"เฮียตือ" ทำหนังสือแจงครม. ย้ำคำพูดให้ต่างชาติเข้ามาทำนา เหมือนขายชาติ ยกกฎหมายสารพัดมาอ้างอิง ยืนกรานไม่สนับสนุนคนต่างด้าวทำนา
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า วานนี้ (3 มิ.ย.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ชี้แจงต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงข่าวกรณีการให้ชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนเพื่อ ทำนาปลูกข้าวในประเทศไทย
โดยเนื้อหาระบุว่า ตามที่สื่อมวลชนได้เสนอข่าวเกี่ยวกับกรณีมีกลุ่มนักธุรกิจซาอุดิอาระเบีย สนใจที่จะมาร่วมลงทุนทำนาในประเทศไทย และส่งผลผลิตออกไปยังประเทศของตน เพราะเล็งเห็นถึงรายได้ที่จะเกิดขึ้น โดยเห็นว่าถ้ามีการจัดการอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การผลิตจนถึงการส่งออก การลงทุนจะคุ้มค่า และเนื้อหาในข่าวระบุว่า ขณะนี้ได้มีการตั้ง บริษัทรวมใจชาวนาขึ้นมา โดยมีนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกข้าว และเกษตรกร ร่วมเป็นกรรมการ
จุดประสงค์ก็เพื่อรับจ้างทำนาทั่วประเทศ ในฐานะผู้มีประสบการณ์ คิดค่าจ้าง 1 ไร่ 5,000 บาท และบริษัทรวมใจชาวนานี้ จะทำงานรองรับการเข้ามาลงทุนของนักธุรกิจชาวซาอุดิอาระเบียด้วย ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า"ไม่เห็นด้วยนั้น"
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้ทำหนังสือ ชี้แจงแนวคิดและเหตุผลของตนเองว่า สภาพปัญหา เป็นที่ทราบกันดีว่า ปัจจุบันประเทศต่างๆ ได้มองเห็นถึงปัญหาวิกฤตอาหารและพลังงาน นักธุรกิจชาวต่างชาติจึงหันมาสนใจการลงทุนสินค้าภาคเกษตรมากขึ้น โดยเฉพาะข้าวของประเทศไทย ซึ่งเป็นสินค้าเกษตรที่มีชื่อเสียง และเป็นสินค้าที่ส่งออกได้เป็นอันดับหนึ่งของโลก และจะเป็นสินค้าที่มีราคาสูงขึ้นในอนาคต ประกอบกับต่างประเทศไม่มีศักยภาพด้านภูมิศาสตร์เพียงพอที่จะปลูกข้าวได้
"การให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนเพื่อทำนาปลูกข้าวและส่งผลผลิตออกไปยังประเทศของตน เป็นนโยบายที่เป็นอันตรายต่อชาติ และกระทบต่อวัฒนธรรม รวมทั้งวิถีชีวิตของชาวนาไทย อีกทั้งเป็นการต้องห้ามตามกฎหมาย"
ทั้งนี้ ได้ระบุข้อกฎหมาย ดังต่อไปนี้ 1.พระราชบัญญัติประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มาตรา 8 ภายใต้บังคับมาตรา 6 มาตรา 7 มาตรา 10 และมาตรา 12 (1) ห้ามมิให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจที่ไม่อาจอนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบกิจการด้วย เหตุผลพิเศษตามที่กำหนดไว้ในบัญชีหนึ่ง
2.บัญชีหนึ่งท้ายพระราชบัญญัติ กำหนดดังนี้ ธุรกิจที่ไม่อนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบกิจการด้วยเหตุผลพิเศษ (มาตรา 6 มาตรา 7 บัญญัติเกี่ยวกับคุณสมบัติของตัวบุคคลที่เป็นคนต่างด้าว มาตรา 10 บัญญัติเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวที่ต้องได้รับอนุญาตจากรัฐบาลไทย หรือ โดยสนธิสัญญาที่ประเทศไทยเป็นภาคี หรือมีความผูกพันตามพันธกรณี มาตรา 12 บัญญัติเกี่ยวกับธุรกิจของคนต่างด้าวซึ่งได้รับการส่งเสริมการลงทุนตามกฎหมาย และตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัติที่นอกเหนือจากบัญชีหนึ่ง)
ขณะเดียวกันบทกำหนดโทษ ตามพระราชบัญญัติประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มาตรา 36 ผู้มีสัญชาติไทยหรือนิติบุคคลที่มิใช่คนต่างด้าวตามพระราขบัญญัตินี้ ให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุนหรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว อันเป็นธุรกิจที่กำหนดไว้ในบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ โดยคนต่างด้าวนั้น มิได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจดังกล่าว หรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว โดยแสดงออกว่าเป็นธุรกิจของตนแต่ผู้เดียว หรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าวในห้างหุ้นส่วน หรือบริษัท หรือนิติบุคคลใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือ ฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ รวมทั้งคนต่างด้าวซึ่งยินยอมให้ผู้มีสัญชาติไทยหรือนิติบุคคลที่มิใช่คนต่างด้าวตาม พระราชบัญญัตินี้กระทำการดังกล่าว ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ...ฯลฯ...
