ผู้จัดการรายวัน-“พาณิชย์”จ้องฟันปั๊มน้ำมันตุกติกประชาชน ฉวยโอกาสช่วงน้ำมันแพง ทั้งปิดก่อนเวลาเพื่อขายราคาใหม่ หรือโกงมาตรวัด ขู่เล่นงานหนักคุก 7 ปี ปรับ 1.4 แสน หรือทั้งจำทั้งปรับ “ยรรยง”ยอมรับน้ำมันทำต้นทุนสินค้าพุ่งไม่หยุด แถมยังทำให้ค่าขนส่งเพิ่มขึ้นอีก ยันหลักเดิมสินค้าต้องปรับราคาแบบค่อยเป็นค่อยไป พร้อมงัดสารพัดธงฟ้าช่วยเหลือประชาชนทั่วประเทศ
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ขณะนี้ มีผู้บริโภคร้องเรียนผ่านสายด่วนแม่บ้าน 1569 เข้ามายังกรมฯ เป็นจำนวนมากเกี่ยวกับพฤติกรรมของสถานีน้ำมันที่มีการเอาเปรียบประชาชน ซึ่งกรมฯ ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจสอบอย่างเข้มงวดเพิ่มเติม จากเดิมที่ส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเป็นประจำทุกสัปดาห์อยู่แล้ว เพราะถือเป็นการซ้ำเติมประชาชนจากภาวะน้ำมันแพง โดยหากจับได้จะจัดการทางกฎหมายขั้นเด็ดขาด
ทั้งนี้ พฤติกรรมที่เป็นการเอาเปรียบประชาชน เช่น การปิดปั๊มน้ำมันก่อนกำหนด เพื่อรอขายน้ำมันในราคาใหม่จากการประกาศขึ้นราคาน้ำมันที่จะมีผลในวันถัดไป หรือกรณีการจำหน่ายไม่ตรงตามมาตรวัดที่หัวจ่าย ทำให้ประชาชนได้รับน้ำมันน้อยลง โดยหากตรวจสอบพบจะมีโทษตามกฎหมายจำคุก 7 ปี ปรับ 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งประชนชนสามารถแจ้งพฤติกรรมที่เอาเปรียบได้ที่สายด่วนแม่บ้าน 1569
สำหรับการตรวจสอบหัวจ่ายน้ำมันของสถานีน้ำมันทั่วประเทศ ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา หรือตั้งแต่เดือนต.ค.2550-30 เม.ย.2551 สามารถตรวจสอบหัวจ่ายน้ำมันได้ทั้งหมด 46,800 หัวจ่าย โดยจำนวนนี้พบว่ามีความผิดปกติของหัวจ่ายน้ำมัน หรือจำหน่ายน้ำมันไม่ตรงตามปริมาตรที่กำหนดไว้จำนวน 1,893 หัวจ่าย จึงได้สั่งผูกติดบัตรห้ามใช้ 1,872 หัวจ่าย อีก 21 หัวจ่ายได้สั่งอายัดและดำเนินคดีกับเจ้าของสถานีน้ำมันรวมทั้งหมด 4 ราย ในข้อหาปรับเปลี่ยนแก้ไขหัวจ่าย โทษจำคุก 3 ปี และปรับ 1.2 แสนบาท
นายยรรยงกล่าวว่า สำหรับการดูแลราคาสินค้า ยอมรับว่าเป็นเรื่องลำบาก เพราะขณะนี้ราคาน้ำมันได้ปรับตัวสูงขึ้นมาก หากเทียบจากราคาน้ำมันในช่วงปี 2547 กับราคาปัจจุบัน โดยน้ำมันเบนซิน จากลิตรละ 17 บาท ขึ้นมาเป็น 39-40 บาท หรือสูงขึ้น 135% น้ำมันดีเซล จาก 14.59 บาท ขึ้นมาเป็น 38.34 บาท หรือสูงขึ้น 139% ส่งผลกระทบให้ต้นทุนการผลิตสินค้าสูงขึ้นตามไปด้วย โดยกลุ่มสินค้าเหล็กและปูนซิเมนต์ มีต้นทุนสูงขึ้น 15% อาหารและเครื่องดื่ม ต้นทุนสูงขึ้น 4% และสินค้าอุปโภคบริโภค ต้นทุนสูงขึ้น 1% ขณะเดียวกัน ยังได้รับผลกระทบทางอ้อมจากค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมัน
“เรื่องราคาสินค้ากรมฯ ยังคงใช้หลักการเดิมในการดูแล คือ หากสินค้าใดที่ใช้ต้นทุนวัตถุดิบจากต่างประเทศเข้ามาผลิตเป็นหลัก แม้จะควบคุมไม่ได้ แต่จะให้มีการปรับขึ้นราคาช้าที่สุด ส่วนสินค้าที่ใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นหลัก จะขอให้มีการหาวัตถุดิบทดแทนมาใช้แทน เพื่อยังไม่ให้มีการปรับขึ้นราคาในขณะนี้ ขณะที่การดูแลผู้บริโภคจะเพิ่มโครงการสินค้าธงฟ้าเข้าไปช่วยให้มากขึ้นและดำเนินการทั่วประเทศ เพื่อช่วยลดค่าครองชีพ เพราะสินค้าราคาถูกกว่าปกติ 20-40%”นายยรรยงกล่าว
