เอเจนซี - รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เดินสายชี้แจงเพื่อกระตุ้นความเชื่อมั่นภาคการเงินให้กลับคืนมา โดยย้ำว่า ภาคการธนาคารยังอยู่ในสภาพแข็งแกร่งแม้ว่าวิกฤตสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์อาจก่อปัญหามากขึ้นก็ตาม ส่วนเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยรวมยังต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนที่จะฟื้นจากภาวะชะลอตัว
เฮนรี พอลสัน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ออกมากล่าวในรายการโทรทัศน์ช่วงเช้าวันอาทิตย์ (20) ว่า เขาเชื่อว่ารัฐสภาน่าจะให้ความเห็นชอบต่อข้อเสนอของประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช ที่ให้รัฐบาลเข้าไปพยุงสถาบันสินเชื่อที่อยู่อาศัยยักษ์ใหญ่ 2 แห่ง ซึ่งก็คือ แฟนนี เม และเฟรดดี แมค ที่กำลังอยู่ในภาวะซวดเซอย่างหนัก
การให้สัมภาษณ์ดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของพอลสันที่จะสยบความตื่นตระหนกของตลาดการเงินที่กลับมาอีกครั้ง นอกจากนี้ เขายังวางแผนที่จะกล่าวสุนทรพจน์ครั้งสำคัญเกี่ยวกับตลาดและเศรษฐกิจที่นิวยอร์กในวันอังคาร (22) นี้
“เรากำลังจะอยู่ในช่วงของการเติบโตช้าไปสักระยะหนึ่ง” พอลสันกล่าวในรายการ “เฟซ เดอะ เนชั่น” ทางสถานีโทรทัศน์ซีบีเอส “ผมคิดว่าอาจจะใช้เวลาหลายเดือนก่อนที่เราจะสามารถผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้”
เขาระบุว่า ราคาพลังงานที่ยังคงแพงต่อไป มีส่วนทำให้ช่วงชะลอตัวยืดยาวออกไปอีก อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เริ่มเห็นแล้วว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์เริ่มมีการฟื้นตัวในบางจุดหลักๆ ส่วนปัญหาในภาคการธนาคารของสหรัฐฯ ก็สามารถควบคุมได้แม้ว่าในเดือนนี้เพิ่งมีข่าวครึกโครมออกมาว่า อินดีแมคแบงก์ ผู้ปล่อยกู้สินเชื่อที่อยู่อาศัยรายใหญ่ต้องประสบภาวะล้มละลายก็ตาม
การที่รัฐบาลกลางต้องประกาศเข้าไปบริหารกิจการของธนาคารดังกล่าว ทำให้อินดีแมคกลายเป็นธนาคารใหญ่เป็นอันดับ 3 ในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ ที่ล้มครืนลงมา ภาพผู้ฝากเงินของธนาคารที่เข้าแถวยาวเหยียดเลยออกนอกประตูธนาคารเพื่อรอถอนเงินของพวกเขา กลายเป็นพยานได้เป็นอย่างดีว่า ธุรกิจสินเชื่อที่อยู่อาศัยของสหรัฐฯ กำลังวิกฤตมากเพียงใด
อย่างไรก็ตาม พอลสัน ก็ยืนยันหนักแน่นว่า “ระบบธนาคารของเรานั้นแข็งแกร่งและมั่นคงมาก” เมื่อเขาไปออกรายการ “เลท เอดิชัน” ของซีเอ็นเอ็นในช่วงกลางคืนวันอาทิตย์อีกครั้งหนึ่ง
ก่อนหน้านี้ เขาพูดในรายการเช้าของซีบีเอสว่า จำนวนธนาคารที่มีปัญหาจะเพิ่มขึ้น แต่ “นี่เป็นสถานการณ์ที่จะแก้ไขได้ หน่วยงานกำกับดูแลกำลังจับตาดูอยู่ใกล้ชิด”
ตั้งแต่ต้นปีนี้มีธนาคารของสหรัฐฯ 5 แห่งประสบภาวะล้มละลายไปแล้ว แต่ก็ยังห่างจากช่วงทศวรรษที่ 1980 หลายขุมนักเพราะในวิกฤตใหญ่ครั้งนั้น ธนาคารในสหรัฐฯล้มละลายราว 250 แห่งต่อปี
พอลสัน ยังได้กล่าวอีกว่า ตอนนี้ 99% ของธนาคาร 8,500 แห่ง ซึ่งเป็นเจ้าของสินทรัพย์รวมของอุตสาหกรรมธนาคารทั้งประเทศราว 99% มีระดับเงินทุนรวมอยู่ในเกณฑ์สูงสุด ซึ่งบ่งบอกสุขภาพของภาคการเงินของประเทศว่ายังอยู่ในสภาพดี
อย่างไรก็ตาม เมื่อสิ้นไตรมาสที่แล้ว รายชื่อของธนาคารที่มีปัญหาที่อยู่ในบัญชีเฝ้าระวังของบรรษัทประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางนั้นได้เพิ่มขึ้น 90 แห่งแล้ว โดยที่มีสินทรัพย์รวมกัน 26,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 76 แห่งที่มีสินทรัพย์รวมกัน 22,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯเมื่อปลายปี 2007
พอลสัน ยังได้แนะอีกว่า การประกันความเชื่อมั่นในตลาดการเงินของประเทศ เป็นมาตรการที่จำเป็นที่จะช่วยพลิกฟื้นสถานการณ์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์และเศรษฐกิจโดยรวม และเขาแสดงความหวังด้วยว่ารัฐสภาจะอนุมัติแผนการประคับประคองแฟนนี เมและเฟรดดี แมคที่รัฐบาลเสนอไป เพราะว่าทั้ง 2 สถาบันนี้มีให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยรวมกันถึง 70% ของทั้งสหรัฐฯ
ข้อเสนอที่รัฐบาลส่งเข้าไปในสู่การพิจารณาของรัฐสภา ก็คือ ให้ทางการอัดฉีดเงินในรูปแบบสินเชื่อแก่บริษัททั้งสองโดยไม่จำกัดเพื่อฟื้นฟูสถานการณ์ และหากจำเป็นรัฐบาลจะต้องสามารถเข้าซื้อหุ้นสถาบันทั้งสองเพื่อเติมเม็ดเงินใหม่เข้าไปอีก อย่างไรก็ตาม สมาชิกรัฐสภาของพรรครีพับลิกันบางคนไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอ เพราะรู้สึกเหมือนกับว่าเป็นการยื่นเช็คเปล่าให้เติมเงินที่ต้องการได้ตามสะดวก ซึ่งจะทำให้ต้องผลาญเงินของผู้เสียภาษีสหรัฐฯอีกหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
พอลสัน แสดงความเชื่อมั่นขณะที่ให้สัมภาษณ์กับซีบีเอส ว่า รัฐสภาต้องยอมอนุมัติข้อเสนอนี้แน่ เพราะรัฐสภาเข้าใจดีกว่าสถาบันทั้ง 2 แห่งนี้มีความสำคัญต่อการกู้วิกฤตนี้เพียงใด