ผู้จัดการรายวัน- นักวิชาการฟันธงก.ค.นี้ ได้เห็นน้ำมันดิบ 150 เหรียญต่อบาร์เรลแน่นอน หลังล่าสุดวิ่งทะลุ 139 เหรียญต่อบาร์เรลแล้ว เตือนรับมือถึงเวลานั้นดีเซลแตะ 45 บาทต่อลิตรทันที ส่วนสัปดาห์นี้ทะลุ 40 บาทต่อลิตรแน่หลังค่าการตลาดยังต่ำ ด้านกกร.สุดเซ็งทำหนังสือขอหารือนายกฯ รับมือศก.ชะลอตัว 1 สัปดาห์ยังไม่ตอบรับ เผยแรงซื้อคนไทยเริ่มต่ำหนัก เอกชนชะลอขยายกิจการเพิ่ม
นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมันและอดีตผู้บริหารบมจ.บางจาก เปิดเผยว่า จากที่นักวิเคราะห์หลายฝ่ายประเมินว่าราคาน้ำมันดิบตลาดโลกอาจแตะระดับ 150 เหรียญต่อบาร์เรลในช่วงก.ค.นั้น มีความเป็นไปได้สูงแล้ว หลังล่าสุดน้ำมันดิบวิ่งไปที่ระดับ139 เหรียญต่อบาร์เรล ดังนั้นราคาขายปลีกในไทยโดยเฉพาะดีเซลจะเห็นระดับทะลุ 40 บาทต่อลิตรสัปดาห์นี้และหากน้ำมันดิบแตะระดับ 150 เหรียญต่อบาร์เรลเมื่อใดก็จะมีผลให้ราคาดีเซลจะไปแตะระดับ 45 บาทต่อลิตรทันที
“ล่าสุดค่าการตลาดดีเซลผู้ค้าอยู่ที่ 30 สตางค์ต่อลิตร เบนซิน 1 บาทต่อลิตรหลังปรับราคาขึ้นไป 70 สตางค์ต่อลิตรทุกชนิดมีผลวันที่ 9 มิ.ย.แล้ว ดีเซลจึงมีโอกาสขึ้นอีกกว่า 1 บาทต่อลิตรและหากปิดตลาดสิงคโปร์วันที่ 9 มิ.ย.ดีเซลขึ้นสูงในระดับใกล้เคียงน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นวันที่ 6 มิ.ย. เกือบ 11 เหรียญต่อบาร์เรลจุดนี้ก็จะต้องปรับอีกอย่างน้อย 2 บาทต่อลิตรและหากน้ำมันดิบ 150 เหรียญต่อบาร์เรลก็จะต้องบวกไปอีก 2-3 บาทต่อลิตรก็จะทำให้เห็นดีเซลแตะ 45 บาทต่อลิตรค่อนข้างชัดเจน”นายมนูญกล่าว
นายเทียนไชย จงพีร์เพียร นักวิชาการด้านพลังงานกล่าวว่า น้ำมันยังมีจุดอ่อนไหวเพราะตราบใดที่ความต้องการยังมีมากกว่าการผลิตกระแสข่าวรายวันจะมีส่วนผลักดันให้เกิดการเก็งกำไรมากขึ้น ล่าสุดน้ำมันที่สูงกลับมาอีกครั้งเพราะวิตกการขู่โจมตีอิหร่านของอิสราเอลซึ่งอิหร่านเป็นประเทศส่งออกน้ำมันรายใหญ่แห่งหนึ่งของโลกหากความตึงเครียดย่อมมีผลต่อจิตวิทยามากแนวโน้มน้ำมันของโลกคาดว่าเฉลี่ยปีนี้ไม่น่าจะอยู่ต่ำไปกว่าระดับ 120 เหรียญต่อบาร์เรล
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบันได้แก่ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) และสมาคมธนาคารไทย (กกร.) กล่าวว่า กกร.ได้ทำหนังสือเพื่อขอหารือด้านเศรษฐกิจที่เอกชนวิตกเกี่ยวกับปัญหาน้ำมันที่สูงขึ้นมากในขณะนี้จนกระทบกับค่าครองชีพของประชาชนเพิ่มและกดดันเงินเฟ้อให้สูงขึ้น ไปยังนายกรัฐมนตรีตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่าล่าสุดยังไม่มีหนังสือตอบรับเพื่อขอหารือกับเอกชนแต่อย่างใด ทั้งที่เอกชนตั้งใจจะหารือให้เร็วที่สุดเพื่อผลักดันการขยายตัวเศรษฐกิจไทย
