รอยเตอร์/เอเอฟพี - มาเลเซียประกาศวานนี้(27) ห้ามปั๊มน้ำมันตามบริเวณชายแดนติดกับไทยและสิงคโปร์ ขายเบนซินและดีเซลแก่ผู้ขับขี่รถยนต์ต่างชาติ เพื่อป้องกันเพื่อนบ้านเข้าไปแสวงหาประโยชน์จากการอุดหนุนราคาน้ำมันของแดนเสือเหลือง ในขณะเดียวกัน ทางด้านอินโดนีเซียยังคงเกิดการประท้วงอย่างรุนแรงในหลายเมืองทั่วประเทศ หลังจากรัฐบาลประกาศขึ้นราคาน้ำมันและยกเลิกมาตรการอุดหนุนราคา
รัฐมนตรีการค้าภายในประเทศ ชัคเรียร์ ซาหมัด แถลงว่ารัฐบาลมาเลเซียกำลังวางแผนที่จะนำเอากลไกอุดหนุนเชื้อเพลิงแบบใหม่มาใช้ ซึ่งในที่สุดแล้วจะทำให้มีการขายเบนซินและดีเซลในแดนเสือเหลืองด้วยราคาตลาด
เขาไม่ได้บอกว่ากลไกใหม่นี้จะเริ่มบังคับใช้เมื่อใด โดยกล่าวเพียงว่ากำลังมีการศึกษากลไกหลายระบบหลายแบบ อาทิ การจ่ายเงินชดเชยให้เป็นเงินสด, ระบบโควตา, และระบบจัดจำหน่ายที่ผู้ซื้อแสดงบัตรประจำตัว
ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวเบอร์นามาของทางการมาเลเซียรายงานคำพูดของซาหมัด ที่กล่าวว่าสถานีบริการน้ำมันราว 200-300 แห่งที่อยู่ตามชายแดนมาเลเซียกับสิงคโปร์ และมาเลเซียกับไทย จะถูกห้ามขายน้ำมันให้แก่ยานยนต์ที่ไม่ได้ลงทะเบียนในมาเลเซีย ทั้งนี้ตั้งแต่วันเสาร์นี้(31)
ชัคเรียร์กล่าวว่าในกรณีของประเทศไทย มาตรการห้ามขายน้ำมันให้คนต่างชาตินี้จะใช้กับสถานีบริการน้ำมันที่อยู่ในระยะ 30-50 กิโลเมตรจากชายแดนไทย ผู้ที่ละเมิดระเบียบที่ประกาศใหม่นี้จะต้องถูกลงโทษปรับ 250,000 ริงกิต หรือ จำคุกสามปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
“การออกมาตรการนี้เป็นความพยายามของรัฐบาลที่จะลดการรั่วไหลของมาตรการอุดหนุนราคาน้ำมันภายในประเทศ ซึ่งที่จริงแล้วควรที่จะทำให้กลุ่มคนรายได้น้อยมาเลเซียได้รับประโยชน์สูงสุด” เขาบอก
ปัจจุบันมีผู้ขับขี่ยวดยานจากไทยและสิงคโปร์ข้ามเข้ามาเติมน้ำมันในมาเลเซียหลายร้อยคนต่อวัน เนื่องจากราคาที่ถูกกว่าในประเทศของตนเองมาก
ชัคเรียร์พูดในเวลาต่อมาว่า มาตรการห้ามต่างชาติเติมน้ำมันเช่นนี้ จะยกเลิกเมื่อมีการนำกลไกอุดหนุนใหม่เข้ามาใช้ แทนที่กลไกเดิมซึ่งจะขายน้ำมันในราคาที่ได้รับการอุดหนุนให้แก่ทุกๆ คน
มาเลเซียเปิดเผยเมื่อไม่กี่วันก่อนว่า มูลค่าการอุดหนุนราคาน้ำมันในประเทศปีนี้น่าจะสูงถึง 50,000 ล้านริงกิต เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกไต่ระดับขึ้นไปสู่ระดับสูงสุดครั้งใหม่เป็นรายวัน
ส่วนทางด้านอินโดนีเซีย วานนี้ได้เกิดการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ประท้วง ที่กำลังโกรธเกรี้ยวต่อการตัดสินใจของรัฐบาลที่ให้ขึ้นราคาน้ำมันเพื่อแก้ไขปัญหาค่าใช้ในการอุดหนุนราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นมาก