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ขณะนี้ มีผู้บริโภคร้องเรียนผ่านสายด่วนแม่บ้าน 1569 เข้ามายังกรมฯ เป็นจำนวนมากเกี่ยวกับพฤติกรรมของสถานีน้ำมันที่มีการเอาเปรียบประชาชน ซึ่งกรมฯ ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจสอบอย่างเข้มงวดเพิ่มเติม จากเดิมที่ส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเป็นประจำทุกสัปดาห์อยู่แล้ว เพราะถือเป็นการซ้ำเติมประชาชนจากภาวะน้ำมันแพง โดยหากจับได้จะจัดการทางกฎหมายขั้นเด็ดขาด
ทั้งนี้ พฤติกรรมที่เป็นการเอาเปรียบประชาชน เช่น การปิดปั๊มน้ำมันก่อนกำหนด เพื่อรอขายน้ำมันในราคาใหม่จากการประกาศขึ้นราคาน้ำมันที่จะมีผลในวันถัดไป หรือกรณีการจำหน่ายไม่ตรงตามมาตรวัดที่หัวจ่าย ทำให้ประชาชนได้รับน้ำมันน้อยลง โดยหากตรวจสอบพบจะมีโทษตามกฎหมายจำคุก 7 ปี ปรับ 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งประชนชนสามารถแจ้งพฤติกรรมที่เอาเปรียบได้ที่สายด่วนแม่บ้าน 1569
สำหรับการตรวจสอบหัวจ่ายน้ำมันของสถานีน้ำมันทั่วประเทศ ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา หรือตั้งแต่เดือนต.ค.2550-30 เม.ย.2551 สามารถตรวจสอบหัวจ่ายน้ำมันได้ทั้งหมด 46,800 หัวจ่าย โดยจำนวนนี้พบว่ามีความผิดปกติของหัวจ่ายน้ำมัน หรือจำหน่ายน้ำมันไม่ตรงตามปริมาตรที่กำหนดไว้จำนวน 1,893 หัวจ่าย จึงได้สั่งผูกติดบัตรห้ามใช้ 1,872 หัวจ่าย อีก 21 หัวจ่ายได้สั่งอายัดและดำเนินคดีกับเจ้าของสถานีน้ำมันรวมทั้งหมด 4 ราย ในข้อหาปรับเปลี่ยนแก้ไขหัวจ่าย โทษจำคุก 3 ปี และปรับ 1.2 แสนบาท
นายยรรยงกล่าวว่า สำหรับการดูแลราคาสินค้า ยอมรับว่าเป็นเรื่องลำบาก เพราะขณะนี้ราคาน้ำมันได้ปรับตัวสูงขึ้นมาก หากเทียบจากราคาน้ำมันในช่วงปี 2547 กับราคาปัจจุบัน โดยน้ำมันเบนซิน จากลิตรละ 17 บาท ขึ้นมาเป็น 39-40 บาท หรือสูงขึ้น 135% น้ำมันดีเซล จาก 14.59 บาท ขึ้นมาเป็น 38.34 บาท หรือสูงขึ้น 139% ส่งผลกระทบให้ต้นทุนการผลิตสินค้าสูงขึ้นตามไปด้วย โดยกลุ่มสินค้าเหล็กและปูนซิเมนต์ มีต้นทุนสูงขึ้น 15% อาหารและเครื่องดื่ม ต้นทุนสูงขึ้น 4% และสินค้าอุปโภคบริโภค ต้นทุนสูงขึ้น 1% ขณะเดียวกัน ยังได้รับผลกระทบทางอ้อมจากค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมัน
“เรื่องราคาสินค้ากรมฯ ยังคงใช้หลักการเดิมในการดูแล คือ หากสินค้าใดที่ใช้ต้นทุนวัตถุดิบจากต่างประเทศเข้ามาผลิตเป็นหลัก แม้จะควบคุมไม่ได้ แต่จะให้มีการปรับขึ้นราคาช้าที่สุด ส่วนสินค้าที่ใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นหลัก จะขอให้มีการหาวัตถุดิบทดแทนมาใช้แทน เพื่อยังไม่ให้มีการปรับขึ้นราคาในขณะนี้ ขณะที่การดูแลผู้บริโภคจะเพิ่มโครงการสินค้าธงฟ้าเข้าไปช่วยให้มากขึ้นและดำเนินการทั่วประเทศ เพื่อช่วยลดค่าครองชีพ เพราะสินค้าราคาถูกกว่าปกติ 20-40%”นายยรรยงกล่าว