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานส.อ.ท.กล่าวว่า ยอมรับว่าราคาน้ำมันที่ยังมีทิศทางที่สูงขึ้นและดีเซลมีโอกาสทะลุ 40 บาทต่อลิตรเร็วๆ นี้มีความกังวลว่าจะฉุดเศรษฐกิจไทยไม่ขยายตัวมากเท่าที่ควรจะเป็น เพราะจะกระทบกับค่าขนส่งและกำลังซื้อประชาชน โดยขณะนี้เอกชนเริ่มชะลอการขยายกิจการเพิ่มเติมในประเทศแล้วเพราะไม่มั่นใจว่ากำลังซื้อประชาชนจะมีมากน้อยเพียงใดและจะเห็นผลชัดเจนในช่วงปลายไตรมาส 2 ชัดเจนมากขึ้น
“เวลานี้กำลังซื้อประชาชนหายไปเรื่อยๆ จากน้ำมันแพงขณะที่ต้นทุนสินค้าก็สูงขึ้นเราเกรงว่าต่อไปเงินเฟ้อจะสูงตาม การขยายตัวเศรษฐกิจครึ่งปีหลังอาจจะแย่กว่าครึ่งปีแรกหากน้ำมันยังสูงไม่หยุด นอกจากนี้จะต้องติดตามค่าเงินบาทที่เริ่มอ่อนค่าลงว่าส่วนหนึ่งมาจากปัญหาการขาดดุลการค้าด้วยหรือไม่”นายสันติกล่าว
นายธนวรรธน์ พลวิจัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า หากราคาน้ำมันดิบปีนี้เฉลี่ย 120 เหรียญต่อบาร์เรลจะกดดันให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือจีดีพีขยายตัวแค่ 5% เท่านั้น ดังนั้น ราคาน้ำมันยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าท้ายสุดจะไปในทิศทางที่ถึงระดับ 150 เหรียญต่อบาร์เรลในช่วงใดและนานหรือไม่ เพราะหากขยับไปถึงจะกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจแน่
นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมันและอดีตผู้บริหารบมจ.บางจาก เปิดเผยว่า จากที่นักวิเคราะห์หลายฝ่ายประเมินว่าราคาน้ำมันดิบตลาดโลกอาจแตะระดับ 150 เหรียญต่อบาร์เรลในช่วงก.ค.นั้น มีความเป็นไปได้สูงแล้ว หลังล่าสุดน้ำมันดิบวิ่งไปที่ระดับ139 เหรียญต่อบาร์เรล ดังนั้นราคาขายปลีกในไทยโดยเฉพาะดีเซลจะเห็นระดับทะลุ 40 บาทต่อลิตรสัปดาห์นี้และหากน้ำมันดิบแตะระดับ 150 เหรียญต่อบาร์เรลเมื่อใดก็จะมีผลให้ราคาดีเซลจะไปแตะระดับ 45 บาทต่อลิตรทันที
“ล่าสุดค่าการตลาดดีเซลผู้ค้าอยู่ที่ 30 สตางค์ต่อลิตร เบนซิน 1 บาทต่อลิตรหลังปรับราคาขึ้นไป 70 สตางค์ต่อลิตรทุกชนิดมีผลวันที่ 9 มิ.ย.แล้ว ดีเซลจึงมีโอกาสขึ้นอีกกว่า 1 บาทต่อลิตรและหากปิดตลาดสิงคโปร์วันที่ 9 มิ.ย.ดีเซลขึ้นสูงในระดับใกล้เคียงน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นวันที่ 6 มิ.ย. เกือบ 11 เหรียญต่อบาร์เรลจุดนี้ก็จะต้องปรับอีกอย่างน้อย 2 บาทต่อลิตรและหากน้ำมันดิบ 150 เหรียญต่อบาร์เรลก็จะต้องบวกไปอีก 2-3 บาทต่อลิตรก็จะทำให้เห็นดีเซลแตะ 45 บาทต่อลิตรค่อนข้างชัดเจน”นายมนูญกล่าว
