ผู้จัดการรายวัน - เคทีบีลีสซิ่งพอใจผลการดำเนินงาน 5 เดือนที่ผ่านมา มั่นใจสิ้นปีปล่อยกู้ได้ตามเป้าหมาย 1.5 หมื่นล้านบาท ส่วนเอ็นพีแอลยังอยู่ในระดับที่คุมได้ พร้อมพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ยเช่าซื้อรถยนต์ แต่สินเชื่อเช่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคยังไม่ขยับ
นายภิญญาวัฒน์ จันทรกานตานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เคทีบี ลีสซิ่ง จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทจะมีการประชุมเพื่อพิจารณาทิศทางของดอกเบี้ยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ในวันพฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายนนี้ ภายหลังจากที่มีธนาคารบางแห่ง ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปแล้ว ซึ่งคงจะยังไม่สามารถกำหนดสัดส่วนที่ชัดเจนได้ โดยขณะนี้ดอกเบี้ยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์อยู่ระหว่าง 2.8-2.9% สินเชื่ออุปโภคบริโภคนั้นยังไม่มีนโยบายในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในขณะนี้ เนื่องจากปัจจุบันมีส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ย หรือ สเปรดยังสูงอยู่ที่ กว่า10% แต่หากเปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์ทั้งหมดสเปรดจะอยู่ที่ กว่า 5% โดยดอกเบี้ยสินเชื่ออุปโภค-บริโภคปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 0.99%ต่อเดือน ขณะที่ตลาดอยู่ที่ระดับ2-2.5% ต่อเดือน
สำหรับการดำเนินธุรกิจในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาบริษัทมียอดปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อใหม่อยู่ที่ 5.2-5.3 พันล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปีตั้งไว้ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท และ ณ สิ้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา มีกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 30 ล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปี 140 ล้านบาท จึงคาดว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมายอย่างแน่นอน พร้อมกันนั้น บริษัทยังได้มีการตั้งสำรองตามเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ที่ระดับ 50 ล้านบาท
ด้านหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)ของบริษัทปัจจุบันอยู่ที่ 1.6% เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีก่อนที่ 1.5% แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ โดยทั้งปีจะควบคุมให้อยู่ที่ไม่เกิน 2% โดยเอ็นพีแอลที่ปรับเพิ่มขึ้นนั้นมาจากปัญหาภายในซึ่งอยู่ในช่วงการแก้ไข แต่สัญญาณของตลาดโดยรวมไม่มีอะไรที่น่ากังวล ขณะที่บริษัทเองจะระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น และให้ความสำคัญกับความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้า รวมทั้งบริษัทยังเน้นลูกค้าที่มีรายได้ประจำเป็นหลัก
ส่วนนโยบายในการทำธุรกิจของบริษัทตั้งแต่เริ่มก่อตั้งจนถึงปัจจุบันยังดำเนินไปกับธนาคารกรุงไทยโดยตลอดทั้งการจัดโปรแกรมทำการตลาด ส่วนการขายสินค้าจะใช้สาขาของธนาคารในการขาย ซึ่งที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี จึงจะดำเนินงานในรูปแบบนี้ต่อไป รวมทั้งบริษัทมีแผนจะเปิดสาขาภายในปีนี้ให้ครบ 8 สาขา จากปัจจุบันมีอยู่ 3 สาขา และสิ้นเดือนมิถุนายนนี้จะเปิดสาขาที่ 4 โดยสาขาจะทำหน้าที่ในการประสานงาน แก้ไขปัญหาแทนสำนักงานใหญ่ ไม่ได้ทำหน้าที่ในการขาย โดยสาขาจะพนักงานประมาณ 5 คน และใช้งบลงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อสาขา
"ยอด 14-15 เดือนที่ผ่านมาสินเชื่อคอนซูมเมอร์เติบโตขึ้นทุกเดือน เพราะได้เริ่มทำตลาดเชิงรุกมากขึ้น ให้ลูกค้าได้รับรู้มากขึ้น โดยได้มีการทำแผนการตลาดร่วมกับแบงก์กรุงไทย มีการจัดกิจกรรมซึ่งการจัดกิจกรรมแต่ละครั้งมียอดขายเพิ่มขึ้น 5 เท่าตัว และหลังจัดงานจะมียอดขายเพิ่มขึ้นอีก 1 เท่าตัว ซึ่งภาพรวมของคอนซูมเมอร์ถือว่าโดดเด่น สามารถเดินต่อไปได้เพราะเป็นปัจจัยดำรงชีวิต"นายภิญญาวัฒน์กล่าว