สถานีวิทยุ เอลชินต้า รายงานว่ามีผู้ประท้วงอย่างน้อยสองคนถูกจับกุม หลังจากนักศึกษา 30 คนโยนก้อนหินเข้าใส่ตำรวจในระหว่างการประท้วงที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเมืองมาคัสซาร์ ทางใต้ของเกาะสุลาเวสี
ที่เกาะสุมาตรา ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศนักศึกษาที่กำลังโกรธเกรี้ยวก็พยายามที่จะบุกฝ่าแถวรักษาการณ์ของตำรวจเข้าไปยังขบวนรถของรองประธานาธิบดี ยูซุฟ กัลลา ในขณะที่เขามาถึงเมืองลัมปุงเพื่อร่วมการประชุม
ส่วนที่สุราบายา เมืองใหญ่อันดับสองของประเทศที่ตั้งอยู่บนเกาะชวา นักศึกษาและชาวประมงก็ได้ปิดถนนหลวงแถบชานเมือง รวมทั้งขโมยรถที่เต็มไปด้วยน้ำมันก๊าดไป และที่เมืองหลวงจาการ์ตา ตำรวจกับนักศึกษาได้เผชิญหน้ากันนอกมหาวิทยาลัยคริสเตียนแห่งอินโดนีเซียตอนเช้าวานนี้ หลังจากที่เมื่อวันจันทร์นักศึกษาได้โยนระเบิดทำเองเข้าใส่ตำรวจมาแล้ว เวลาต่อมา นักศึกษาได้ยอมถอยกลับเข้ามหาวิทยาลัย ภายหลังอธิการบดีออกมาขอร้อง
การประกาศขึ้นราคาน้ำมันโดยเฉลี่ย 28.7% ตั้งแต่เมื่อวันเสาร์(24)ของรัฐบาลประธานาธิบดีซูซิโล บัมบัง ยุโธโยโน ได้รับการสรรเสริญจากบรรดานักวิเคราะห์ผู้ที่เห็นว่ารัฐบาลได้แสดงความรับผิดชอบทางด้านการเงินของประเทศ เพราะการอุดหนุนจะทำให้ประเทศต้องเผชิญหน้ากับการขาดดุลประมาณอย่างรุนแรง แต่ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกล่าวว่ามาตรการจะทำให้ประชาชนอินโดนีเซียจำนวนมากต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายต่าง ๆที่เพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง
รัฐมนตรีการค้าภายในประเทศ ชัคเรียร์ ซาหมัด แถลงว่ารัฐบาลมาเลเซียกำลังวางแผนที่จะนำเอากลไกอุดหนุนเชื้อเพลิงแบบใหม่มาใช้ ซึ่งในที่สุดแล้วจะทำให้มีการขายเบนซินและดีเซลในแดนเสือเหลืองด้วยราคาตลาด
เขาไม่ได้บอกว่ากลไกใหม่นี้จะเริ่มบังคับใช้เมื่อใด โดยกล่าวเพียงว่ากำลังมีการศึกษากลไกหลายระบบหลายแบบ อาทิ การจ่ายเงินชดเชยให้เป็นเงินสด, ระบบโควตา, และระบบจัดจำหน่ายที่ผู้ซื้อแสดงบัตรประจำตัว
ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวเบอร์นามาของทางการมาเลเซียรายงานคำพูดของซาหมัด ที่กล่าวว่าสถานีบริการน้ำมันราว 200-300 แห่งที่อยู่ตามชายแดนมาเลเซียกับสิงคโปร์ และมาเลเซียกับไทย จะถูกห้ามขายน้ำมันให้แก่ยานยนต์ที่ไม่ได้ลงทะเบียนในมาเลเซีย ทั้งนี้ตั้งแต่วันเสาร์นี้(31)
ชัคเรียร์กล่าวว่าในกรณีของประเทศไทย มาตรการห้ามขายน้ำมันให้คนต่างชาตินี้จะใช้กับสถานีบริการน้ำมันที่อยู่ในระยะ 30-50 กิโลเมตรจากชายแดนไทย ผู้ที่ละเมิดระเบียบที่ประกาศใหม่นี้จะต้องถูกลงโทษปรับ 250,000 ริงกิต หรือ จำคุกสามปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
