วานนี้ ( 28 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุชาติ นาคบางไทร แกนนำกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ ได้ออกแถลงการณ์ ลงวันที่ 28 พ.ค.51 เวลา 12.51 น. ยุติการชุมนุมของกลุ่ม โดยเนื้อหาระบุว่า
ภารกิจของการชุมนุม เมื่อวันที่ 25 พ.ค. เพื่อต่อต้านพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ตามวัตถุประสงค์เรียบร้อยแล้ว จึงขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กลุ่มคนวันเสาร์ฯ จะยุติการชุมนุมเพื่อต่อต้านพันธมิตรฯ และจะไม่มีการเคลื่อนไหวใดของกลุ่มเกี่ยวเนื่องกับกลุ่มพันธมิตรฯ อีกต่อไป หากพบเห็นหรือมีใครแอบอ้าง ทางกลุ่มจะไม่ขอรับผิดชอบทุกประการ และอาจดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ใดที่แอบอ้างหรือพาดพิงให้กลุ่มเสียหายได้
สำหรับเหตุผลที่ยุติการชุมนุม คือให้พันธมิตรฯ ชุมนุมไปฝ่ายเดียว เพื่อสิ้นเปลืองงบประมาณตนเอง และไม่มีคนวันเสาร์ฯ เป็นคู่กรณีต่อไป เป็นการปลดชนวนการแอบอ้างซ่องสุมนักเลง และอาวุธ โดยฝ่ายบ้านเมืองจะได้จัดการกับพันธมิตรฯได้ด้วยกฎหมายอย่างชัดเจน
แถลงการณ์ยังระบุว่า ประการ ต่อมา ได้มีเพื่อนร่วมอุดมการณ์ออกมาทำหน้าที่ต้อนรับมวลชนสนามหลวงแล้ว หากคนวันเสาร์ฯ ยังอยู่ หลายคนอาจไม่กล้าออกมา การยุติบทบาทของกลุ่มน่าจะช่วยให้ประชาชนออกมาแสดงพลังให้มากขึ้นไปเรื่อยๆ ประการที่สาม แกนนำหรือสมาชิกของกลุ่มคนวันเสาร์ฯ จะไปขึ้นปราศรัยในฐานะนักพูดเป็นครั้งคราว เป็นการส่วนตัวเท่านั้น บนเวทีสนามหลวง ประการที่สี่ หลีกเลี่ยงการเป็นเป้าของสื่อฝ่ายตรงข้ามที่จะพยายามยัดเยียดความผิดทุกประเภทให้แก่คนวันเสาร์ฯ และประการสุดท้าย คือ ลดอุณหภูมิความรู้สึกของกลุ่มประชาชนที่ไม่ชอบการต่อต้านแบบเสี่ยงภัย และรุนแรงให้อยู่ข้างประชาธิปไตยต่อไป
**"สุชาติ"ถูกพวกเดียวกันอัปเปหิ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การออกแถลงการณ์ยุติบทบาทของกลุ่มคนวันเสาร์ฯ และนายสุชาติ แกนนำกลุ่มในครั้งนี้ สืบเนื่องจากถูกกดดันจากคนในกลุ่มกันเอง หลังจากที่ นายสุชาติ รับบทเด่น เป็นผู้บงการในการชุมนุมเมื่อวันอาทิตย์ ที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา ที่ท้องสนามหลวง ซึ่งเป็นวันเดียวกับการชุมนุมใหญ่ ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งกลุ่มของนายสุชาติ ได้เคลื่นขบวน มาก่อกวน ขว้างปาก้อนหิน ขวดน้ำ และด่าทอ กลุ่มพันธมิตรฯ ที่อีกด้านหนึ่งของอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
และเมื่อกลุ่มพันธมิตรฯ เคลื่อนขบวน เพื่อไปปักหลักที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุชาติ ก็ได้พากลุ่มม็อบของตน ตามประกบท้ายขบวนของพันธมิตรฯ และยุยงให้ก่อความรุนแรง ด้วยการขว้างปาขวดน้ำ และก้อนหินใส่ ประชาชนที่ท้ายขบวนของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จนนายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที โฆษกบนเวทีของกลุ่มพันธมิตรฯ ได้รับบาดเจ็บ และยังตามไปก่อกวนที่บริเวณแยก จปร. จนมีการปะทะกับทีมรักษาความปลอดภัยของกลุ่มพันธมิตรฯ ทำให้กลุ่มของนายสุชาติ ได้รับบาดเจ็บไปหลายคน ต้องถอยร่นออกมา
