xs
xsm
sm
md
lg

สหพัฒน์จวก“หมัก”หลงทาง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน – เสี่ยบุญยสิทธิ์ วิจารณ์รัฐบาล “สมัคร” เป็นคนขับรถมือใหม่ และกำลังหลงทาง ย้ำภาระกิจเร่งด่วนแก้ปัญหาดอกเบี้ย ค่าเงินบาท  ชี้นักลงทุนต่างประเทศผวาการเมืองไทย เบนเข็มลงทุนเวียดนามแทน  แนะเป็นยุคปรับฐานทั้งผู้ประกอบการ ผู้บริโภค อาศัยภูมิประเทศเอื้ออำนวยพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส  ด้านเครือสหพัฒน์ ปรับนโยบายรายสัปดาห์ ปีนี้หวังรายได้โต 5-6%

นายบุญยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ กล่าวเกี่ยวกับการบริหารงานของรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรสวกลาโหม ว่า เป็นเหมือนคนที่เพิ่งหัดขับรถใหม่ที่อยู่ถนนทางเลียบไม่วกวนไปมา ซึ่งจะต้องให้เวลาหน่อย เพราะอยู่ในช่วงที่ทุกอย่างอยู่ในภาวะขาลง ผมว่าในภาวะนี้รัฐบาลจะต้องกล้าคิดในสิ่งที่แตกต่าง คิดท้าทายและคิดบวก เรื่องที่รัฐบาลจะต้องเร่งแก้ไขอย่างเร่งด่วนมีด้วย 2 เรื่อง ได้แก่ อัตราดอกเบี้ย และค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นให้เหลือเพียง 34-35 บาทต่อดอลล่าร์ จากปัจจุบัน 32.42 บาทต่อดอลล่าร์ ซึ่งถ้าทำ 2 เรื่องนี้ได้จะถือว่าดีมาก แต่ตอนนี้การแก้ปัญหายังถือว่าหลงทาง ไม่ควรนำดอกเบี้ยมาดึงภาวะเงินเฟ้อ  

“ผมประเมินการทำงานของรัฐบาลชุดนี้จากคะแนน 10 เต็มให้  6 เท่านั้น แต่ถ้าแก้ปัญหาดอกเบื้ยและค่าเงินบาทได้ให้คะแนนเต็ม 10 เลย ที่ผ่านมาหลายฝ่ายกังวลภาวะเงินเฟ้อและราคาน้ำมันเกินไป แต่ทุกประเทศเป็นเหมือนกันหมด ถ้าประเทศไทยไม่เกิดภาวะเงินเฟ้อถือว่าผิดปกติ ส่วนเรื่องอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 6-7% ผมว่าอยู่ที่มุมมองรัฐบาลจะแก้อย่างไร ซึ่งเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านยังถือว่าสูงอยู่มาก และตั้งข้อสังเกตุว่าภาวะอย่างนี้ใครกำไรมากที่สุด”

สถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยในเวลานี้ ทำให้นักลงทุนต่างประเทศไม่กล้าเข้ามาลงทุน โดยพบว่านักลงทุนหันไปลงทุนในประเทศเวียดนามทั้งสิ้น จากปกติงานสหกรุ๊ปฯ ครั้งที่ 12 จะต้องมีกลุ่มนักลงทุนจากญี่ปุ่นมาเซ็นสัญญา แต่ปีนี้ไม่มีเลยแถมมีนักลงทุน 2-3 รายหันไปลงทุนในเวียดนามแทน ส่วนในแง่ของผู้บริโภคเอง อารมณ์ในการจับจ่ายใช้สอยไม่มี แต่กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์ โทรศัพท์มือถือ ยังถือว่าเป็นสินค้าที่จำหน่ายดีอยู่ เนื่องจากมีนวัตกรรมใหม่กระตุ้นความสนใจอย่างต่อเนื่อง ส่วนกลุ่มเสื้อผ้า รองเท้ายอดขายลดลง

