ผู้จัดการรายวัน - วีระศักดิ์ ได้ที กรรมาธิการท่องเที่ยวหนุนโครงการบิ๊ก คลีน อัพ เล็งอ้อนสำนักงบประมาณ ของบปี 52 เพิ่มอีก 100 ล้านบาท เดินหน้าบิ๊กโปรเจค พร้อมประสานกระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษา ทำงานร่วมกัน
วานนี้(4มิ.ย.51)ภายหลังการประชุมร่วมกับคณะกรรมาธิการท่องเที่ยว วุฒิสภา นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่ากระทรวงการท่องเที่ยวได้เสนอต่อที่ประชุมถึง 3 โครงการที่ต้องเร่งดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อผลักดันให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวของประเทศไทย ได้แก่ โครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งอ่าวไทย (รอยัล โคสท์ แอคทีฟ บีช) ,โครงการทำแหล่งท่องเที่ยวให้สะดวก สะอาด ปลอดภัย ได้เอกลักษณ์ (บิ๊ก คลีน อัพ) และ โครงการติดไฟริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งคณะกรรมาธิการมีมติเห็นด้วยกับทั้ง 3 โครงการดังกล่าว
ดังนั้นในเบื้องต้น กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้วางแผนว่าจะของบประมาณประจำปี 2552 เพิ่มขึ้นอีก 100 ล้านบาท เพื่อนำมาจัดทำโครงการบิ๊ก คลีน อัพ โดยเงินจำนวนนี้จะใช้เพื่อศึกษาว่าโครงการนี้จะต้องใช้เครื่องมือใดบ้าง เพราะการจัดทำความสะอาดแหล่งท่องเที่ยวในแต่ละแห่งย่อมไม่เหมือนกัน เช่น แหล่งท่องเที่ยวทางบก ,ทางทะเล หรือ ชายฝั่งทะเล เป็นต้น นอกจากนั้นยังต้องเตรียมหารือกับกระทรวงมหาดไทย เพื่อขอความร่วมมือไปยังผู้ว่าราชการในจังหวัดต่างๆ ให้เข้ามาร่วมมือกันทำงาน โดยให้แต่ละจังหวัดเสนอแผนฟื้นฟูและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่มีอยู่ว่ามีอะไรบ้าง หากจังหวัดใดมีความพร้อมก็จะเริ่มดำเนินการก่อน
ทางด้านนาวสาวศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวเสริมอีกว่า จะขอความร่วมมือไปยังกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อขอให้เด็กนักเรียนนักศึกษาในแต่ละพื้นที่ ให้มีส่วนร่วมที่จะฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวเสื่อมโทรมในจังหวัดของตัวเอง เช่น การเก็บขยะ และรีไซเคิ้ลขยะ ,การรณรงค์สร้างจิตสำนึกให้รู้จักรักษาแหล่งท่องเที่ยว เป็นต้น
อย่างไรก็ตามทางด้านนางธันยรัศม์ อัจฉริยะฉาย ประธานคณะกรรมาธิการท่องเที่ยว วุฒิสภา กล่าวว่า ได้ฝากให้กระทรวงการท่องเที่ยวไปดูและเพิ่มเติมในประเด็นของปัญหาแหล่งท่องเที่ยวเสื่อมโทรม และขาดการดูแล เพราะที่ผ่านมา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ทำการตลาดดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวนมากส่งผลให้แหล่งท่องเที่ยวทรุดโทรม บางแห่งแทบจะไม่เหลือความพร้อมที่จะรองรับนักท่องเที่ยวได้อีก ซึ่งคณะกรรมาธิการเข้าใจดีว่า ททท.และกระทรวงการท่องเที่ยวอาจไม่มีอำนาจโดยตรงที่จะเข้าไปจัดการกับแหล่งท่องเที่ยวนั้นๆ แต่ก็สามารถหารือกับเจ้าของพื้นที่ หรือองค์กรส่วนท้องถิ่น ร่วมกันฟื้นฟูได้ ซึ่งประเด็นนี้จะนำข้อมูลมาหารือในการประชุมครั้งต่อไป