จากเหตุการณ์ดังกล่าว นายสุชาติ ถูกโจมตีอย่างหนักจากพวกเดียวกันเอง ทั้งการพูดต่อหน้า และเขียนผ่านเว็บไซต์ ประชาไท ซึ่งเป็นเว็บของเครือข่ายผู้นิยมทักษิณ โดยระบุว่า นายสุชาติ ไม่มีวิฒฺภาวะ ไร้กึ๋น แต่อยากเป็นผู้นำ ดีแต่คอยยุยงให้คนอื่นออกหน้าไปก่อกวน แต่ตัวเองหลบอยู่ข้างหลัง เมื่อเกิดการปะทะก็หนีเอาตัวรอด สมาชิกได้รับบาดเจ็บกลับมา ก็ไม่เหลียวแล ไม่รับผิดชอบ รวมทั้งปัญหาเรื่องเงินค่าจ้าง ค่ารักษา ด้วย
นอกจากนี้ ในวันรุ่งขึ้น นายสุชาติ ยังไปแถลงข่าวที่รัฐสภา พร้อมกับ นพ.เหวง โตจิราการ และนายจรัล ดิษฐาอภิชัย โดยระบุว่า ทางกลุ่มของตนไม่ได้เป็นผู้ก่อเหตุ ในการปะทะกับฝ่ายพันธมิตรฯ แต่เมื่อถูกผู้สื่อข่าวซักอย่างหนัก และจับโกหกได้ ทำให้นายสุชาติ แสดงความกักขฬะออกมาทันที โดยพูดจาข่มขู่ คุกคาม ผู้สื่อข่าว มีการนำกล้องถ่ายรูป มาถ่ายผู้สื่อข่าวที่ซักถามไว้ ด้วยท่าทีอาฆาต มาดร้าย โดยอ้างว่าจะนำไปศึกษา และไม่ยอมลบภาพออกตามที่ผู้สื่อข่าวร้องขอ จนทำให้ผู้สื่อข่าวต้องไปแจ้งความ ที่สน.ดุสิต ไว้เป็นหลักฐาน และกลายเป็นข่าวใหญ่ ที่มีการนำไปวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก ในวันรุ่งขึ้น ซึ่งในที่สุด นายสุชาติ ก็ถูกสั่งให้ยุติบทบาท แต่นายสุชาติกลับออกแถลงการณ์อ้างว่า ได้ปฏิบัติภารกิจสำเร็จลุล่วง
อย่างไรก็ดี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงบ่ายวานนี้ (28พ.ค.) ที่บริเวณแยก จปร. ถนนราชดำเนิน ได้มีกลุ่มที่เรียกว่า "กลุ่มธรรมาธิปไตย" ซึ่งเป็นกลุ่มที่มารับช่วงต่อจากกลุ่มของนายสุชาติ จำนวนประมาณ 10 คน ได้นำรถกระจายเสียงมาตั้งเวที พร้อมกล่าวโจมตีพันธมิตรฯ อย่างรุนแรง ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯได้ฮือเข้าไปมุงดู จนเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.นางเลิ้ง ต้องนำแผงเหล็กไปกั้นเอาไว้ เพื่อป้องกันการกระทบกระทั่ง
ภารกิจของการชุมนุม เมื่อวันที่ 25 พ.ค. เพื่อต่อต้านพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ตามวัตถุประสงค์เรียบร้อยแล้ว จึงขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กลุ่มคนวันเสาร์ฯ จะยุติการชุมนุมเพื่อต่อต้านพันธมิตรฯ และจะไม่มีการเคลื่อนไหวใดของกลุ่มเกี่ยวเนื่องกับกลุ่มพันธมิตรฯ อีกต่อไป หากพบเห็นหรือมีใครแอบอ้าง ทางกลุ่มจะไม่ขอรับผิดชอบทุกประการ และอาจดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ใดที่แอบอ้างหรือพาดพิงให้กลุ่มเสียหายได้
สำหรับเหตุผลที่ยุติการชุมนุม คือให้พันธมิตรฯ ชุมนุมไปฝ่ายเดียว เพื่อสิ้นเปลืองงบประมาณตนเอง และไม่มีคนวันเสาร์ฯ เป็นคู่กรณีต่อไป เป็นการปลดชนวนการแอบอ้างซ่องสุมนักเลง และอาวุธ โดยฝ่ายบ้านเมืองจะได้จัดการกับพันธมิตรฯได้ด้วยกฎหมายอย่างชัดเจน
แถลงการณ์ยังระบุว่า ประการ ต่อมา ได้มีเพื่อนร่วมอุดมการณ์ออกมาทำหน้าที่ต้อนรับมวลชนสนามหลวงแล้ว หากคนวันเสาร์ฯ ยังอยู่ หลายคนอาจไม่กล้าออกมา การยุติบทบาทของกลุ่มน่าจะช่วยให้ประชาชนออกมาแสดงพลังให้มากขึ้นไปเรื่อยๆ ประการที่สาม แกนนำหรือสมาชิกของกลุ่มคนวันเสาร์ฯ จะไปขึ้นปราศรัยในฐานะนักพูดเป็นครั้งคราว เป็นการส่วนตัวเท่านั้น บนเวทีสนามหลวง ประการที่สี่ หลีกเลี่ยงการเป็นเป้าของสื่อฝ่ายตรงข้ามที่จะพยายามยัดเยียดความผิดทุกประเภทให้แก่คนวันเสาร์ฯ และประการสุดท้าย คือ ลดอุณหภูมิความรู้สึกของกลุ่มประชาชนที่ไม่ชอบการต่อต้านแบบเสี่ยงภัย และรุนแรงให้อยู่ข้างประชาธิปไตยต่อไป
