เอเอฟพี - ซาอุดีอาระเบียเรียกร้องเมื่อวันจันทร์(9)ให้เปิดประชุมระหว่างประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคน้ำมัน เกี่ยวกับราคาน้ำมันในตลาดที่กำลังพุ่งลิ่ว นอกจากนั้น ชาติผู้ส่งออกน้ำมันมากที่สุดของโลกรายนี้ย้ำด้วยว่า มีความพร้อมที่จะเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการใช้ที่สูงขึ้น
ท่าทีนี้ของซาอุดีอาระเบียทำให้สหรัฐฯออกมาแสดงความชื่นชมอย่างรวดเร็ว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความกังวลที่เพิ่มขึ้น เกี่ยวกับผลกระทบของราคาน้ำมันสูงลิ่วที่จะมีต่อเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ในการประชุมคณะรัฐมนตรีซาอุดีอาระเบียที่มีกษัตริย์อับดุลเลาะห์ทรงเป็นประธาน ที่ประชุมยืนยันความเห็นเดิมที่ว่า การกระโจนพรวดของราคาน้ำมัน อย่างเช่นที่เกิดขึ้นในตลาดไนเม็กซ์ของสหรัฐฯเมื่อวันศุกร์ที่(6)ผ่านมานั้น ไม่ได้มีสาเหตุมาจากปัจจัยพื้นฐานหรือปริมาณน้ำมันไม่พอเพียงต่อความต้องการใช้
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีซาอุดีก็มีมติให้รัฐมนตรีน้ำมัน อาลี อัล นูอาอิมิ ไปจัดการประชุมขึ้นโดยเร็วที่สุด เพื่อให้ตัวแทนของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภค รวมทั้งบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้ทั้งผู้ผลิต ส่งออกและซื้อขายน้ำมัน ได้เข้ามาหารือกันเรื่องราคาที่เพิ่มแบบก้าวกระโดด ผลกระทบรวมทั้งจะรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างไร
แถลงการณ์ของคณะรัฐมนตรียังได้ระบุอีกว่า“ซาอุดีอาระเบียได้แจ้งต่อบริษัทน้ำมันทั้งหลายรวมทั้งประเทศผู้บริโภคแล้วว่า ซาอุดีอาระเบียมีความพร้อมที่จะผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นอีกตามความต้องการของพวกเขา” และก็ยังยืนยันว่าราคาที่เพิ่มขึ้น “ไม่สมเหตุสมผลเมื่อดูจากความเป็นจริงของภาคอุตสาหกรรมน้ำมัน หรือปัจจัยพื้นฐานต่างๆ ของตลาด”
“ในฐานะที่เป็นประเทศผู้ผลิต ซาอุดีอาระเบียรู้ดีอย่างยิ่งว่าตลาดน้ำมันมีปริมาณน้ำมันดิบเพียงต่อต่อความต้องการ รวมทั้งมีปริมาณน้ำมันสำรองเพิ่มขึ้นด้วย”
“ด้วยความร่วมมือกับประเทศสมาชิกโอเปกและประเทศผู้ผลิตน้ำมันชั้นนำอื่น ๆ ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียก็กำลังปฏิบัติการเพื่อประกันว่ามีปริมาณน้ำมันเพียงพอในตลาด และป้องกันการที่ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นอย่างผิดปกติและไม่เกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐานซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนา”
เมื่อเดือนที่แล้ว ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นประเทศผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก รวมทั้งเป็นประเทศที่ทรงอิทธิพลที่สุดในกลุ่มโอเปก ประกาศว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตอีก 300,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งทำให้ปริมาณการผลิตในเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้นเป็น 9.45 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ซาอุดีอาระเบียซึ่งเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับตะวันตกถูกสหรัฐฯกดดันอย่างหนัก เพื่อให้เพิ่มกำลังการผลิต เพราะคาดว่าน่าจะช่วยให้ความผันผวนที่เกิดในตลาดโลกยุติลง อย่างไรก็ตามเมื่อวันศุกร์ ราคาน้ำมันดิบไลต์สวีตครูด เพื่อการส่งมอบเดือนกรกฎาคมพุ่งขึ้น 10.75 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ซึ่งนับเป็นการพุ่งขึ้นสูงสุดภายในหนึ่งวันเท่าที่เคยมีมา
ทางด้าน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เฮนรี พอลสัน ได้ออกมาแสดงความยินต่อการตัดสินใจจัดการประชุมระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภคน้ำมันของซาอุดีอาระเบียในครั้งนี้
“มันจะต้องเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ดังนั้นผมก็แสดงความยินดีในครั้งนี้” พอลสันกล่าวในการสัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีซึ่งเป็นช่องข่าวเศรษฐกิจ
“ผมคิดว่าทางออกสำหรับปัญหาสำคัญนี้จะต้องเป็นการแก้ไขปัญหาระยะยาว โดยเฉพาะการลงทุนเพื่อเพิ่มปริมาณสินค้า รวมทั้งการพัฒนาพลังงานทางเลือก” เขากล่าว