“ในเวลานี้แนวทางที่เห็นด้วย คือ ทฤษฎี 2 สูง  ได้แก่ การปล่อยให้ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้นตามกลไกตลาด โดยเฉพาะราคาสินค้าเกษตร และหันมาปรับเพิ่มรายได้ของประชาชนหรือกลุ่มชั้นกลาง อาทิ ข้าราชการ ครู  นอกจากนี้ยังฝากแง่คิดว่าในภาวะอย่างนี้ ผู้ประกอบการจะต้องมีความระมัดระวัง อย่าลงทุนสุ่มสี่สุ่มห้า ในช่วงครึ่งปีหลัง ส่วนม็อบและการเมืองมองแล้วหงุดหงิด สู้ไปดูหนังกำลังภายในดีกว่า”

ยุคปรับฐานมองวิกฤติคือโอกาส

นายบุญยสิทธิ์ กล่าวว่า ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่ปรับเพิ่มขึ้น อันเนื่องจากผลพวงจากราคาน้ำมัน วัตถุดิบการผลิตที่ปรับเพิ่มขึ้นนั้น ภาครัฐควรปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาดมากกว่าขอความร่วมมือผู้ประกอบการห้ามขึ้นราคาสินค้า และควบคุมสินค้าให้ปรับขึ้นอย่างสมเหตุสมผล เพราะช่วงนี้ถือว่าเป็นยุคของการปรับฐานทั้งหมดทั่วโลก ทุกคนจะต้องปรับตัว ซึ่งไม่ใช่เกิดขึ้นไทยประเทศเดียว พฤติกรรมของคนไทยก็ต้องปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ จากเดิมซื้อของไกลบ้านก็หันมาซื้อสินค้าใกล้บ้านมากขึ้น ดังนั้นอย่ามองเป็นวิกฤติให้มองว่าเป็นโอกาส เพราะไทยมีภูมิประเทศที่เอื้ออำนวย มีอาหารที่อุดมสมบูรณ์ มีอุตสาหกรรม เพียงต้องพึ่งพิงน้ำมัน

นโยบายการลงทุนของเครือสหพัฒน์ปีนี้ จะต้องพิจารณาเป็นรายสัปดาห์จากเดิมเป็นรายเดือน ล่าสุดทุ่มงบกว่า 1,000 ล้านบาท ซื้อหุ้น 70% โรงงานเอราวัณเท็กซ์ไทล์จากผู้ประกอบการต่างประเทศมารูเบนนี่เมื่อเดือนที่ผ่านมา ส่วนอีก 30% เป็นกลุ่มผู้ประกอบการไทยรายย่อย ทั้งนี้เพื่อให้ธุรกิจเสื้อผ้ามีการผลิตที่ครบวงจรมากขึ้น จากผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจส่งผลให้กลุ่มเสื้อผ้า รองเท้า ในช่วงไตรมาสแรกของบริษัทไอซีซียอดขายตกลง 10% ส่วนกลุ่มอาหาร ผงซักฟอก ยอดขายมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้บริษัทยังได้เตรียมเพิ่มเงินเดือนให้กับพนักงาน เนื่องจากค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับพนักงาน

สำหรับผลประกอบการของเครือสหพัฒน์ปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 5-6% ก็ถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าพอใจแล้ว โดยในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมานี้ เติบโต 5-6% ล่าสุดจัดงานสหกรุ๊ป เอ็กซ์พอร์ต แอนด์ เทรด เอ็กซิบิชัน ครั้งที่ 12 ระหว่างวันที่ 27-29 มิถุนายน นี้ โดยภายในงานมีสินค้าในเครือมาร่วมงานกว่า 1,000 รายการ ซึ่งกลุ่มอาหารลดราคาถึง 50% สำหรับปีนี้คาดว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มีคนเข้างานเพิ่ม 10% จากปีที่ผ่านมา 7-8 แสนคน เนื่องจากค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผู้บริโภคต้องการซื้อสินค้าราคามีคุณภาพและราคาถูก
กำลังโหลดความคิดเห็น