บีลิงค์ลดความเสี่ยง ปรับหางเสือ พุ่งจับรายการฟรีทีวี เปิดแหล่งขุมทรัพย์ใหม่ หวังมัดใจฐานลูกค้าเพิ่ม ตั้งเป้าผุด 3 รายการ ป้อนช่อง 9 ภายในสิ้นปีนี้ ตอกย้ำผู้นำรายการรอบรั้วมหาวิทยาลัย ล่าสุดประเดิมรายการ "มหาวิทยาลัย พลาซ่า" กว่า 2 เดือน เชื่อลูกค้าหันซื้อโฆษณามากขึ้น เหตุได้ 2 ทางทั้งยูชาแนลและฟรีทีวี สิ้นปีรายได้โตแน่ 10-15%
นายกฤษณะ ถนอมทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีลิงค์ มีเดีย จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจด้านสื่อเอาท์ ออฟ โฮม มีเดีย ผู้ผลิตสถานีโทรทัศน์ภายในมหาวิทยาลัย ในชื่อ U Channel เปิดเผยกับ "ผู้จัดการรายวัน" ว่า ทางบริษัทฯกำลังพยายามดำเนินธุรกิจในรูปแบบที่มีการบริหารจัดการความเสี่ยงมากยิ่งขึ้น บวกกับการที่บริษัทฯถือเป็นผู้นำทางด้านรายการเกี่ยวกับนักศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัย จึงต้องการที่จะนำเอาความรู้ความสามารถที่มีอยู่ ผลิตรายการผ่านฟรีทีวีเพื่อเพิ่มฐานผู้ชมมากยิ่งขึ้น บวกกับเป็นการสร้างช่องทางใหม่ๆเพื่อสร้างรายได้อีกทางหนึ่ง
ดังนั้นบริษัทฯจึงมีแผนที่จะผลิตรายการผ่านฟรีทีวีในปีนี้ 3 รายการ ซึ่งถือเป็นรายการใหม่ทั้งหมด ที่ยังคงมีเนื้อหาสาระเกี่ยวข้องกับนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยต่างๆ โดยรายการที่ผลิตครั้งนี้ จะเป็นรายการใหม่ทั้งหมด และจะนำมารีรันออกอากาศซ้ำผ่านทาง U Channel ล่าสุดได้ผลิตรายการออกอากาศผ่านทางช่อง 9 โมเดิร์นไนน์แล้ว 1 รายการ คือ "มหาวิทยาลัยพลาซ่า" ที่เริ่มออกอากาศมาได้ตั้งแต่ช่วงเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ทุกคืนวันอาทิตย์ เวลา 23.00-23.30น.โดยมีรูปแบบรายการเป็นลักษณะของวาไรตี้ซิทคอม
ทั้งนี้บริษัทฯยังมีการลงทุนที่คาดว่าจะใช้งบประมาณ 7-8 ล้านบาท สำหรับสร้างสตูดิโอ รองรับ บวกกับมีการคัดเลือกพนักงานที่มีอยู่เข้ามาดูแลในส่วนของรายการฟรีทีวีครั้งนี้ด้วย
"ทางบริษัทฯมีแนวความคิดที่ต้องการสร้างพื้นที่เวลาของฟรีทีวีบางช่วง ให้เป็นเวลาของวัยรุ่น นักศึกษาที่มีสาระ ซึ่งได้นำเสนอกับทางช่อง 9 โดยทางผู้ใหญ่เห็นชอบด้วย แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของช่องด้วยว่าจะให้โอกาสกับบีลิงค์หรือไม่ ทั้งนี้อีก 2 รายการที่บริษัทฯตั้งใจจะผลิตขึ้นนั้น จะยังคงนำเสนอแก่ทางช่อง 9 ก่อนเป็นอันดับแรก โดยขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการออกแบบรูปแบบรายการว่าจะออกมาในทิศทางใด ที่จะต้องมีความแตกต่างจากรายการวัยรุ่นทั่วไป คาดว่าในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้จะสามารถสรุปงานออกมาได้ทั้งหมด ทั้งนี้บริษัทฯเชื่อว่า การเข้าสู่ฟรีทีวีครั้งนี้จะช่วยเพิ่มฐานผู้ชมจากเดิมเป็นกลุ่มวัยรุ่น และนักศึกษา มาสู่กลุ่มคนทำงานแม่บ้าน และบุคคลทั่วไป"