มาตรา 37 คนต่างด้าวผู้ใดประกอบธุรกิจโดยฝ่าฝืน ...ฯลฯ... มาตรา 8 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ...ฯลฯ
ซึ่งแนวคิดเกี่ยวกับการให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนทำนาปลูกข้าวในประเทศไทย จะก่อให้เกิดผลกระทบบต่อวัฒนธรรม และวิถีชีวิตในการประกอบอาชีพทำนาของชาวนาไทย รวมทั้งยังเป็นการต้องห้ามตามพระราชบัญญัติข้างต้น จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไม่อาจเห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว และจำเป็นต้องชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนรวมทั้งผู้เกี่ยวข้อง
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า วานนี้ (3 มิ.ย.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ชี้แจงต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงข่าวกรณีการให้ชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนเพื่อ ทำนาปลูกข้าวในประเทศไทย
โดยเนื้อหาระบุว่า ตามที่สื่อมวลชนได้เสนอข่าวเกี่ยวกับกรณีมีกลุ่มนักธุรกิจซาอุดิอาระเบีย สนใจที่จะมาร่วมลงทุนทำนาในประเทศไทย และส่งผลผลิตออกไปยังประเทศของตน เพราะเล็งเห็นถึงรายได้ที่จะเกิดขึ้น โดยเห็นว่าถ้ามีการจัดการอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การผลิตจนถึงการส่งออก การลงทุนจะคุ้มค่า และเนื้อหาในข่าวระบุว่า ขณะนี้ได้มีการตั้ง บริษัทรวมใจชาวนาขึ้นมา โดยมีนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกข้าว และเกษตรกร ร่วมเป็นกรรมการ
จุดประสงค์ก็เพื่อรับจ้างทำนาทั่วประเทศ ในฐานะผู้มีประสบการณ์ คิดค่าจ้าง 1 ไร่ 5,000 บาท และบริษัทรวมใจชาวนานี้ จะทำงานรองรับการเข้ามาลงทุนของนักธุรกิจชาวซาอุดิอาระเบียด้วย ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า"ไม่เห็นด้วยนั้น"
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้ทำหนังสือ ชี้แจงแนวคิดและเหตุผลของตนเองว่า สภาพปัญหา เป็นที่ทราบกันดีว่า ปัจจุบันประเทศต่างๆ ได้มองเห็นถึงปัญหาวิกฤตอาหารและพลังงาน นักธุรกิจชาวต่างชาติจึงหันมาสนใจการลงทุนสินค้าภาคเกษตรมากขึ้น โดยเฉพาะข้าวของประเทศไทย ซึ่งเป็นสินค้าเกษตรที่มีชื่อเสียง และเป็นสินค้าที่ส่งออกได้เป็นอันดับหนึ่งของโลก และจะเป็นสินค้าที่มีราคาสูงขึ้นในอนาคต ประกอบกับต่างประเทศไม่มีศักยภาพด้านภูมิศาสตร์เพียงพอที่จะปลูกข้าวได้
"การให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนเพื่อทำนาปลูกข้าวและส่งผลผลิตออกไปยังประเทศของตน เป็นนโยบายที่เป็นอันตรายต่อชาติ และกระทบต่อวัฒนธรรม รวมทั้งวิถีชีวิตของชาวนาไทย อีกทั้งเป็นการต้องห้ามตามกฎหมาย"
ทั้งนี้ ได้ระบุข้อกฎหมาย ดังต่อไปนี้ 1.พระราชบัญญัติประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มาตรา 8 ภายใต้บังคับมาตรา 6 มาตรา 7 มาตรา 10 และมาตรา 12 (1) ห้ามมิให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจที่ไม่อาจอนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบกิจการด้วย เหตุผลพิเศษตามที่กำหนดไว้ในบัญชีหนึ่ง
2.บัญชีหนึ่งท้ายพระราชบัญญัติ กำหนดดังนี้ ธุรกิจที่ไม่อนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบกิจการด้วยเหตุผลพิเศษ (มาตรา 6 มาตรา 7 บัญญัติเกี่ยวกับคุณสมบัติของตัวบุคคลที่เป็นคนต่างด้าว มาตรา 10 บัญญัติเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวที่ต้องได้รับอนุญาตจากรัฐบาลไทย หรือ โดยสนธิสัญญาที่ประเทศไทยเป็นภาคี หรือมีความผูกพันตามพันธกรณี มาตรา 12 บัญญัติเกี่ยวกับธุรกิจของคนต่างด้าวซึ่งได้รับการส่งเสริมการลงทุนตามกฎหมาย และตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัติที่นอกเหนือจากบัญชีหนึ่ง)
ขณะเดียวกันบทกำหนดโทษ ตามพระราชบัญญัติประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มาตรา 36 ผู้มีสัญชาติไทยหรือนิติบุคคลที่มิใช่คนต่างด้าวตามพระราขบัญญัตินี้ ให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุนหรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว อันเป็นธุรกิจที่กำหนดไว้ในบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ โดยคนต่างด้าวนั้น มิได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจดังกล่าว หรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว โดยแสดงออกว่าเป็นธุรกิจของตนแต่ผู้เดียว หรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าวในห้างหุ้นส่วน หรือบริษัท หรือนิติบุคคลใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือ ฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ รวมทั้งคนต่างด้าวซึ่งยินยอมให้ผู้มีสัญชาติไทยหรือนิติบุคคลที่มิใช่คนต่างด้าวตาม พระราชบัญญัตินี้กระทำการดังกล่าว ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ...ฯลฯ...
มาตรา 37 คนต่างด้าวผู้ใดประกอบธุรกิจโดยฝ่าฝืน ...ฯลฯ... มาตรา 8 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ...ฯลฯ
ซึ่งแนวคิดเกี่ยวกับการให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนทำนาปลูกข้าวในประเทศไทย จะก่อให้เกิดผลกระทบบต่อวัฒนธรรม และวิถีชีวิตในการประกอบอาชีพทำนาของชาวนาไทย รวมทั้งยังเป็นการต้องห้ามตามพระราชบัญญัติข้างต้น จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไม่อาจเห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว และจำเป็นต้องชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนรวมทั้งผู้เกี่ยวข้อง