**"สุชาติ"ถูกพวกเดียวกันอัปเปหิ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การออกแถลงการณ์ยุติบทบาทของกลุ่มคนวันเสาร์ฯ และนายสุชาติ แกนนำกลุ่มในครั้งนี้ สืบเนื่องจากถูกกดดันจากคนในกลุ่มกันเอง หลังจากที่ นายสุชาติ รับบทเด่น เป็นผู้บงการในการชุมนุมเมื่อวันอาทิตย์ ที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา ที่ท้องสนามหลวง ซึ่งเป็นวันเดียวกับการชุมนุมใหญ่ ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งกลุ่มของนายสุชาติ ได้เคลื่นขบวน มาก่อกวน ขว้างปาก้อนหิน ขวดน้ำ และด่าทอ กลุ่มพันธมิตรฯ ที่อีกด้านหนึ่งของอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
และเมื่อกลุ่มพันธมิตรฯ เคลื่อนขบวน เพื่อไปปักหลักที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุชาติ ก็ได้พากลุ่มม็อบของตน ตามประกบท้ายขบวนของพันธมิตรฯ และยุยงให้ก่อความรุนแรง ด้วยการขว้างปาขวดน้ำ และก้อนหินใส่ ประชาชนที่ท้ายขบวนของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จนนายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที โฆษกบนเวทีของกลุ่มพันธมิตรฯ ได้รับบาดเจ็บ และยังตามไปก่อกวนที่บริเวณแยก จปร. จนมีการปะทะกับทีมรักษาความปลอดภัยของกลุ่มพันธมิตรฯ ทำให้กลุ่มของนายสุชาติ ได้รับบาดเจ็บไปหลายคน ต้องถอยร่นออกมา
จากเหตุการณ์ดังกล่าว นายสุชาติ ถูกโจมตีอย่างหนักจากพวกเดียวกันเอง ทั้งการพูดต่อหน้า และเขียนผ่านเว็บไซต์ ประชาไท ซึ่งเป็นเว็บของเครือข่ายผู้นิยมทักษิณ โดยระบุว่า นายสุชาติ ไม่มีวิฒฺภาวะ ไร้กึ๋น แต่อยากเป็นผู้นำ ดีแต่คอยยุยงให้คนอื่นออกหน้าไปก่อกวน แต่ตัวเองหลบอยู่ข้างหลัง เมื่อเกิดการปะทะก็หนีเอาตัวรอด สมาชิกได้รับบาดเจ็บกลับมา ก็ไม่เหลียวแล ไม่รับผิดชอบ รวมทั้งปัญหาเรื่องเงินค่าจ้าง ค่ารักษา ด้วย
นอกจากนี้ ในวันรุ่งขึ้น นายสุชาติ ยังไปแถลงข่าวที่รัฐสภา พร้อมกับ นพ.เหวง โตจิราการ และนายจรัล ดิษฐาอภิชัย โดยระบุว่า ทางกลุ่มของตนไม่ได้เป็นผู้ก่อเหตุ ในการปะทะกับฝ่ายพันธมิตรฯ แต่เมื่อถูกผู้สื่อข่าวซักอย่างหนัก และจับโกหกได้ ทำให้นายสุชาติ แสดงความกักขฬะออกมาทันที โดยพูดจาข่มขู่ คุกคาม ผู้สื่อข่าว มีการนำกล้องถ่ายรูป มาถ่ายผู้สื่อข่าวที่ซักถามไว้ ด้วยท่าทีอาฆาต มาดร้าย โดยอ้างว่าจะนำไปศึกษา และไม่ยอมลบภาพออกตามที่ผู้สื่อข่าวร้องขอ จนทำให้ผู้สื่อข่าวต้องไปแจ้งความ ที่สน.ดุสิต ไว้เป็นหลักฐาน และกลายเป็นข่าวใหญ่ ที่มีการนำไปวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก ในวันรุ่งขึ้น ซึ่งในที่สุด นายสุชาติ ก็ถูกสั่งให้ยุติบทบาท แต่นายสุชาติกลับออกแถลงการณ์อ้างว่า ได้ปฏิบัติภารกิจสำเร็จลุล่วง
อย่างไรก็ดี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงบ่ายวานนี้ (28พ.ค.) ที่บริเวณแยก จปร. ถนนราชดำเนิน ได้มีกลุ่มที่เรียกว่า "กลุ่มธรรมาธิปไตย" ซึ่งเป็นกลุ่มที่มารับช่วงต่อจากกลุ่มของนายสุชาติ จำนวนประมาณ 10 คน ได้นำรถกระจายเสียงมาตั้งเวที พร้อมกล่าวโจมตีพันธมิตรฯ อย่างรุนแรง ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯได้ฮือเข้าไปมุงดู จนเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.นางเลิ้ง ต้องนำแผงเหล็กไปกั้นเอาไว้ เพื่อป้องกันการกระทบกระทั่ง