นายกฤษณะ กล่าวต่อว่า สำหรับรายได้ที่มาจากฟรีทีวีนั้น หลังจากรายการ "มหาวิทยาลัยพลาซ่า" ออกอากาศ ยอมรับว่ามีโอกาสขายโฆษณาเพียง 2 อาทิตย์เท่านั้น แต่ก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า เทียบแล้ว สามารถขายโฆษณาได้ 50-60% ซึ่งลูกค้าเองก็ได้ประโยชน์จากการซื้อโฆษณาผ่านรายการดังกล่าว เพราะยังสามารถโฆษณาได้ทางยู ชาแนลอีกทางหนึ่งด้วย จากการที่บริษัทฯจะนำเอารายการดังกล่าวมารีรันผ่าน ยู ชาแนล อีกครั้ง ทั้งนี้มองว่าอีก 2 เดือนนับจากนี้ รายการดังกล่าวจะสามารถปรับการขายสื่อโฆษณาได้ลงตัวมากยิ่งขึ้น โดยคาดว่าน่าจะขายโฆษณาได้เป็น 80-90%
อย่างไรก็ตามในแง่ของตลาดโฆษณารวมแล้ว ยอมรับว่าปีนี้ยังคงเหนื่อยอยู่ เห็นได้จาก ลูกค้าที่ซื้อโฆษณาผ่าน ยู ชาแนล จะต้องการมากกว่าการลงโฆษณามากขึ้น ดังนั้นในส่วนของยูชาแนล จึงต้องมีการปรับกลยุทธ์การขายโฆษณาใหม่ ยกตัวอย่างเช่น ช่วงเวลาเปิดเทอมนี้ ยูชาแนลจะมีการปรับโลโก้ และมีการจัดกิจกรรมไปยังมหาวิทยาลัยต่างๆ ซึ่งลูกค้าที่ซื้อสื่อโฆษณา จะสามารถเข้ามาร่วมกิจกรรมดังกล่าวด้วย
จากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวที่เกิดขึ้น บริษัทฯคาดว่าปีนี้จะมีการเติบโตของรายได้เพิ่มขึ้น 10-15% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 35-40 ล้านบาท มาจาก ยู ชาแนล 50% ฟรีทีวี 25% และโรงเรียนกวดวิชา 25% ซึ่งหากไม่รวมรายได้จากฟรีทีวีแล้ว แต่ละปีที่ผ่านมา บริษัทฯจะมีรายได้เฉลี่ยที่ 30ล้านบาท
นายกฤษณะ ถนอมทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีลิงค์ มีเดีย จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจด้านสื่อเอาท์ ออฟ โฮม มีเดีย ผู้ผลิตสถานีโทรทัศน์ภายในมหาวิทยาลัย ในชื่อ U Channel เปิดเผยกับ "ผู้จัดการรายวัน" ว่า ทางบริษัทฯกำลังพยายามดำเนินธุรกิจในรูปแบบที่มีการบริหารจัดการความเสี่ยงมากยิ่งขึ้น บวกกับการที่บริษัทฯถือเป็นผู้นำทางด้านรายการเกี่ยวกับนักศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัย จึงต้องการที่จะนำเอาความรู้ความสามารถที่มีอยู่ ผลิตรายการผ่านฟรีทีวีเพื่อเพิ่มฐานผู้ชมมากยิ่งขึ้น บวกกับเป็นการสร้างช่องทางใหม่ๆเพื่อสร้างรายได้อีกทางหนึ่ง
ดังนั้นบริษัทฯจึงมีแผนที่จะผลิตรายการผ่านฟรีทีวีในปีนี้ 3 รายการ ซึ่งถือเป็นรายการใหม่ทั้งหมด ที่ยังคงมีเนื้อหาสาระเกี่ยวข้องกับนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยต่างๆ โดยรายการที่ผลิตครั้งนี้ จะเป็นรายการใหม่ทั้งหมด และจะนำมารีรันออกอากาศซ้ำผ่านทาง U Channel ล่าสุดได้ผลิตรายการออกอากาศผ่านทางช่อง 9 โมเดิร์นไนน์แล้ว 1 รายการ คือ "มหาวิทยาลัยพลาซ่า" ที่เริ่มออกอากาศมาได้ตั้งแต่ช่วงเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ทุกคืนวันอาทิตย์ เวลา 23.00-23.30น.โดยมีรูปแบบรายการเป็นลักษณะของวาไรตี้ซิทคอม
