ผู้จัดการรายวัน-“พาณิชย์”ลงพื้นที่ภาคอีสาน ติวเข้มเกษตรกรรับมือ และหาทางใช้ประโยชน์จากการเปิดการค้าเสรี 15-16 พ.ค.นี้
นางสาวชุติมา บุณยประภัศร อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ จะลงพื้นที่ไปยังจังหวัดกาฬสินธุ์ โดยมีเป้าหมายเพื่อเตรียมความพร้อม และสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับทิศทางของสินค้าเกษตร ให้กับเกษตรกรของไทย หลังจากที่ไทยได้มีการเจรจาสินค้าเกษตรภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) และข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) ซึ่งขณะนี้การเจรจาเปิดเสรีสินค้าเกษตรมีความคืบหน้าเร็วมาก จึงต้องนำความคืบหน้าที่เกิดขึ้นไปแจ้งให้กับเกษตรกร แจ้งความคืบหน้า และรับฟังความคิดเห็นเพื่อนำมาจัดทำท่าทีของไทยในการเจรจา
“ที่ผ่านมา กรมฯ ได้จัดกิจกรรมในลักษณะนี้มาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 จะจัดที่โรงแรมริมปาว จังหวัดกาฬสินธุ์ ในวันที่ 15-16 พ.ค.นี้ โดยเชิญเกษตรกรในพื้นที่ภาคอีสานมาร่วม ซึ่งแนวทางจะเป็นการจัดสัมมนาให้ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับสินค้าเกษตร สถานะการเจรจาสินค้าเกษตรภายใต้ WTO และ FTA ว่าเป็นอย่างไร กฎระเบียบส่งออกและนำเข้าเป็นอย่างไร มีการเปิดเสรีสินค้าอะไรบ้าง เกษตรกรต้องปรับตัว หรือจะใช้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรีได้อย่างไร”นางสาวชุติมากล่าว
ทั้งนี้ ในการจัดสัมมนาดังกล่าว ภายใต้หัวข้อ “การค้าสินค้าเกษตรไทย : โอกาสและความท้าทายในตลาดโลก” โดยจะมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสินค้าเกษตรสำคัญ เช่น ข้าว มันสำปะหลัง และผลไม้ และจะมีการแบ่งกลุ่มเพื่อค้นหาศักยภาพของสินค้าเกษตรกรออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 ข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าว มันสำปะหลัง กลุ่มที่ 2 ปศุสัตว์ (ไก่ /สุกร/ โคนม/ โคเนื้อ) กลุ่มที่ 3 ไหม และผัก ผลไม้
สำหรับสินค้าเกษตรเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญของไทย โดยมีสินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ ข้าว มันสำปะหลัง เนื้อไก่ ผักและผลไม้สด กระป๋องและแปรรูป เป็นต้น ที่ผ่านมาการค้าสินค้าเกษตรไปต่างประเทศ ประเทศคู่ค้าเกือบทุกประเทศจะมีมาตรการภาษี และมาตรการที่มิใช่ภาษี เป็นข้อจำกัดในการนำเข้าของแต่ละประเทศ ดังนั้น ประเทศต่างๆ จึงหันมารวมกลุ่มกันเพื่อเจรจาแก้ไขปัญหาทั้งในกรอบ WTO และ FTA ซึ่งไทยในฐานะผู้ส่งออก
นางสาวชุติมา บุณยประภัศร อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ จะลงพื้นที่ไปยังจังหวัดกาฬสินธุ์ โดยมีเป้าหมายเพื่อเตรียมความพร้อม และสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับทิศทางของสินค้าเกษตร ให้กับเกษตรกรของไทย หลังจากที่ไทยได้มีการเจรจาสินค้าเกษตรภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) และข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) ซึ่งขณะนี้การเจรจาเปิดเสรีสินค้าเกษตรมีความคืบหน้าเร็วมาก จึงต้องนำความคืบหน้าที่เกิดขึ้นไปแจ้งให้กับเกษตรกร แจ้งความคืบหน้า และรับฟังความคิดเห็นเพื่อนำมาจัดทำท่าทีของไทยในการเจรจา
“ที่ผ่านมา กรมฯ ได้จัดกิจกรรมในลักษณะนี้มาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 จะจัดที่โรงแรมริมปาว จังหวัดกาฬสินธุ์ ในวันที่ 15-16 พ.ค.นี้ โดยเชิญเกษตรกรในพื้นที่ภาคอีสานมาร่วม ซึ่งแนวทางจะเป็นการจัดสัมมนาให้ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับสินค้าเกษตร สถานะการเจรจาสินค้าเกษตรภายใต้ WTO และ FTA ว่าเป็นอย่างไร กฎระเบียบส่งออกและนำเข้าเป็นอย่างไร มีการเปิดเสรีสินค้าอะไรบ้าง เกษตรกรต้องปรับตัว หรือจะใช้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรีได้อย่างไร”นางสาวชุติมากล่าว
ทั้งนี้ ในการจัดสัมมนาดังกล่าว ภายใต้หัวข้อ “การค้าสินค้าเกษตรไทย : โอกาสและความท้าทายในตลาดโลก” โดยจะมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสินค้าเกษตรสำคัญ เช่น ข้าว มันสำปะหลัง และผลไม้ และจะมีการแบ่งกลุ่มเพื่อค้นหาศักยภาพของสินค้าเกษตรกรออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 ข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าว มันสำปะหลัง กลุ่มที่ 2 ปศุสัตว์ (ไก่ /สุกร/ โคนม/ โคเนื้อ) กลุ่มที่ 3 ไหม และผัก ผลไม้
สำหรับสินค้าเกษตรเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญของไทย โดยมีสินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ ข้าว มันสำปะหลัง เนื้อไก่ ผักและผลไม้สด กระป๋องและแปรรูป เป็นต้น ที่ผ่านมาการค้าสินค้าเกษตรไปต่างประเทศ ประเทศคู่ค้าเกือบทุกประเทศจะมีมาตรการภาษี และมาตรการที่มิใช่ภาษี เป็นข้อจำกัดในการนำเข้าของแต่ละประเทศ ดังนั้น ประเทศต่างๆ จึงหันมารวมกลุ่มกันเพื่อเจรจาแก้ไขปัญหาทั้งในกรอบ WTO และ FTA ซึ่งไทยในฐานะผู้ส่งออก