สตาร์คอมมีเดียฯ ชี้อุตสาหกรรมมีเดียเอเชียยังพัฒนาและโตต่อเนื่อง ดิจิตอลกลายเป็นสื่อดาวรุ่งขยายตัวพรวด ด้านอุตฯไทย ปีนี้ตลาดไม่โต แถมพิษเศรษฐกิจยังพ่นฟุตบอลยูโรไม่กระตุ้นอารมณ์คนไทย แนะสื่อดิจิตอลต้องนวัตกรรมนำ เตือนลูกค้าอย่าพิจารณาราคาอย่างเดียว ผุดโครงการ "อินเทนท์ แทร็ค"อาวุธวิจัยภายใต้แนวคิดใหม่ สิ้นปีโต 20% กวาด 4,000 ล้านบาท
นายระวิ คีราน ประธานกรรมการบริหาร สตาร์คอมมีเดียเวสท์กรุ๊ป ภาคพื้นเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกใต้ เปิดเผยว่า แนวโน้มการใช้สื่อในตลาดเอเชียมีการพัฒนาและเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศจีน อินเดีย และมาเลเซีย ซึ่งถือว่าเป็นตลาดใหญ่และเติบโตดี นอกจากนี้ยังพบว่าในเอเชียมีการใช้สื่อดิจิตอลมากขึ้น และยังมีวางแผนใช้สื่อรูปแบบต่างๆ อาทิ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ มาร์เกตติง สปอร์ต มาร์เกตติง และสื่อโฆษณานอกบ้าน และการสร้างประสบการณ์ร่วมกับแบรนด์ ส่วนในประเทศจีนและอินเดีย ซึ่งมีประชากระเป็นจำนวนมาก จะเน้นการใช้การตลาดแต่เฉพาะพื้นที่เป็นหลัก ส่วนการใช้แมส มีเดียมีบ้าง
สำหรับในไทยปัจจุบันมีคนใช้ดิจิตอลกันมากขึ้น เมื่อเทียบกับมาเลเซียและสิงคโปร์ ดังนั้นสินค้าต้องหันมาใช้สื่อผ่านดิจิตอลให้เพิ่มขึ้น และสร้างความแตกต่างโดยการใช้นวัตกรรมมากกว่าการพิจารณาแต่ด้านราคาเป็นหลัก เพราะหากสินค้าโดดเด่นก็จะสามารถขายได้ ขณะที่สื่อจะโตตามไปด้วย อย่างไรก็ตามในไทยสื่อมาแรงยังคงเป็น โทรทัศน์สัดส่วน 50-60% นิตยสารหดตัวลง 5% อีกทั้งยังพบว่าสินค้าหันมาใช้สื่อผ่านทางเคเบิลทีวีมากขึ้น เพราะไม่มีข้อจำกัดด้านเนื้อหา ราคาถูก
ส่วนแนวโน้มอุตสาหกรรมมีเดียในไทยปีนี้ไม่เติบโต ทั้งนี้เพราะสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ลูกค้าระมัดระวังการใช้สื่อ และปรับแผนการใช้สื่อโดยเน้นแคมเปญในระยะสั้นแต่ความถี่เพิ่มขึ้น และเน้นกระแสตอบรับที่จะได้รับมากกว่า ขณะที่การแข่งขันฟุตบอลยูโรสามารถช่วยกระตุ้นผู้บริโภคได้บ้างแต่ไม่มากนัก
ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวโครงการอินเทนท์ แทร็ค (Inter Track) วิจัยภายใต้แนวคิดใหม่ "เศรษฐกิจบนรากฐานความสนใจของผู้บริโภค" หรือ Consumer Attention Economy ซึ่งเป็นการวิจัยที่มุ่งศึกษาภาพรวมของพฤติกรรมผู้บริโภคและช่องทางการติดต่อสื่อสารต่างๆ พร้อมทั้งทำนายและวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับความสนใจและความตั้งใจของผู้บริโภค โดยหัวใจหลักของโครงการ คือ การทำความเข้าใจระดับความสนใจของผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์ เพื่อสร้างจุดเชื่อมโยงระหว่างแบรนด์และผู้บริโภคได้อย่างใกล้ชิด
นายระวิ กล่าวว่า ที่ผ่านมาการวิจัยจะวัดด้านการรับรู้ ทัศนคติ ซึ่งเป็นเรื่องพื้นฐานและไม่ได้การันตีว่าสินค้าจะขายได้ ซึ่ง อินเทนท์ แทร็ค จะช่วยมาเติมเต็มช่องว่าง ทั้งนี้โครงการอินเทนท์ แทร็คได้ทำการสำรวจ 28 ประเทศทั่วโลก เจาะลึก 30 กลุ่มสินค้า ในจำนวน 200 แบรนด์ จากการสำรวจ 1 ล้านคนทั่วโลก สำหรับในภูมิภาคเอเชียได้สำรวจ 11 ประเทศ 25 กลุ่มสินค้า โดยโครงการอินเทนท์ แทร็ค เปิดตัวในประเทศไทยแห่งที่ 3 ในเอเชีย รองจากสิงคโปร์และจีน ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
สำหรับผลประกอบการในประเทศไทยช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโต 12% และคาดว่าทั้งปีเติบโต 20% หรือมีบิลลิ่ง 4,000 ล้านบาท โดยปัจจัยที่ผลักดันให้เติบโตมาจากการมีลูกค้าใหม่เพิ่มซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังมี 5-6 ราย และลูกค้ามีการใช้เงินอย่างต่อเนื่อง และมาจากการขยายบริการใหม่ อินเทนท์ แทร็ค เป็นต้น