ทั้งนี้บริษัทฯยังมีการลงทุนที่คาดว่าจะใช้งบประมาณ 7-8 ล้านบาท สำหรับสร้างสตูดิโอ รองรับ บวกกับมีการคัดเลือกพนักงานที่มีอยู่เข้ามาดูแลในส่วนของรายการฟรีทีวีครั้งนี้ด้วย
"ทางบริษัทฯมีแนวความคิดที่ต้องการสร้างพื้นที่เวลาของฟรีทีวีบางช่วง ให้เป็นเวลาของวัยรุ่น นักศึกษาที่มีสาระ ซึ่งได้นำเสนอกับทางช่อง 9 โดยทางผู้ใหญ่เห็นชอบด้วย แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของช่องด้วยว่าจะให้โอกาสกับบีลิงค์หรือไม่ ทั้งนี้อีก 2 รายการที่บริษัทฯตั้งใจจะผลิตขึ้นนั้น จะยังคงนำเสนอแก่ทางช่อง 9 ก่อนเป็นอันดับแรก โดยขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการออกแบบรูปแบบรายการว่าจะออกมาในทิศทางใด ที่จะต้องมีความแตกต่างจากรายการวัยรุ่นทั่วไป คาดว่าในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้จะสามารถสรุปงานออกมาได้ทั้งหมด ทั้งนี้บริษัทฯเชื่อว่า การเข้าสู่ฟรีทีวีครั้งนี้จะช่วยเพิ่มฐานผู้ชมจากเดิมเป็นกลุ่มวัยรุ่น และนักศึกษา มาสู่กลุ่มคนทำงานแม่บ้าน และบุคคลทั่วไป"
นายกฤษณะ กล่าวต่อว่า สำหรับรายได้ที่มาจากฟรีทีวีนั้น หลังจากรายการ "มหาวิทยาลัยพลาซ่า" ออกอากาศ ยอมรับว่ามีโอกาสขายโฆษณาเพียง 2 อาทิตย์เท่านั้น แต่ก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า เทียบแล้ว สามารถขายโฆษณาได้ 50-60% ซึ่งลูกค้าเองก็ได้ประโยชน์จากการซื้อโฆษณาผ่านรายการดังกล่าว เพราะยังสามารถโฆษณาได้ทางยู ชาแนลอีกทางหนึ่งด้วย จากการที่บริษัทฯจะนำเอารายการดังกล่าวมารีรันผ่าน ยู ชาแนล อีกครั้ง ทั้งนี้มองว่าอีก 2 เดือนนับจากนี้ รายการดังกล่าวจะสามารถปรับการขายสื่อโฆษณาได้ลงตัวมากยิ่งขึ้น โดยคาดว่าน่าจะขายโฆษณาได้เป็น 80-90%
อย่างไรก็ตามในแง่ของตลาดโฆษณารวมแล้ว ยอมรับว่าปีนี้ยังคงเหนื่อยอยู่ เห็นได้จาก ลูกค้าที่ซื้อโฆษณาผ่าน ยู ชาแนล จะต้องการมากกว่าการลงโฆษณามากขึ้น ดังนั้นในส่วนของยูชาแนล จึงต้องมีการปรับกลยุทธ์การขายโฆษณาใหม่ ยกตัวอย่างเช่น ช่วงเวลาเปิดเทอมนี้ ยูชาแนลจะมีการปรับโลโก้ และมีการจัดกิจกรรมไปยังมหาวิทยาลัยต่างๆ ซึ่งลูกค้าที่ซื้อสื่อโฆษณา จะสามารถเข้ามาร่วมกิจกรรมดังกล่าวด้วย
จากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวที่เกิดขึ้น บริษัทฯคาดว่าปีนี้จะมีการเติบโตของรายได้เพิ่มขึ้น 10-15% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 35-40 ล้านบาท มาจาก ยู ชาแนล 50% ฟรีทีวี 25% และโรงเรียนกวดวิชา 25% ซึ่งหากไม่รวมรายได้จากฟรีทีวีแล้ว แต่ละปีที่ผ่านมา บริษัทฯจะมีรายได้เฉลี่ยที่ 30ล้านบาท