นายเทียนไชย จงพีร์เพียร นักวิชาการด้านพลังงานกล่าวว่า น้ำมันยังมีจุดอ่อนไหวเพราะตราบใดที่ความต้องการยังมีมากกว่าการผลิตกระแสข่าวรายวันจะมีส่วนผลักดันให้เกิดการเก็งกำไรมากขึ้น ล่าสุดน้ำมันที่สูงกลับมาอีกครั้งเพราะวิตกการขู่โจมตีอิหร่านของอิสราเอลซึ่งอิหร่านเป็นประเทศส่งออกน้ำมันรายใหญ่แห่งหนึ่งของโลกหากความตึงเครียดย่อมมีผลต่อจิตวิทยามากแนวโน้มน้ำมันของโลกคาดว่าเฉลี่ยปีนี้ไม่น่าจะอยู่ต่ำไปกว่าระดับ 120 เหรียญต่อบาร์เรล
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบันได้แก่ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) และสมาคมธนาคารไทย (กกร.) กล่าวว่า กกร.ได้ทำหนังสือเพื่อขอหารือด้านเศรษฐกิจที่เอกชนวิตกเกี่ยวกับปัญหาน้ำมันที่สูงขึ้นมากในขณะนี้จนกระทบกับค่าครองชีพของประชาชนเพิ่มและกดดันเงินเฟ้อให้สูงขึ้น ไปยังนายกรัฐมนตรีตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่าล่าสุดยังไม่มีหนังสือตอบรับเพื่อขอหารือกับเอกชนแต่อย่างใด ทั้งที่เอกชนตั้งใจจะหารือให้เร็วที่สุดเพื่อผลักดันการขยายตัวเศรษฐกิจไทย
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานส.อ.ท.กล่าวว่า ยอมรับว่าราคาน้ำมันที่ยังมีทิศทางที่สูงขึ้นและดีเซลมีโอกาสทะลุ 40 บาทต่อลิตรเร็วๆ นี้มีความกังวลว่าจะฉุดเศรษฐกิจไทยไม่ขยายตัวมากเท่าที่ควรจะเป็น เพราะจะกระทบกับค่าขนส่งและกำลังซื้อประชาชน โดยขณะนี้เอกชนเริ่มชะลอการขยายกิจการเพิ่มเติมในประเทศแล้วเพราะไม่มั่นใจว่ากำลังซื้อประชาชนจะมีมากน้อยเพียงใดและจะเห็นผลชัดเจนในช่วงปลายไตรมาส 2 ชัดเจนมากขึ้น
“เวลานี้กำลังซื้อประชาชนหายไปเรื่อยๆ จากน้ำมันแพงขณะที่ต้นทุนสินค้าก็สูงขึ้นเราเกรงว่าต่อไปเงินเฟ้อจะสูงตาม การขยายตัวเศรษฐกิจครึ่งปีหลังอาจจะแย่กว่าครึ่งปีแรกหากน้ำมันยังสูงไม่หยุด นอกจากนี้จะต้องติดตามค่าเงินบาทที่เริ่มอ่อนค่าลงว่าส่วนหนึ่งมาจากปัญหาการขาดดุลการค้าด้วยหรือไม่”นายสันติกล่าว
นายธนวรรธน์ พลวิจัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า หากราคาน้ำมันดิบปีนี้เฉลี่ย 120 เหรียญต่อบาร์เรลจะกดดันให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือจีดีพีขยายตัวแค่ 5% เท่านั้น ดังนั้น ราคาน้ำมันยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าท้ายสุดจะไปในทิศทางที่ถึงระดับ 150 เหรียญต่อบาร์เรลในช่วงใดและนานหรือไม่ เพราะหากขยับไปถึงจะกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจแน่