xs
xsm
sm
md
lg

สมัครฉุนครหาทำประชามติซัด18อรหันต์สื่อจ้องล้ม-ปชป.ตั้งสุเทพสกัด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวในรายการ สนทนาประสาสมัคร ว่าเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเมื่อ ส.ส.ได้ยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าสู่รัฐสภา แล้วมีการปลุกระดมจะล่อกัน ตนในฐานะรัฐบาลก็ต้องดำเนินการ เมื่อทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) บอกว่ายังไม่มีกฎหมายทำประชามติ ตนก็บอกว่าจะออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.)
“กฎหมายประชามติผมจำได้ว่าเคยมี กำลังให้เขาดูว่ามีหรือไม่ ถ้าไม่มี ก็ออกพระราชกำหนด ไม่มีปัญหาครับ ออก พ.ร.ก.ไม่ใช่เพื่อการเลือกตั้ง เป็นเรื่องแก้ หรือไม่แก้รัฐธรรมนูญ ไม่เกี่ยวกับเรื่องอื่นลงประชามติอย่างเดียวว่าจะแก้หรือไม่เท่านั้นจะได้แบ่งฝ่ายกันเลย ถ้าบอกว่าไม่แก้ก็ไม่ต้องแตะต้อง ทิ้งไว้อย่างนั้น ถ้าบอกว่าแก้ก็แก้ ผมให้เวลา 45 วัน เพื่ออรณรงค์กันเลย ใครจะบอกเลว ดีอย่างไง ทำไมถึงจะต้องแก้ ไปรณรงค์กัน ต่างคนต่างก็สู้กันเลยครับทางความผิด แล้วชวนประชาชนไปโหวตว่าแก้หรือไม่แก้ ถ้าเขาบอกว่าแก้ จะแก้อย่างไงก็ต้องมาว่ากันอีกที”
นายสมัคร กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะอยู่ที่คนแก้ว่าจะวินิจฉัยอย่างไร ซึ่งถูกต้องตามกฎหมาย เพราะคนที่แก้มาจากการเลือกตั้ง และแต่งตั้งทั้งหมด 150 บวก 480 ซึ่งมีการกำหนดไว้แล้วว่าจะแก้อย่างไร ใครจะวิจารณ์ว่าแก้ได้หรือไม่ได้ อย่างไรก็ช่าง
“ตอนผมอยู่มินิลา ประเทศฟิลิปปิน์ เขาโทรศัพท์ไปบอกกับผมว่ารัฐบาลไปก้าวก่ายสภา ที่จะทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะสภายื่นญัตติแล้ว เอาเถอะว่ากันไป สภาฯเขาไม่มีสตางค์จัดทำประชามติ รัฐบาลจึงดำเนินการ เข้าใจเรื่องแล้วก็ปล่อยตามสภาพ ให้เดินหน้าไปตามธรรมชาติ”
นายสมัคร กล่าวว่าการเคลื่อนไหวของพรรคประชาธิปัตย์เขาก็โดนด่ารุนแรง ว่าพรรคประชาธิปัตย์ออกอะไรฉบับที่ 1 ไปว่ากล่าวคนที่ยื่นญัตติว่าเป็นคนเลว ทรามต่ำช้าขนาดจะทำให้บ้านเมืองเสียหาย แต่พอเขาฉีกรัฐธรรมนูญทั้งฉบับไปมุดหัวอยู่ไหน ไม่มีใครมาพูดจาว่ากล่าวเลย เห็นไปยืนเอามือกุมๆ อยู่กับเขา แล้วทีคราวนี้ เขาจะปรับแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นสิทธิของเขา ยังไม่ทันจะอะไรกันเลย ก็ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 1 อย่างกับคณะปฏิวัติ อ่านถ้อยคำแล้ว ตนขอบอกว่า พรรคการเมืองนี้เป็นเอามาก เมื่อก่อนบอกต้องแก้ เดี๋ยวนี้บอกไม่แก้แล้ว จะแก้หรือไม่แก้บอกให้ชัดเลย ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงท้ายของรายการเป็นช่วงตอบคำถามจากทางบ้าน ซึ่งทีมงานของกรมประชาสัมพันธ์และสำนักนายกรัฐมนตรีจะเป็นคนเลือกคำถาม