เอเอฟพี - สก็อตต์ แมคเคลแลน อดีตโฆษกทำเนียบขาว และเพื่อนเก่าชาวเทกซัสของจอร์จ ดับเบิลยู บุช เขียนหนังสือบันทึกความทรงจำเปิดโปงเจ้านายเก่าว่า ไม่ได้"เปิดเผยและตรงไปตรงมาในเรื่องอิรัก" และอาศัย "การโฆษณาชวนเชื่อ" มาขายสงครามคราวนี้
ในหนังสือชื่อ เกิดอะไรขึ้น: เบื้องลึกวัฒนธรรมลวงโลกในทำเนียบขาวและรัฐบาลบุช (What Happened: Inside the Bush White House and Washington's Culture of Deception) ซึ่งมีความหนา 341 หน้า และจะวางจำหน่ายสัปดาห์หน้า แมคเคลแลนระบุว่าบุชเข้าสู่สงครามอย่างเร่งรีบโดยไม่ได้มีการวางแผนที่ดีพอและไม่ได้เตรียมการใดๆ เพื่อรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาในภายหลัง
เขาบอกการที่บุชยังคงดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีทำให้ชาวอเมริกันสรุปได้ว่า "การตัดสินใจส่งกำลังบุกอิรักนั้นเป็นการทำผิดพลาดทางยุทธศาสตร์อย่างร้ายแรง"
"ไม่มีใครรวมทั้งตัวผมที่จะรู้อย่างแน่ชัดว่า นับจากนี้ไปอีกหลายทศวรรษ ผู้คนจะมองสงครามอิรักว่าอย่างไรเมื่อได้รับรู้ถึงผลกระทบของมันแล้วทั้งหมด สิ่งที่ผมรู้ก็คือสงครามควรจะเกิดก็ต่อเมื่อมีความจำเป็นเท่านั้น แต่สงครามอิรักนั้นไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นเลย"
นอกจากนั้น แมคเคลแลนยังโจมตีเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวในเรื่องการรับมือกับภัยพิบัติจากพายุเฮอร์ริเคนแคทรินาเมื่อปี 2005 ว่า "มัวใช้เวลาเกือบทั้งหมดในช่วงสัปดาห์แรกกับการปฏิเสธข่าวนี้"
"ภัยพิบัติครั้งร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของประเทศเราได้กลายเป็นภัยพิบัติครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของรัฐบาลบุชด้วย" แมคเคลแลนเขียนสรุปย่อเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้ เอาไว้ในนิตยสารโพลิติโค ซึ่งออกในกรุงวอชิงตัน
เขายังพูดถึงรัฐมนตรีต่างประเทศ คอนโดลิซซา ไรซ์ ว่าเป็นคนคล่องแคล่วในการหันเหเสียงประณามกล่าวโทษให้ไปในทิศทางอื่น และเรียกรองประธานาธิบดี ดิ๊ก เชนีย์ ว่าเป็น "บุรุษผู้มีเวทย์มนตร์วิเศษ" ผู้สามารถนำร่องนโยบายอยู่หลังฉากขณะที่ไม่ทิ้งรอยนิ้วมือให้จับได้เลย
แมคเคลแลนยังได้กล่าวหาคาร์ล โรฟ อดีตนักยุทธศาสตร์และที่ปรึกษาอาวุโสของบุช และลูอิส "สกูตเตอร์" ลิบบี อดีตประธานคณะเจ้าหน้าที่ของเชนีย์ ว่าหลอกลวงเขาด้วย
"โรฟ ลิบบี และอาจจะรวมถึงรองประธานาธิบดีเชนีย์ด้วย คอยกระตุ้นให้ผมพูดโกหกซ้ำๆ ว่าโรฟและลิบบีไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องข้อมูลซีไอเอรั่ว"
ลิบบีนั้นถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาขัดขวางกระบวนการยุติธรรมเมื่อปีที่แล้ว และถูกตัดสินจำคุกสองปีครึ่ง แต่ต่อมาก็ได้รับการอภัยโทษจากบุช
ส่วนโรฟซึ่งปัจจุบันเป็นนักวิจารณ์ประจำสำนักข่าวฟ็อกซ์นิวส์ ได้ตอบโต้ว่าแมคเคลแลนเป็นคน "ไม่รับผิดชอบ" และ "ไม่ใช่คนวงใน" พอที่จะระบุได้ว่าเขาเกี่ยวข้องกับเรื่องอี้อฉาวกรณีข้อมูลของซีไอเอรั่ว และเห็นว่าแมคเคลแลนควรจะพูดออกมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้หากมีข้อสงสัยในเชิงศีลธรรมเกี่ยวกับการดำเนินการหรือนโยบายของทำเนียบขาว
