร์ลุสโคนียังถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสมาคมวิชาชีพผู้พิพากษา หรือ เอเอ็นเอ็ม ด้วยว่า “ผู้ปกครองประเทศไม่สามารถที่จะใส่ร้ายป้ายสี หรือหักล้างความชอบธรรมของผู้พิพากษาและสถาบันผู้พิพากษา เมื่อเกิดมีคำถามเกี่ยวกับสถานะส่วนบุคคลของผู้ปกครองประเทศผู้นั้นขึ้นมา”
ความพยายามของทีมทนายของแบร์ลุสโคนีในครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่สองในรอบสองวัน เพื่อจะชะลอการพิจารณาคตีซึ่งแบร์ลุสโคนีถูกกล่าวหาว่าจ่ายเงินสินบนแก่มิลส์ถึง 600,000 ดอลลาร์เพื่อให้เขาช่วยระงับการกล่าวโทษในเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจของแบร์ลุสโคนี เมื่อปี 1997 ทว่า ทั้งสองปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำความผิดแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ในวันจันทร์(16) วุฒิสมาชิกสองคนซึ่งสังกัดพรรคของแบร์ลุสโคนี ได้ยื่นเสนอในนาทีสุดท้ายขอแปรญัตติกฎหมายต่อต้านอาชญากรรมฉบับหนึ่ง ซึ่งจะมีผลให้ต้องพักการพิจารณคดีดังกล่าวทันทีเป็นเวลาหนึ่งปี
จากนั้นในวันอังคาร นิโกโล เกดินี ทนายความของแบร์ลุสโคนี ก็ได้ยื่นคำร้องขอถอดถอนนิโกเล็ตตา กันดุส ซึ่งเป็นผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในคดีดังกล่าวด้วย
อันที่จริง ตามรัฐบัญญัติอายุความของอิตาลี คดีดังกล่าวจะสิ้นอายุความในช่วงต้นปีที่ผ่านมา แต่เมื่อเดือนมกราคมปีนี้ ศาลมิลานได้มีคำสั่งให้คดีดังกล่าวครอบคลุมระยะเวลาไปจนถึงต้นปี 2000 จึงมีผลให้อายุความยืดออกไปอีกเป็นเวลาสองปี
แต่เนื่องจากเป็นที่คาดกันว่า การพิพากษาคดีดังกล่าวจะมีขึ้นในเร็ว ๆ นี้ และแบร์ลุสโคนี เจ้าพ่อวงการสื่อวัย 71 ปี ซึ่งได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 3 เมื่อเดือนเมษายน จึงต้องการให้รัฐสภาลงมติอย่างเร่งด่วน เพราะเขาเห็นว่าคดีดังกล่าวเป็นการบ่อนทำลายภาวะผู้นำของเขา
ที่ผ่านมา แบร์ลุสโคนีใช้วิธีหลบเลี่ยงการตัดสินคดีอื่น ๆ ที่เขาตกเป็นจำเลย โดยปฏิเสธไม่ยอมรับว่ากระทำผิด หรือไม่ก็หาทางถ่วงเวลาจนคดีความหมดอายุไปเอง แต่ในครั้งนี้เขาส่งจดหมายถึงประธานวุฒิสภาเมื่อวันจันทร์ ชี้แจงเหตุผลที่เขาพยายามชะลอการพิจารณาคดีออกไปว่าเป็นเพราะผู้พิพากษามีความลำเอียงทางการเมือง
เขากล่าวถึงการพิจารณาคดีครั้งนี้ว่า “เป็นความพยายามอันน่าพิศวงอีกครั้งหนึ่งของ (ผู้พิพากษารายหนึ่ง) ที่จะใช้กระบวนการศาลเพื่อ...เป้าหมายทางการเมือง โดยได้รับการสนับสนุนจากศาลซึ่งมีความเอนเอียงทางการเมือง และยังเข้าไปแทรกแซงและยอมรับการพิสูจน์คดีของฝ่ายอัยการ”
แมนลิโอ มินาเล หัวหน้าอัยการของมิลานปฏิเสธคำกล่าวหาของแบร์ลุสโคนี โดยแถลงว่าว่าคดีของนายกรัฐมนตรีนั้นดำเนินการ “โดยให้ความเคารพเป็นอย่างสูงต่อสิทธิในการปกป้องตนเอง และมีเป้าหมายหลักอยู่ที่การค้นหาความจริง”
ในคืนวันอังคาร หน่วยงานกำกับดูแลผู้พิพากษาชื่อซีเอสเอ็ม ประกาศว่าได้เริ่มกระบวนการภายในเพื่อปกป้องผู้พิพากษาจากการบ่อนทำลายเช่นกัน การเคลื่อนไหวดังกล่าวนี้คงจะเพิ่มความตึงเครียดระหว่างแบร์ลุสโคนีกับผู้พิพากษาให้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม และมีผู้พิพากษาหลายคนที่แบร์ลุสโคนีกล่าวหาว่าใช้กระบวนการยุติธรรมเพื่อเป้าหมายทางการเมือง
นอกจากนั้น แบร์ลุสโคนียังถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสมาคมวิชาชีพผู้พิพากษา หรือ เอเอ็นเอ็ม ด้วยว่า “ผู้ปกครองประเทศไม่สามารถที่จะใส่ร้ายป้ายสี หรือหักล้างความชอบธรรมของผู้พิพากษาและสถาบันผู้พิพากษา เมื่อเกิดมีคำถามเกี่ยวกับสถานะส่วนบุคคลของผู้ปกครองประเทศผู้นั้นขึ้นมา”