ในขณะเดียวกันทางด้านอังกฤษ นายกรัฐมนตรีกอร์ดอน บราวน์ ก็ออกมาแสดงความยินดีต่อการเรียกประชุมครั้งนี้เช่นเดียวกัน โดยทำเนียบนายกรัฐมนตรีแจ้งว่า จะนำเอาเรื่องนี้มาเป็นประเด็นหารือ ในขณะที่รัฐมนตรีพลังงานอังกฤษ มัลคอล์ม วิคส์เดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียในช่วงปลายสัปดาห์นี้
ท่าทีนี้ของซาอุดีอาระเบียทำให้สหรัฐฯออกมาแสดงความชื่นชมอย่างรวดเร็ว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความกังวลที่เพิ่มขึ้น เกี่ยวกับผลกระทบของราคาน้ำมันสูงลิ่วที่จะมีต่อเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ในการประชุมคณะรัฐมนตรีซาอุดีอาระเบียที่มีกษัตริย์อับดุลเลาะห์ทรงเป็นประธาน ที่ประชุมยืนยันความเห็นเดิมที่ว่า การกระโจนพรวดของราคาน้ำมัน อย่างเช่นที่เกิดขึ้นในตลาดไนเม็กซ์ของสหรัฐฯเมื่อวันศุกร์ที่(6)ผ่านมานั้น ไม่ได้มีสาเหตุมาจากปัจจัยพื้นฐานหรือปริมาณน้ำมันไม่พอเพียงต่อความต้องการใช้
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีซาอุดีก็มีมติให้รัฐมนตรีน้ำมัน อาลี อัล นูอาอิมิ ไปจัดการประชุมขึ้นโดยเร็วที่สุด เพื่อให้ตัวแทนของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภค รวมทั้งบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้ทั้งผู้ผลิต ส่งออกและซื้อขายน้ำมัน ได้เข้ามาหารือกันเรื่องราคาที่เพิ่มแบบก้าวกระโดด ผลกระทบรวมทั้งจะรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างไร
แถลงการณ์ของคณะรัฐมนตรียังได้ระบุอีกว่า“ซาอุดีอาระเบียได้แจ้งต่อบริษัทน้ำมันทั้งหลายรวมทั้งประเทศผู้บริโภคแล้วว่า ซาอุดีอาระเบียมีความพร้อมที่จะผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นอีกตามความต้องการของพวกเขา” และก็ยังยืนยันว่าราคาที่เพิ่มขึ้น “ไม่สมเหตุสมผลเมื่อดูจากความเป็นจริงของภาคอุตสาหกรรมน้ำมัน หรือปัจจัยพื้นฐานต่างๆ ของตลาด”
“ในฐานะที่เป็นประเทศผู้ผลิต ซาอุดีอาระเบียรู้ดีอย่างยิ่งว่าตลาดน้ำมันมีปริมาณน้ำมันดิบเพียงต่อต่อความต้องการ รวมทั้งมีปริมาณน้ำมันสำรองเพิ่มขึ้นด้วย”
“ด้วยความร่วมมือกับประเทศสมาชิกโอเปกและประเทศผู้ผลิตน้ำมันชั้นนำอื่น ๆ ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียก็กำลังปฏิบัติการเพื่อประกันว่ามีปริมาณน้ำมันเพียงพอในตลาด และป้องกันการที่ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นอย่างผิดปกติและไม่เกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐานซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนา”
เมื่อเดือนที่แล้ว ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นประเทศผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก รวมทั้งเป็นประเทศที่ทรงอิทธิพลที่สุดในกลุ่มโอเปก ประกาศว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตอีก 300,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งทำให้ปริมาณการผลิตในเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้นเป็น 9.45 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ซาอุดีอาระเบียซึ่งเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับตะวันตกถูกสหรัฐฯกดดันอย่างหนัก เพื่อให้เพิ่มกำลังการผลิต เพราะคาดว่าน่าจะช่วยให้ความผันผวนที่เกิดในตลาดโลกยุติลง อย่างไรก็ตามเมื่อวันศุกร์ ราคาน้ำมันดิบไลต์สวีตครูด เพื่อการส่งมอบเดือนกรกฎาคมพุ่งขึ้น 10.75 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ซึ่งนับเป็นการพุ่งขึ้นสูงสุดภายในหนึ่งวันเท่าที่เคยมีมา
ทางด้าน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เฮนรี พอลสัน ได้ออกมาแสดงความยินต่อการตัดสินใจจัดการประชุมระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภคน้ำมันของซาอุดีอาระเบียในครั้งนี้
“มันจะต้องเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ดังนั้นผมก็แสดงความยินดีในครั้งนี้” พอลสันกล่าวในการสัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีซึ่งเป็นช่องข่าวเศรษฐกิจ
“ผมคิดว่าทางออกสำหรับปัญหาสำคัญนี้จะต้องเป็นการแก้ไขปัญหาระยะยาว โดยเฉพาะการลงทุนเพื่อเพิ่มปริมาณสินค้า รวมทั้งการพัฒนาพลังงานทางเลือก” เขากล่าว
ในขณะเดียวกันทางด้านอังกฤษ นายกรัฐมนตรีกอร์ดอน บราวน์ ก็ออกมาแสดงความยินดีต่อการเรียกประชุมครั้งนี้เช่นเดียวกัน โดยทำเนียบนายกรัฐมนตรีแจ้งว่า จะนำเอาเรื่องนี้มาเป็นประเด็นหารือ ในขณะที่รัฐมนตรีพลังงานอังกฤษ มัลคอล์ม วิคส์เดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียในช่วงปลายสัปดาห์นี้