ส่งให้กับนายสมัคร อ่านออกอากาศ โดยคำถามหนึ่งถามว่า พวกนักข่าวที่ชอบให้ร้าย คนอื่นควรจะมีบทลงโทษมากกว่านี้ โดยเฉพาะคนที่สร้างความเสียหายกับประเทศชาติ ควรมีโทษให้หนัก นายสมัครได้ทีตอบออกไปว่า เอาละครับ จะนักข่าวไม่นักข่าวไม่ทราบหรอก การนำเสนอประกอบด้วยหลายคน ไปโทษนักข่าว นักข่าวก็เอาข่าวไป คนที่เขาทำข่าว เขาก็มีรีไร้ท์เตอร์(Re writer) เขามีหัวหน้าข่าว ยังมีคอลัมน์นิสต์ ยังมีเจ้าของหนังสือพิมพ์อีก
“และยังมีขบวนการอีกเขาเรียกขบวนการ 18 อรหันต์ ถ้าเผื่อใครไม่ชอบรัฐบาล ต้องการจะทำลายล้างรัฐบาล 18 อรหันต์ช่วยจัดการเลยครับ ไอ้หัวโจก 18 อรหันต์ก็มีชื่อออกอยู่ครับ รายการที่ผมโดนเข้าไปนี่ ที่ผมโดนชิมไปบ่นไป ก็แบบนี้ครับ ยังไม่พอครับ กินไปบ่นไป ทาง กกต. ก็รับพิจารณาว่าพอฟังความ ยังจะพยายามอีกครับ มีคนพยายามจะหาเหตุหาโน่นหาอะไรต่ออะไรอีก คือจะเอาออกให้ได้ครับเจตนา 18 อรหันต์นี่ละครับเป็นคนช่วยจัดการ ขบวนการนี้ยังอยู่ครับเพียงแต่แก่ไปหน่อยเท่านั้นเอง เห็นหน้าทางโทรทัศน์หน้าตาแก่ขึ้น”
จากนั้นยังมีคำถามถามเข้ามาว่ารายการวิทยุชุมชน 92.25(วิทยุชุมชนคนรักประชาธิปไตย) เครื่องส่งแรงมาก รบกวนคลื่นอื่น จะจัดการอย่างไร นายสมัคร ตอบว่า ตนว่าบ้านเมืองไม่เป็นธรรม ตนจะบอกใครรับผิดชอบ กสช. ช่วยดูหน่อย วิทยุเถื่อนทำผิดกฎหมาย ออกแรงได้ 92.5 ครอบคลุมหมด แต่ 92.75 ร้องทุกข์ ไปตรงโน้นก็ฟังไม่ได้ ไปตรงนี้ก็ฟังไม่ได้ คนสุจริตคนทำตรงไปตรงมาถูกคนเถื่อนมันทับ แล้วอย่างไรกันตกลงอย่างไร ตนก็ถามตรง ใครรับผิดชอบตรงนี้ช่วยดูหน่อยเถอะ
“ผมสงสารวิทยุแท็กซี่ ต้องช่วยเขา ต้องจัดการ เขาเจตนาดีกับบ้านเมืองนะครับ แต่รับไม่ได้ น่าสงสารครับ น่าสงสาร รับบริจาคจากผู้คนผู้ฟัง หาสตางค์อะไรไม่ได้ ส่วนไอ้บ้านั่นไม่รู้เอาสตางค์มาจากไหน 92.25 น่ะ เล่นโครม ๆ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวิทยุแท็กซี่ที่นายสมัครกล่าวถึงด้วยความสงสารหมายถึง คลื่นเอฟเอ็ม 92.75 วิทยุชุมชนคนรักแท็กซี่ ที่มี นายชินวัฒน์ หาบุญพาด อดีตแกนนำนปก. เป็นเจ้าของสถานี และเป็นเครือข่ายสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้ยกระดับการต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ให้เป็นเรื่องหลัก เทียบเท่ากับการคว่ำบาตรการเลือกตั้ง พ.ศ. 2549 และต่อสู้คดียุบพรรค โดยพรรค มีมติตั้งคณะทำงานยุทธศาสตร์เพื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธาน และตั้งคณะทำงานศึกษาข้อมูล ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ให้นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.สัดส่วนพรรค เป็นประธาน และ ส.ส.ของพรรคทั้ง 164 คน ผนึกกำลังต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เบื้องต้นได้ยกเลิกการสัมมนาส.ส.ของพรรคที่จะจัดปลายเดือนมิ.ย.นี้