“การออกมาตรการนี้เป็นความพยายามของรัฐบาลที่จะลดการรั่วไหลของมาตรการอุดหนุนราคาน้ำมันภายในประเทศ ซึ่งที่จริงแล้วควรที่จะทำให้กลุ่มคนรายได้น้อยมาเลเซียได้รับประโยชน์สูงสุด” เขาบอก
ปัจจุบันมีผู้ขับขี่ยวดยานจากไทยและสิงคโปร์ข้ามเข้ามาเติมน้ำมันในมาเลเซียหลายร้อยคนต่อวัน เนื่องจากราคาที่ถูกกว่าในประเทศของตนเองมาก
ชัคเรียร์พูดในเวลาต่อมาว่า มาตรการห้ามต่างชาติเติมน้ำมันเช่นนี้ จะยกเลิกเมื่อมีการนำกลไกอุดหนุนใหม่เข้ามาใช้ แทนที่กลไกเดิมซึ่งจะขายน้ำมันในราคาที่ได้รับการอุดหนุนให้แก่ทุกๆ คน
มาเลเซียเปิดเผยเมื่อไม่กี่วันก่อนว่า มูลค่าการอุดหนุนราคาน้ำมันในประเทศปีนี้น่าจะสูงถึง 50,000 ล้านริงกิต เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกไต่ระดับขึ้นไปสู่ระดับสูงสุดครั้งใหม่เป็นรายวัน
ส่วนทางด้านอินโดนีเซีย วานนี้ได้เกิดการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ประท้วง ที่กำลังโกรธเกรี้ยวต่อการตัดสินใจของรัฐบาลที่ให้ขึ้นราคาน้ำมันเพื่อแก้ไขปัญหาค่าใช้ในการอุดหนุนราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นมาก
สถานีวิทยุ เอลชินต้า รายงานว่ามีผู้ประท้วงอย่างน้อยสองคนถูกจับกุม หลังจากนักศึกษา 30 คนโยนก้อนหินเข้าใส่ตำรวจในระหว่างการประท้วงที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเมืองมาคัสซาร์ ทางใต้ของเกาะสุลาเวสี
ที่เกาะสุมาตรา ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศนักศึกษาที่กำลังโกรธเกรี้ยวก็พยายามที่จะบุกฝ่าแถวรักษาการณ์ของตำรวจเข้าไปยังขบวนรถของรองประธานาธิบดี ยูซุฟ กัลลา ในขณะที่เขามาถึงเมืองลัมปุงเพื่อร่วมการประชุม
ส่วนที่สุราบายา เมืองใหญ่อันดับสองของประเทศที่ตั้งอยู่บนเกาะชวา นักศึกษาและชาวประมงก็ได้ปิดถนนหลวงแถบชานเมือง รวมทั้งขโมยรถที่เต็มไปด้วยน้ำมันก๊าดไป และที่เมืองหลวงจาการ์ตา ตำรวจกับนักศึกษาได้เผชิญหน้ากันนอกมหาวิทยาลัยคริสเตียนแห่งอินโดนีเซียตอนเช้าวานนี้ หลังจากที่เมื่อวันจันทร์นักศึกษาได้โยนระเบิดทำเองเข้าใส่ตำรวจมาแล้ว เวลาต่อมา นักศึกษาได้ยอมถอยกลับเข้ามหาวิทยาลัย ภายหลังอธิการบดีออกมาขอร้อง
การประกาศขึ้นราคาน้ำมันโดยเฉลี่ย 28.7% ตั้งแต่เมื่อวันเสาร์(24)ของรัฐบาลประธานาธิบดีซูซิโล บัมบัง ยุโธโยโน ได้รับการสรรเสริญจากบรรดานักวิเคราะห์ผู้ที่เห็นว่ารัฐบาลได้แสดงความรับผิดชอบทางด้านการเงินของประเทศ เพราะการอุดหนุนจะทำให้ประเทศต้องเผชิญหน้ากับการขาดดุลประมาณอย่างรุนแรง แต่ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกล่าวว่ามาตรการจะทำให้ประชาชนอินโดนีเซียจำนวนมากต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายต่าง ๆที่เพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง
