ผู้จัดการรายวัน-เอเปกมีมติให้สมาชิกเพิ่มอุปทานอาหารและอย่าจำกัดการส่งออก หวั่นวิกฤตอาหารลามทั่วโลก ไทยย้ำพร้อมเพิ่มกำลังการผลิตป้อน ขณะเดียวกันได้ออกแถลงการณ์ผลักดันการเจรจารอบโดฮาให้ได้ข้อสรุปภายในปีนี้ ส่วนการเจรจาเอฟทีเอเอเชีย-แปซิฟิกคืบ มอบการบ้านเจ้าหน้าที่ทำต่อ
นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ หัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปก ระหว่างวันที่ 31 พ.ค.-1 มิ.ย.ที่ผ่านมา เปิดเผยว่า ที่ประชุมรัฐมนตรีเอเปกได้แสดงความเป็นห่วงเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ด้านอาหาร เพราะผลจากการถีบตัวสูงขึ้นของราคาสินค้าอาหารในตลาดโลก ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมของภูมิภาค ดังนั้น เอเปกควรจะร่วมมือกันเพื่อเพิ่มอุปทานอาหารและไม่ควรออกมาตรการจำกัดการส่งออก เพราะจะทำให้สถานการณ์เลวร้ายไปกว่าเดิม
“ขณะนี้หลายๆ ประเทศกำลังเผชิญกับวิกฤตการณ์ด้านอาหารที่มีราคาสูงขึ้น ซึ่งเอเปกได้มีความเป็นห่วงในเรื่องนี้ ไม่อยากที่จะให้เกิดปัญหาลุกลาม จึงได้ขอความร่วมมือให้สมาชิกเอเปกเพิ่มกำลังการผลิต และอย่าหยุดส่งออก ซึ่งไทยในฐานะประเทศผู้ผลิตอาหารได้ยืนยันว่าจะทำการผลิตและส่งออกอย่างเต็มที่ และจนถึงขณะนี้ยังไม่มีนโยบายห้ามการส่งออกแต่อย่างใด”นายมิ่งขวัญกล่าว
นายมิ่งขวัญกล่าวว่า ในการประชุมครั้งนี้ เอเปกยังได้ออกแถลงการณ์แยกเรื่องการเจรจารอบโดฮา ภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) เพื่อแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองผลักดันให้การเจรจาสรุปผลภายในปลายปีนี้ เพราะเห็นว่าความสำเร็จของการเจรจารอบโดฮาจะเป็นปัจจัยสำคัญในการแก้ไขปัญหาวิกฤตการณ์ราคาอาหารในตลาดโลกที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย
ทั้งนี้ เอเปกได้รับแจ้งจากนายปาสคาล ลามี่ ผู้อำนวยการใหญ่ WTO ว่าล่าสุดการเจรจามีความคืบหน้ามาก มีการเสนอร่างเอกสารเกี่ยวกับการเปิดเสรีสินค้าเกษตร สินค้าอุตสาหกรรม กฎเกณฑ์และการค้าบริการออกมาแล้ว โดยจะมีการประชุมระดับรัฐมนตรี WTO เพื่อพิจารณารายละเอียดต่างๆ อีกครั้งในวันที่ 26 มิ.ย.นี้
ส่วนการรวมตัวทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดกันมากขึ้นในภูมิภาค โดยเฉพาะการจัดทำเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก (FTAAP) นั้น เอเปกได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่รายงานความคืบหน้าและขั้นตอนในการดำเนินงานของปี 2552 หลังจากที่ได้มีการศึกษาความเหมือนและความต่างของ FTA ที่สมาชิกเอเปกทำกับประเทศต่างๆ แล้ว เพื่อนำไปสู่การเจรจา FTAAP ในอนาคต และให้รายงานรัฐมนตรีการค้าเอเปกภายในปลายปีนี้
นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ หัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปก ระหว่างวันที่ 31 พ.ค.-1 มิ.ย.ที่ผ่านมา เปิดเผยว่า ที่ประชุมรัฐมนตรีเอเปกได้แสดงความเป็นห่วงเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ด้านอาหาร เพราะผลจากการถีบตัวสูงขึ้นของราคาสินค้าอาหารในตลาดโลก ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมของภูมิภาค ดังนั้น เอเปกควรจะร่วมมือกันเพื่อเพิ่มอุปทานอาหารและไม่ควรออกมาตรการจำกัดการส่งออก เพราะจะทำให้สถานการณ์เลวร้ายไปกว่าเดิม
“ขณะนี้หลายๆ ประเทศกำลังเผชิญกับวิกฤตการณ์ด้านอาหารที่มีราคาสูงขึ้น ซึ่งเอเปกได้มีความเป็นห่วงในเรื่องนี้ ไม่อยากที่จะให้เกิดปัญหาลุกลาม จึงได้ขอความร่วมมือให้สมาชิกเอเปกเพิ่มกำลังการผลิต และอย่าหยุดส่งออก ซึ่งไทยในฐานะประเทศผู้ผลิตอาหารได้ยืนยันว่าจะทำการผลิตและส่งออกอย่างเต็มที่ และจนถึงขณะนี้ยังไม่มีนโยบายห้ามการส่งออกแต่อย่างใด”นายมิ่งขวัญกล่าว
นายมิ่งขวัญกล่าวว่า ในการประชุมครั้งนี้ เอเปกยังได้ออกแถลงการณ์แยกเรื่องการเจรจารอบโดฮา ภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) เพื่อแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองผลักดันให้การเจรจาสรุปผลภายในปลายปีนี้ เพราะเห็นว่าความสำเร็จของการเจรจารอบโดฮาจะเป็นปัจจัยสำคัญในการแก้ไขปัญหาวิกฤตการณ์ราคาอาหารในตลาดโลกที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย
ทั้งนี้ เอเปกได้รับแจ้งจากนายปาสคาล ลามี่ ผู้อำนวยการใหญ่ WTO ว่าล่าสุดการเจรจามีความคืบหน้ามาก มีการเสนอร่างเอกสารเกี่ยวกับการเปิดเสรีสินค้าเกษตร สินค้าอุตสาหกรรม กฎเกณฑ์และการค้าบริการออกมาแล้ว โดยจะมีการประชุมระดับรัฐมนตรี WTO เพื่อพิจารณารายละเอียดต่างๆ อีกครั้งในวันที่ 26 มิ.ย.นี้
ส่วนการรวมตัวทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดกันมากขึ้นในภูมิภาค โดยเฉพาะการจัดทำเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก (FTAAP) นั้น เอเปกได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่รายงานความคืบหน้าและขั้นตอนในการดำเนินงานของปี 2552 หลังจากที่ได้มีการศึกษาความเหมือนและความต่างของ FTA ที่สมาชิกเอเปกทำกับประเทศต่างๆ แล้ว เพื่อนำไปสู่การเจรจา FTAAP ในอนาคต และให้รายงานรัฐมนตรีการค้าเอเปกภายในปลายปีนี้