นายเทพไท กล่าวด้วยว่าส่วนที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีระบุว่าจะใช้เงิน 2,000 ล้านบาท ทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญ โดยอ้างว่าซื้อความแตกแยก และป้องกันการรัฐประหารได้ ซึ่งพรรคเห็นว่าการป้องกันรัฐประหารไม่จำเป็นต้องใช้เงินถึง 2,000 ล้านบาท แต่ทำได้โดย 1. ถอนร่างรัฐธรรมนูญ 2. แก้ปัญหาเศรษฐกิจ และ 3.จัดการบุคคลที่จาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง “
“หากรัฐบาลเคยชินกับการใช้เงินและคิดว่าเงินสามารถซื้อทุกอย่างได้ ผมก็คิดว่ารัฐบาลใช้เงิน 2,000 ล้านบาท เพื่อเอาทรัพย์สินที่ถูกอายัดจำนวน 70,000 ล้านบาทคืน เป็นการใช้กุ้งฝอยตกปลากะพง”
นายเทพไท กล่าวย้ำว่าพรรคประชาธิปัตย์พร้อมที่จะเคลื่อนไหวในกรอบกติกา และต่อสู้เคียงบ่าเคียงใหล่กับองค์กรประชาชนที่มีแนวความคิดต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เบื้องต้นพรรคสนับสนุนที่จะให้สมาชิกพรรคเข้าร่วมในกิจกรรม ด้านวิชาการของกลุ่มต่างๆ และจะไม่ปิดกั้นส.ส.ในการเข้าร่วมการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ส่วนแนวทางการเคลื่อนไหวของพรรคประชาธิปัตย์นายเทพไท กล่าวว่า จะอยู่ในขอบเขตของนักการเมืองในสภา เช่นการต่อสู่ในรัฐสภา หากร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ บรรจุระเบียบวาระที่ประชุม ส.ส.จะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ อย่าไรก็ตาม ก็ต้องรอผลหารือของคณะทำงานอีกครั้งหนึ่ง
ด้านนาสาธิต ปิตุเตชะ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เบื้องต้นจะทำเอกสาร และจัดปราศรัยทำความเข้าใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญกับประชาชน ในแต่ละพื้นที่ ส่วนจะเริ่มดำเนินการเมื่อใดนั้นต้องรอผลการหารือในที่ประชุมพรรค

++++++++++++

นายกฯอ้างเขาทะเลาะกันแม้วเลยซวย

ผู้จัดการรายวัน – “สมัคร” เล่นบทป้อง “แม้ว” ยันนักลงทุนซาอุฯแค่ดูวิธีปลูกข้าว อ้างที่เกิดเรื่องเพราะเขาไม่ถูกกัน “ทักษิณ” ไปยุ่งกับทางหนึ่งเลยเป็นเรื่อง ถูกกล่าวหาขายชาต “ธีระชัย” เตือน “สมศักดิ์” เป็น รมต.ต้องรอบคอบ อย่าปากไว้ เตรียมนำถกใน ครม. อังคารนี้ ปชป. ระบุชวนนักลงทุนต่างชาติทำนา เป็นแนวคิดอันตราย หวั่นซ้ำร้อยไทยคม

จากกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นำนักธุรกิจซาอุดิอารเบีย ไปพบ นายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรคชาติไทยที่จ.สุพรรณบุรี เพื่อดูวิธีการทำนา หลังจากนั้น นายประภัตร ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าจะตั้งบริษัทร่วมกับนักธุรกิจซาอุดิอาระเบีย เพื่อทำนาและจ้างชาวนาทำไร้ละ 5 พันบาทจนถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก โดยเฉพาะ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.