นายระวิ คีราน ประธานกรรมการบริหาร สตาร์คอมมีเดียเวสท์กรุ๊ป ภาคพื้นเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกใต้ เปิดเผยว่า แนวโน้มการใช้สื่อในตลาดเอเชียมีการพัฒนาและเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศจีน อินเดีย และมาเลเซีย ซึ่งถือว่าเป็นตลาดใหญ่และเติบโตดี นอกจากนี้ยังพบว่าในเอเชียมีการใช้สื่อดิจิตอลมากขึ้น และยังมีวางแผนใช้สื่อรูปแบบต่างๆ อาทิ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ มาร์เกตติง สปอร์ต มาร์เกตติง และสื่อโฆษณานอกบ้าน และการสร้างประสบการณ์ร่วมกับแบรนด์ ส่วนในประเทศจีนและอินเดีย ซึ่งมีประชากระเป็นจำนวนมาก จะเน้นการใช้การตลาดแต่เฉพาะพื้นที่เป็นหลัก ส่วนการใช้แมส มีเดียมีบ้าง
สำหรับในไทยปัจจุบันมีคนใช้ดิจิตอลกันมากขึ้น เมื่อเทียบกับมาเลเซียและสิงคโปร์ ดังนั้นสินค้าต้องหันมาใช้สื่อผ่านดิจิตอลให้เพิ่มขึ้น และสร้างความแตกต่างโดยการใช้นวัตกรรมมากกว่าการพิจารณาแต่ด้านราคาเป็นหลัก เพราะหากสินค้าโดดเด่นก็จะสามารถขายได้ ขณะที่สื่อจะโตตามไปด้วย อย่างไรก็ตามในไทยสื่อมาแรงยังคงเป็น โทรทัศน์สัดส่วน 50-60% นิตยสารหดตัวลง 5% อีกทั้งยังพบว่าสินค้าหันมาใช้สื่อผ่านทางเคเบิลทีวีมากขึ้น เพราะไม่มีข้อจำกัดด้านเนื้อหา ราคาถูก
ส่วนแนวโน้มอุตสาหกรรมมีเดียในไทยปีนี้ไม่เติบโต ทั้งนี้เพราะสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ลูกค้าระมัดระวังการใช้สื่อ และปรับแผนการใช้สื่อโดยเน้นแคมเปญในระยะสั้นแต่ความถี่เพิ่มขึ้น และเน้นกระแสตอบรับที่จะได้รับมากกว่า ขณะที่การแข่งขันฟุตบอลยูโรสามารถช่วยกระตุ้นผู้บริโภคได้บ้างแต่ไม่มากนัก
ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวโครงการอินเทนท์ แทร็ค (Inter Track) วิจัยภายใต้แนวคิดใหม่ "เศรษฐกิจบนรากฐานความสนใจของผู้บริโภค" หรือ Consumer Attention Economy ซึ่งเป็นการวิจัยที่มุ่งศึกษาภาพรวมของพฤติกรรมผู้บริโภคและช่องทางการติดต่อสื่อสารต่างๆ พร้อมทั้งทำนายและวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับความสนใจและความตั้งใจของผู้บริโภค โดยหัวใจหลักของโครงการ คือ การทำความเข้าใจระดับความสนใจของผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์ เพื่อสร้างจุดเชื่อมโยงระหว่างแบรนด์และผู้บริโภคได้อย่างใกล้ชิด
นายระวิ กล่าวว่า ที่ผ่านมาการวิจัยจะวัดด้านการรับรู้ ทัศนคติ ซึ่งเป็นเรื่องพื้นฐานและไม่ได้การันตีว่าสินค้าจะขายได้ ซึ่ง อินเทนท์ แทร็ค จะช่วยมาเติมเต็มช่องว่าง ทั้งนี้โครงการอินเทนท์ แทร็คได้ทำการสำรวจ 28 ประเทศทั่วโลก เจาะลึก 30 กลุ่มสินค้า ในจำนวน 200 แบรนด์ จากการสำรวจ 1 ล้านคนทั่วโลก สำหรับในภูมิภาคเอเชียได้สำรวจ 11 ประเทศ 25 กลุ่มสินค้า โดยโครงการอินเทนท์ แทร็ค เปิดตัวในประเทศไทยแห่งที่ 3 ในเอเชีย รองจากสิงคโปร์และจีน ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
สำหรับผลประกอบการในประเทศไทยช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโต 12% และคาดว่าทั้งปีเติบโต 20% หรือมีบิลลิ่ง 4,000 ล้านบาท โดยปัจจัยที่ผลักดันให้เติบโตมาจากการมีลูกค้าใหม่เพิ่มซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังมี 5-6 ราย และลูกค้ามีการใช้เงินอย่างต่อเนื่อง และมาจากการขยายบริการใหม่ อินเทนท์ แทร็ค เป็นต้น