ผู้จัดการรายวัน - เอาจริง! หมอเลี้ยบเร่งออกคูปอง สั่ง "สศค.-สำนักงบฯ-สภาพัฒน์" แบ่งเส้นหาคนจนก่อนแจกบัตรเติมเงินตามหมายเลขบัตรประชาชน ต่างจังหวัดจ่ายเป็นเงินสดวงเงิน 300-400 บาทต่อเดือน
น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) สำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจศึกษาถึงแนวทางการแจกคูปองแก่คนจน โดยต้องพิจารณาว่าเส้นความยากจนหรือรายได้ของคนจนอยู่ตรงจุดไหน ซึ่งต้องพิจารณาไปถึงค่าครองชีพที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ด้วย เพื่อให้รู้จำนวนคนจนและปริมาณเงินอุดหนุนที่แตกต่างกันและที่รัฐจะต้องจ่ายในแต่ละเดือน
โดยวิธีการแจกคูปองจะแจกเป็นบัตรเติมเงินตามหมายเลขบัตรประชาชนที่ขณะนี้มีบัตรสมาร์ทการ์ดกันอยู่แล้ว รวมถึงอาจนำฐานข้อมูลของประชาชนที่เข้าร่วมโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้ามาปรับปรุงและเทียบเคียงใช้ในโครงการดังกล่าว ซึ่งจะเปิดให้ลงทะเบียนเพิ่มเติม และจะมีกระบวนการตรวจสอบรายได้ด้วยโดยให้ผู้นำชุมชนเป็นคนรับรองรายได้แต่ภาคราชการก็ต้องเข้าไปพิจารณาร่วมด้วย
"รูปแบบการดำเนินการจะทยอยเติมเงินผ่านบัตรประชาชนให้ทุกเดือนซึ่งอาจเป็นเดือนละ 300-400 บาท เพื่อให้ประชาชนในเมืองนำไปใช้สำหรับซื้ออาหารและค่าเดินทาง แต่ในส่วนของคนจนในพื้นที่ห่างไกลอาจให้เงินสด"น.พ.สุรพงษ์กล่าว
สำหรับแนวทางป้องกันการรั่วไหลโดยเฉพาะอาจนำไปใช้ซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย เช่น บุหรี่ เหล้า น.พ.สุรพงษ์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่ามาตรการนี้อาจมีการรั่วไหลได้ แต่การเติมเงินให้ทุกเดือนผ่านบัตรประชาชนจะมีระบบตรวจสอบย้อนหลังอยู่แล้ว โดยเฉพาะใครรับรองก็รับรู้กันทั่ว สำหรับระยะเวลาที่จะช่วยเหลือคาดจะเพียง 6 เดือน-1 ปีเท่านั้นเพื่อให้ประชาชนสามารถปรับตัวรับมือกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นได้ คาดปลายเดือน ก.ค.นี้จะเริ่มดำเนินการได้.
น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) สำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจศึกษาถึงแนวทางการแจกคูปองแก่คนจน โดยต้องพิจารณาว่าเส้นความยากจนหรือรายได้ของคนจนอยู่ตรงจุดไหน ซึ่งต้องพิจารณาไปถึงค่าครองชีพที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ด้วย เพื่อให้รู้จำนวนคนจนและปริมาณเงินอุดหนุนที่แตกต่างกันและที่รัฐจะต้องจ่ายในแต่ละเดือน
โดยวิธีการแจกคูปองจะแจกเป็นบัตรเติมเงินตามหมายเลขบัตรประชาชนที่ขณะนี้มีบัตรสมาร์ทการ์ดกันอยู่แล้ว รวมถึงอาจนำฐานข้อมูลของประชาชนที่เข้าร่วมโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้ามาปรับปรุงและเทียบเคียงใช้ในโครงการดังกล่าว ซึ่งจะเปิดให้ลงทะเบียนเพิ่มเติม และจะมีกระบวนการตรวจสอบรายได้ด้วยโดยให้ผู้นำชุมชนเป็นคนรับรองรายได้แต่ภาคราชการก็ต้องเข้าไปพิจารณาร่วมด้วย
"รูปแบบการดำเนินการจะทยอยเติมเงินผ่านบัตรประชาชนให้ทุกเดือนซึ่งอาจเป็นเดือนละ 300-400 บาท เพื่อให้ประชาชนในเมืองนำไปใช้สำหรับซื้ออาหารและค่าเดินทาง แต่ในส่วนของคนจนในพื้นที่ห่างไกลอาจให้เงินสด"น.พ.สุรพงษ์กล่าว
สำหรับแนวทางป้องกันการรั่วไหลโดยเฉพาะอาจนำไปใช้ซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย เช่น บุหรี่ เหล้า น.พ.สุรพงษ์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่ามาตรการนี้อาจมีการรั่วไหลได้ แต่การเติมเงินให้ทุกเดือนผ่านบัตรประชาชนจะมีระบบตรวจสอบย้อนหลังอยู่แล้ว โดยเฉพาะใครรับรองก็รับรู้กันทั่ว สำหรับระยะเวลาที่จะช่วยเหลือคาดจะเพียง 6 เดือน-1 ปีเท่านั้นเพื่อให้ประชาชนสามารถปรับตัวรับมือกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นได้ คาดปลายเดือน ก.ค.นี้จะเริ่มดำเนินการได้.