เกษตรและสหกรณ์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทยที่ระบุว่าแนวทางนี้เป็นการขายชาติ จนถูกตอบโต้กลับจาก รมช.เกษตรและสหกรณ์ และ ส.ส.พรรคพลังประชาชน โดยอ้างว่า พ.ต.ท.ทักษิณ นำนักธุรกิจไปดูการทำนาก่อนตัดสินใจซื้อข้าวจากไทย ซึ่งในที่สุด นายสมศักดิ์ ได้ออกมาขอโทษที่ใช้คำรุนแรงกับ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยระบุว่าเป็นการเข้าใจผิด
ล่าสุด นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวในรายการ สนทนาประสาสมัครว่า ตนสงสัยว่าตามข่าวทำไมไปถึงขนาดนั้นกล่าวหาถึงขนาดขายชาติ แต่ถึงอย่างไรตอนนี้ก็เข้าใจกันดีแล้ว
นายสมัคร ชี้แจงว่า เรื่องนี้ มีอดีตนายกรัฐมนตรี (พ.ต.ท.ทักษิณ) พาคนต่างชาติไปดูการทำนา ที่โรงเรียนสอนการทำนาที่สุพรรณบุรี เขาบอกว่ามีเจตนา เพื่อจะเปิดการขายข้าวทางตะวันออกกลาง แต่ข่าวออกมากลายเป็นว่าพรรคการเมือง เขาไม่ถูกกัน อดีตนายกฯไปยุ่งกับทางนี้เขา แล้วไปไกลถึงขนาดว่าจะมาซื้อที่ดินปลูกข้าวทำข้าวเป็นอุตสาหกรรม เลยไปกันใหญ่ ถึงขนาดกล่าวกันว่าเป็นคนจะขายชาติกันเลย ข่าวก็ชั่วค่ำชั่วคืน เช้าออกมาก็ตกลงเป็นที่เข้าใจกันดีว่าไม่ใช่ เขาก็ยืนยัน
“นี่ละครับขอให้ดูว่าการเสพข่าวในสมัยนี้เป็นอย่างไร เจตนาเขาก็ทำแค่นั้นเอง จะทำยังไงได้ครับ ผมไม่อยากจะพูดอธิบายมาก เดี๋ยวบอกเป็นทนายอีกแล้ว เรื่องมันเท่านี้เอง คนที่อยากจะซื้อข้าวเขาก็อยากจะดู และมีโรงเรียนสอนการปลูกข้าว เขาไม่ได้ปิดบัง คนหน้าตาพวกนั้นก็ไม่น่าจะมาทำนาเลย เขาก็มาดู ข่าวออกมา ไปร้ายกาจถึงขนาดว่าอดีตนายกรัฐมนตรีเป็นคนขายชาติ ด่ากันขนาดนั้นเลยครับ นี่ก็เคราะห์ดีนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ท่านออกมาจัดการ ท่านบอกท่านเข้าใจทุกอย่าง ถึงได้เรียบร้อยไป ผมได้ยินตอนตอบคำถาม เพราะว่าผมรู้คำตอบ” นายสมัคร กล่าวอธิบายแทนอดีตนายกฯ
นายธีระชัย แสนแก้ว รมว.เกษตรและสหกรณ์ จากพรรคพลังประชาชนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พานักธุรกิจชาวซาอุดิฯไปดูการทำนาที่จ.สุพรรณบุรี เป็นเจตนาดีที่ต้องการให้ได้เห็นขั้นตอนการผลิตข้าวของไทย เพื่อให้มั่นใจก่อนจะสั่งซื้อข้าวจากไทย เนื่องจากจะมีการเปิดตลาดข้าวทางตะวันออกกลาง ทำให้ชาวนาไทยได้ประโยชน์
นายธีระชัย กล่าวว่าการที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชนออกมาตอบโต้ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่กล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ขายชาติว่า จะไม่นำไปสู่ความขัดแย้ง การทำงานในพรรคร่วมรัฐบาล รวมทั้งการทำงานในกระทรวงเกษตรฯ เพราะเป็นความเข้าใจผิด ซึ่งนายสมศักดิ์ ก็ออกมาขอโทษแล้ว ตนและ ส.ส.