รัฐบาลทำเรื่องไม่เลิก! องค์กรเครือข่ายภาคประชาชนพิทักษ์ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เตรียมยื่นหนังสือถึง “สมัคร” ให้ยกเลิกมติ ครม.เมื่อวันที่ 20 พ.ค.ที่ให้ลบสถานะการนับถือศาสนาของคนไทยออกจากบัตรประชาชนสมาร์ทการ์ด “พระเทพวิสุทธิกวี” ชี้มีแต่ในประเทศที่เป็นคอมมิวนิสต์เท่านั้นที่ไม่ระบุศาสนาในบัตรประชาชน
ผศ.เสถียร วิพรมหา เลขาธิการองค์กรเครือข่ายภาคประชาชนพิทักษ์ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ กล่าวว่า ในวันที่ 3 มิ.ย. องค์กรชาวพุทธจะเข้ายื่นหนังสือต่อนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 20 พ.ค.ที่มีมติให้ในบัตรประชาชนสมาร์ทการ์ดรุ่นใหม่ของประชาชนชาวไทยทุกคน ไม่ต้องระบุว่าประชาชนนับถือศาสนาอะไร หลังจากเมื่อวันที่ 28 พ.ค. กลุ่มองค์กรชาวพุทธได้นำเรื่องดังกล่าวเข้าร้องเรียนต่อ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แล้ว แต่เห็นว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ต้องเร่งดำเนินการ จึงจะเดินทางไปยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง
“ผมยอมรับว่าการไม่ระบุว่าประชาชนนับถือศาสนาใดในบัตรสมาร์ทการ์ด จะช่วยป้องกันการแอบอ้างจากบุคคลที่ไม่หวังดีที่จะใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือ แต่ผลเสียที่จะเกิดขึ้น เหมือนเป็นการลบสถานะความเป็นคนไทย เสมือนคนไร้ศาสนา อีกทั้งในอดีตฝ่ายบ้านเมืองเคยละเลย ไม่ให้ความสนใจ จนเคยเกิดกรณีการใช้คำว่านายนำหน้าพระ ปรากฏในทะเบียนบ้าน ทำให้องค์กรชาวพุทธต้องมาเรียกร้องกันมาแล้ว”
พระเทพวิสุทธิกวี เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การที่ไม่มีการระบุศาสนาในบัตรประชาชนมีแต่ในประเทศที่เป็นคอมมิวนิสต์เท่านั้น และการที่ ครม. มีมติออกมาเช่นนี้ เชื่อว่าจะทำให้ประชาชนเสียความรู้สึก ที่สำคัญจะส่งผลต่อศาสนาพุทธ โดยอาจเป็นช่องทางของผู้ที่ไม่หวังดีมาขอบวช และทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อพระพุทธศาสนาได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับหนังสือที่องค์กรชาวพุทธจะยื่นต่อนายกรัฐมนตรีนั้น ได้ชี้แจงถึงความสำคัญที่จำเป็นต้องระบุศาสนาไว้ในบัตรประชาชนสมาร์ทการ์ด โดยระบุว่าการที่มีศาสนาแสดงถึงความศรัทธา และปัญญา ทั้งจะทำให้เกิดประชาชนรู้สึกผูกพันกัน โดยอาศัยการนับถือศาสนาเดียวกัน ที่สำคัญจุดยึดเหนี่ยวทางสังคมที่สามารถสร้างความสามัคคีต้องอาศัยชาติ ศาสนา และองค์ประมุของค์เดียวกัน เป็นสายใยที่สำคัญ และสิ่งที่จะเป็นสายใยไปทั่วโลก คือ สายใยทางศาสนา จึงอยากให้นายกรัฐมนตรีทบทวนมติ ครม.ดังกล่าวและบรรจุศาสนาไว้ในบัตรประชาชนตามเดิม
ผศ.เสถียร วิพรมหา เลขาธิการองค์กรเครือข่ายภาคประชาชนพิทักษ์ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ กล่าวว่า ในวันที่ 3 มิ.ย. องค์กรชาวพุทธจะเข้ายื่นหนังสือต่อนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 20 พ.ค.ที่มีมติให้ในบัตรประชาชนสมาร์ทการ์ดรุ่นใหม่ของประชาชนชาวไทยทุกคน ไม่ต้องระบุว่าประชาชนนับถือศาสนาอะไร หลังจากเมื่อวันที่ 28 พ.ค. กลุ่มองค์กรชาวพุทธได้นำเรื่องดังกล่าวเข้าร้องเรียนต่อ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แล้ว แต่เห็นว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ต้องเร่งดำเนินการ จึงจะเดินทางไปยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง
“ผมยอมรับว่าการไม่ระบุว่าประชาชนนับถือศาสนาใดในบัตรสมาร์ทการ์ด จะช่วยป้องกันการแอบอ้างจากบุคคลที่ไม่หวังดีที่จะใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือ แต่ผลเสียที่จะเกิดขึ้น เหมือนเป็นการลบสถานะความเป็นคนไทย เสมือนคนไร้ศาสนา อีกทั้งในอดีตฝ่ายบ้านเมืองเคยละเลย ไม่ให้ความสนใจ จนเคยเกิดกรณีการใช้คำว่านายนำหน้าพระ ปรากฏในทะเบียนบ้าน ทำให้องค์กรชาวพุทธต้องมาเรียกร้องกันมาแล้ว”
พระเทพวิสุทธิกวี เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การที่ไม่มีการระบุศาสนาในบัตรประชาชนมีแต่ในประเทศที่เป็นคอมมิวนิสต์เท่านั้น และการที่ ครม. มีมติออกมาเช่นนี้ เชื่อว่าจะทำให้ประชาชนเสียความรู้สึก ที่สำคัญจะส่งผลต่อศาสนาพุทธ โดยอาจเป็นช่องทางของผู้ที่ไม่หวังดีมาขอบวช และทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อพระพุทธศาสนาได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับหนังสือที่องค์กรชาวพุทธจะยื่นต่อนายกรัฐมนตรีนั้น ได้ชี้แจงถึงความสำคัญที่จำเป็นต้องระบุศาสนาไว้ในบัตรประชาชนสมาร์ทการ์ด โดยระบุว่าการที่มีศาสนาแสดงถึงความศรัทธา และปัญญา ทั้งจะทำให้เกิดประชาชนรู้สึกผูกพันกัน โดยอาศัยการนับถือศาสนาเดียวกัน ที่สำคัญจุดยึดเหนี่ยวทางสังคมที่สามารถสร้างความสามัคคีต้องอาศัยชาติ ศาสนา และองค์ประมุของค์เดียวกัน เป็นสายใยที่สำคัญ และสิ่งที่จะเป็นสายใยไปทั่วโลก คือ สายใยทางศาสนา จึงอยากให้นายกรัฐมนตรีทบทวนมติ ครม.ดังกล่าวและบรรจุศาสนาไว้ในบัตรประชาชนตามเดิม