ปัจจุบัน แมคเคลแลนอายุ 40 ปี เขาได้ร่วมงานกับบุชตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2003 ถึงเมษายน 2006 และบอกว่ายังชื่นชมประธานาธิบดีบุชอยู่ แต่บุชนั้นมีที่ปรึกษาระดับสูงที่ไม่ดี
ในหนังสือชื่อ เกิดอะไรขึ้น: เบื้องลึกวัฒนธรรมลวงโลกในทำเนียบขาวและรัฐบาลบุช (What Happened: Inside the Bush White House and Washington's Culture of Deception) ซึ่งมีความหนา 341 หน้า และจะวางจำหน่ายสัปดาห์หน้า แมคเคลแลนระบุว่าบุชเข้าสู่สงครามอย่างเร่งรีบโดยไม่ได้มีการวางแผนที่ดีพอและไม่ได้เตรียมการใดๆ เพื่อรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาในภายหลัง
เขาบอกการที่บุชยังคงดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีทำให้ชาวอเมริกันสรุปได้ว่า "การตัดสินใจส่งกำลังบุกอิรักนั้นเป็นการทำผิดพลาดทางยุทธศาสตร์อย่างร้ายแรง"
"ไม่มีใครรวมทั้งตัวผมที่จะรู้อย่างแน่ชัดว่า นับจากนี้ไปอีกหลายทศวรรษ ผู้คนจะมองสงครามอิรักว่าอย่างไรเมื่อได้รับรู้ถึงผลกระทบของมันแล้วทั้งหมด สิ่งที่ผมรู้ก็คือสงครามควรจะเกิดก็ต่อเมื่อมีความจำเป็นเท่านั้น แต่สงครามอิรักนั้นไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นเลย"
นอกจากนั้น แมคเคลแลนยังโจมตีเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวในเรื่องการรับมือกับภัยพิบัติจากพายุเฮอร์ริเคนแคทรินาเมื่อปี 2005 ว่า "มัวใช้เวลาเกือบทั้งหมดในช่วงสัปดาห์แรกกับการปฏิเสธข่าวนี้"
"ภัยพิบัติครั้งร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของประเทศเราได้กลายเป็นภัยพิบัติครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของรัฐบาลบุชด้วย" แมคเคลแลนเขียนสรุปย่อเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้ เอาไว้ในนิตยสารโพลิติโค ซึ่งออกในกรุงวอชิงตัน
เขายังพูดถึงรัฐมนตรีต่างประเทศ คอนโดลิซซา ไรซ์ ว่าเป็นคนคล่องแคล่วในการหันเหเสียงประณามกล่าวโทษให้ไปในทิศทางอื่น และเรียกรองประธานาธิบดี ดิ๊ก เชนีย์ ว่าเป็น "บุรุษผู้มีเวทย์มนตร์วิเศษ" ผู้สามารถนำร่องนโยบายอยู่หลังฉากขณะที่ไม่ทิ้งรอยนิ้วมือให้จับได้เลย
แมคเคลแลนยังได้กล่าวหาคาร์ล โรฟ อดีตนักยุทธศาสตร์และที่ปรึกษาอาวุโสของบุช และลูอิส "สกูตเตอร์" ลิบบี อดีตประธานคณะเจ้าหน้าที่ของเชนีย์ ว่าหลอกลวงเขาด้วย
"โรฟ ลิบบี และอาจจะรวมถึงรองประธานาธิบดีเชนีย์ด้วย คอยกระตุ้นให้ผมพูดโกหกซ้ำๆ ว่าโรฟและลิบบีไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องข้อมูลซีไอเอรั่ว"
ลิบบีนั้นถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาขัดขวางกระบวนการยุติธรรมเมื่อปีที่แล้ว และถูกตัดสินจำคุกสองปีครึ่ง แต่ต่อมาก็ได้รับการอภัยโทษจากบุช
ส่วนโรฟซึ่งปัจจุบันเป็นนักวิจารณ์ประจำสำนักข่าวฟ็อกซ์นิวส์ ได้ตอบโต้ว่าแมคเคลแลนเป็นคน "ไม่รับผิดชอบ" และ "ไม่ใช่คนวงใน" พอที่จะระบุได้ว่าเขาเกี่ยวข้องกับเรื่องอี้อฉาวกรณีข้อมูลของซีไอเอรั่ว และเห็นว่าแมคเคลแลนควรจะพูดออกมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้หากมีข้อสงสัยในเชิงศีลธรรมเกี่ยวกับการดำเนินการหรือนโยบายของทำเนียบขาว
ปัจจุบัน แมคเคลแลนอายุ 40 ปี เขาได้ร่วมงานกับบุชตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2003 ถึงเมษายน 2006 และบอกว่ายังชื่นชมประธานาธิบดีบุชอยู่ แต่บุชนั้นมีที่ปรึกษาระดับสูงที่ไม่ดี