พรรคพลังประชาชนก็จบ ไม่มีอะไรในใจอีก แต่อยากจะเตือนนายสมศักดิ์ว่า ในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีการจะออกมาพูดอะไรควรจะตรวจสอบข้อเท็จจริงและพูดคุยกันภายในก่อน ไม่ใช่ฟังข้าราชการแล้วออกมาพูด เป็นเหมือนกระต่ายตื่นตูม ที่สำคัญอย่ามองทุกเรื่อง เป็นประเด็นการเมืองไปหมด เพราะการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปพบกับ นายประพัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรคชาติไทย ก็เป็นไปในฐานะเพื่อน ไม่มีนัยยะแอบแฝงทั้งสิ้น ตนยังไม่ได้พูดคุยเรื่องนี้กับนายสมศักดิ์ แต่การประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารนี้ ผมจะหยิบยกเรื่องนี้หารือเพื่อให้เกิดความเข้าใจ ซึ่งวันนั้นจะได้มีการทำความเข้าใจกัน
“ผมยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ทำทุกอย่างเพื่อชาติ ไม่มีแนวคิดอื่นแอบแฝง และขอฝากไปยังเครือข่ายชาวนาและเกษตรกรทั่วไปว่าไม่ต้องกังวล รับรองไม่เกิดเรื่อง แบบนี้ขึ้นแน่นอน หากเป็นอย่างที่นายสมศักดิ์พูดจริงๆ ผมคนหนึ่งที่จะไม่ยอม ให้เกิดขึ้น ในฐานะที่ดูแลกระทรวงเกษตรฯ ผมจะเดินหน้าแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกร อย่างเต็มที่”
นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวเรียกร้องให้รัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลแสดงจุดยืนต่อพฤติกรรมของพ.ต.ท.ทักษิณ เคลื่อนไหว เชิญชวนให้กลุ่มนักลงทุนจากต่างประเทศ ตั้งบริษัทนอมินีเพื่อทำนาปลูกข้าว เนื่องจาก พฤติกรรมของพ.ต.ท.ทักษิณเป็นการดำเนินการที่ขัดต่อกฎหมาย คุ้มครองอาชีพชาวนาไทย ทำลายศักยภาพที่ชาวนาไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออกข้าวที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์จะทำการคัดค้ายอย่างเต็มที่เบื้องต้นจะให้ส.ส.ของพรรคติดตาม ตรวจสอบ และเฝ้าระวัง การเคลื่อนไหวใดๆ ในพื้นที่
“ท่าทีที่ให้นักลงทุนชาวต่างชาติมาลงทุนทำนาปลูกข้าว ถือเป็นแนวความคิด ที่อันตราย ซึ่งคงไม่ใช่แค่เรื่องของการปลูกข้าว แต่ยังมีเรื่องของพลังงานทดแทน อาทิ มันสำปะหลัง อ้อย ที่ขณะนี้มีการเคลื่อนไหวอย่างลับๆ”
นายอลงกรณ์ กล่าวด้วยว่า ตนอยากเตือน พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วยว่าการเคลื่อนไหว ที่เป็นการชักจูงนักลงทุนจากต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศ โดยเฉพาะเรื่องการเกษตร สะท้อนได้ถึงแนวคิดที่เป็นอันตรายต่อชาวนา ต้องระวัง เนื่องจาก การเคลื่อนไหวดังกล่าวก็ไม่ได้มีความแตกต่างไปจากการขายสัมปทานดาวเทียมของไทยคมให้กับต่างประเทศ และนำมาสู่วิกฤตในประเทศในที่สุด ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณควรให้เกียรติรัฐมนตรีในรัฐบาลที่มีหน้าที่ดูแลและเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น