สำหรับพอร์ตสินเชื่อคงค้างในปัจจุบันอยู่ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท เป็นพอร์ตเช่าซื้อรถยนต์ 30% แต่เป็นพอร์ตที่ทำกำไรต่ำสุด พอร์ตคอนซูมเมอร์อยู่ที่ 20-25% ซึ่งเป็นพอร์ตที่ทำกำไรสูงสุด ที่เหลือเป็นพอร์ตลูกค้าบริษัท โดยคาดว่าสิ้นปียอดสินเชื่อคงค้างจะอยู่ที่ 1.8-1.9 หมื่นล้านบาท
นายภิญญาวัฒน์ จันทรกานตานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เคทีบี ลีสซิ่ง จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทจะมีการประชุมเพื่อพิจารณาทิศทางของดอกเบี้ยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ในวันพฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายนนี้ ภายหลังจากที่มีธนาคารบางแห่ง ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปแล้ว ซึ่งคงจะยังไม่สามารถกำหนดสัดส่วนที่ชัดเจนได้ โดยขณะนี้ดอกเบี้ยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์อยู่ระหว่าง 2.8-2.9% สินเชื่ออุปโภคบริโภคนั้นยังไม่มีนโยบายในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในขณะนี้ เนื่องจากปัจจุบันมีส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ย หรือ สเปรดยังสูงอยู่ที่ กว่า10% แต่หากเปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์ทั้งหมดสเปรดจะอยู่ที่ กว่า 5% โดยดอกเบี้ยสินเชื่ออุปโภค-บริโภคปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 0.99%ต่อเดือน ขณะที่ตลาดอยู่ที่ระดับ2-2.5% ต่อเดือน
สำหรับการดำเนินธุรกิจในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาบริษัทมียอดปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อใหม่อยู่ที่ 5.2-5.3 พันล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปีตั้งไว้ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท และ ณ สิ้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา มีกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 30 ล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปี 140 ล้านบาท จึงคาดว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมายอย่างแน่นอน พร้อมกันนั้น บริษัทยังได้มีการตั้งสำรองตามเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ที่ระดับ 50 ล้านบาท
ด้านหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)ของบริษัทปัจจุบันอยู่ที่ 1.6% เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีก่อนที่ 1.5% แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ โดยทั้งปีจะควบคุมให้อยู่ที่ไม่เกิน 2% โดยเอ็นพีแอลที่ปรับเพิ่มขึ้นนั้นมาจากปัญหาภายในซึ่งอยู่ในช่วงการแก้ไข แต่สัญญาณของตลาดโดยรวมไม่มีอะไรที่น่ากังวล ขณะที่บริษัทเองจะระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น และให้ความสำคัญกับความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้า รวมทั้งบริษัทยังเน้นลูกค้าที่มีรายได้ประจำเป็นหลัก
ส่วนนโยบายในการทำธุรกิจของบริษัทตั้งแต่เริ่มก่อตั้งจนถึงปัจจุบันยังดำเนินไปกับธนาคารกรุงไทยโดยตลอดทั้งการจัดโปรแกรมทำการตลาด ส่วนการขายสินค้าจะใช้สาขาของธนาคารในการขาย ซึ่งที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี จึงจะดำเนินงานในรูปแบบนี้ต่อไป รวมทั้งบริษัทมีแผนจะเปิดสาขาภายในปีนี้ให้ครบ 8 สาขา จากปัจจุบันมีอยู่ 3 สาขา และสิ้นเดือนมิถุนายนนี้จะเปิดสาขาที่ 4 โดยสาขาจะทำหน้าที่ในการประสานงาน แก้ไขปัญหาแทนสำนักงานใหญ่ ไม่ได้ทำหน้าที่ในการขาย โดยสาขาจะพนักงานประมาณ 5 คน และใช้งบลงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อสาขา
"ยอด 14-15 เดือนที่ผ่านมาสินเชื่อคอนซูมเมอร์เติบโตขึ้นทุกเดือน เพราะได้เริ่มทำตลาดเชิงรุกมากขึ้น ให้ลูกค้าได้รับรู้มากขึ้น โดยได้มีการทำแผนการตลาดร่วมกับแบงก์กรุงไทย มีการจัดกิจกรรมซึ่งการจัดกิจกรรมแต่ละครั้งมียอดขายเพิ่มขึ้น 5 เท่าตัว และหลังจัดงานจะมียอดขายเพิ่มขึ้นอีก 1 เท่าตัว ซึ่งภาพรวมของคอนซูมเมอร์ถือว่าโดดเด่น สามารถเดินต่อไปได้เพราะเป็นปัจจัยดำรงชีวิต"นายภิญญาวัฒน์กล่าว
สำหรับพอร์ตสินเชื่อคงค้างในปัจจุบันอยู่ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท เป็นพอร์ตเช่าซื้อรถยนต์ 30% แต่เป็นพอร์ตที่ทำกำไรต่ำสุด พอร์ตคอนซูมเมอร์อยู่ที่ 20-25% ซึ่งเป็นพอร์ตที่ทำกำไรสูงสุด ที่เหลือเป็นพอร์ตลูกค้าบริษัท โดยคาดว่าสิ้นปียอดสินเชื่อคงค้างจะอยู่ที่ 1.8-1.9 หมื่นล้านบาท