วานนี้(4มิ.ย.51)ภายหลังการประชุมร่วมกับคณะกรรมาธิการท่องเที่ยว วุฒิสภา นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่ากระทรวงการท่องเที่ยวได้เสนอต่อที่ประชุมถึง 3 โครงการที่ต้องเร่งดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อผลักดันให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวของประเทศไทย ได้แก่ โครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งอ่าวไทย (รอยัล โคสท์ แอคทีฟ บีช) ,โครงการทำแหล่งท่องเที่ยวให้สะดวก สะอาด ปลอดภัย ได้เอกลักษณ์ (บิ๊ก คลีน อัพ) และ โครงการติดไฟริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งคณะกรรมาธิการมีมติเห็นด้วยกับทั้ง 3 โครงการดังกล่าว
ดังนั้นในเบื้องต้น กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้วางแผนว่าจะของบประมาณประจำปี 2552 เพิ่มขึ้นอีก 100 ล้านบาท เพื่อนำมาจัดทำโครงการบิ๊ก คลีน อัพ โดยเงินจำนวนนี้จะใช้เพื่อศึกษาว่าโครงการนี้จะต้องใช้เครื่องมือใดบ้าง เพราะการจัดทำความสะอาดแหล่งท่องเที่ยวในแต่ละแห่งย่อมไม่เหมือนกัน เช่น แหล่งท่องเที่ยวทางบก ,ทางทะเล หรือ ชายฝั่งทะเล เป็นต้น นอกจากนั้นยังต้องเตรียมหารือกับกระทรวงมหาดไทย เพื่อขอความร่วมมือไปยังผู้ว่าราชการในจังหวัดต่างๆ ให้เข้ามาร่วมมือกันทำงาน โดยให้แต่ละจังหวัดเสนอแผนฟื้นฟูและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่มีอยู่ว่ามีอะไรบ้าง หากจังหวัดใดมีความพร้อมก็จะเริ่มดำเนินการก่อน
ทางด้านนาวสาวศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวเสริมอีกว่า จะขอความร่วมมือไปยังกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อขอให้เด็กนักเรียนนักศึกษาในแต่ละพื้นที่ ให้มีส่วนร่วมที่จะฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวเสื่อมโทรมในจังหวัดของตัวเอง เช่น การเก็บขยะ และรีไซเคิ้ลขยะ ,การรณรงค์สร้างจิตสำนึกให้รู้จักรักษาแหล่งท่องเที่ยว เป็นต้น
อย่างไรก็ตามทางด้านนางธันยรัศม์ อัจฉริยะฉาย ประธานคณะกรรมาธิการท่องเที่ยว วุฒิสภา กล่าวว่า ได้ฝากให้กระทรวงการท่องเที่ยวไปดูและเพิ่มเติมในประเด็นของปัญหาแหล่งท่องเที่ยวเสื่อมโทรม และขาดการดูแล เพราะที่ผ่านมา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ทำการตลาดดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวนมากส่งผลให้แหล่งท่องเที่ยวทรุดโทรม บางแห่งแทบจะไม่เหลือความพร้อมที่จะรองรับนักท่องเที่ยวได้อีก ซึ่งคณะกรรมาธิการเข้าใจดีว่า ททท.และกระทรวงการท่องเที่ยวอาจไม่มีอำนาจโดยตรงที่จะเข้าไปจัดการกับแหล่งท่องเที่ยวนั้นๆ แต่ก็สามารถหารือกับเจ้าของพื้นที่ หรือองค์กรส่วนท้องถิ่น ร่วมกันฟื้นฟูได้ ซึ่งประเด็นนี้จะนำข้อมูลมาหารือในการประชุมครั้งต่อไป