xs
xsm
sm
md
lg

ปักหลักต่อสู้ยืดเยื้อ!-ยื่นหนังสือ ‘สมัคร’ วันนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน – ประชาชนเรือนแสนร่วมชุมนุมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยต้านล้มล้างรัฐธรรมนูญ พันธมิตรฯ ประกาศความสำเร็จพร้อมเคลื่อนมวลชนปักหลักหน้าทำเนียบ 3 ทุ่ม จี้“หมัก”รับผิดชอบฐานฟอกผิดให้ “แม้ว” จนเป็นภัยคุกคามสถาบันหลักชาติ ก่อนเคลื่อนขบวนยื่นหนังสือถอดถอน ส.ส.-ส.ว.ต่อประธานวุฒิสภา 7 โมงเช้าวันนี้  ด้านตำรวจตรึงกำลังเข้ม เข้าสกัดผู้ชุนนุมไม่ให้เดิน ขบวนชะงักที่สะพานมัฆวานฯ

วานนี้ (25 พ.ค.) การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนิน เพื่อเรียกร้องและกดดันให้นายสมัคร สุนทรเวช ในฐานะนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชาชนและคณะรัฐมนตรี แสดงความรับผิดชอบ ต่อความมุ่งหมายที่จะล้มล้างรัฐธรรมนูญเพื่อฟอกความผิดของคนในระบอบทักษิณเพียงอย่างเดียว จนเกิดจากภัยคุกคามต่อ สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีประชาชนจำนวนมากแห่แหนเข้าร่วมชุมนุมอย่างสงบ ก่อนจะเคลื่อนขบวนไปทำเนียบรัฐบาลในช่วงกลางดึกเพื่อปักหลักชุมนุมต่อเนื่อง ท่ามกลางการก่อกวนของกลุ่มต่อต้านที่ชื่นชอบพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยยั่วยุ ขว้างปาหินและขวดน้ำเข้าใส่เป็นระยะ แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะจัดกำลังดูแลแต่ก็ปล่อยให้กลุ่มบุคคลดังกล่าวทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์และสื่อมวลชนจากเอเอสทีวีระหว่างปฎิบัติหน้าที่ได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล(อ่าน ‘ตร.เมินม็อบถ่อยต้านพันธมิตร’ ประกอบ)

ทั้งนี้ ตั้งแต่เวลาประมาณ 12.00 น.บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนิน สถานที่นัดชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประชาชนเริ่มทยอยเดินทางมารวมตัวจากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ เช่น กรุงเทพฯและปริมณฑล พิษณุโลก เพชรบุรี ชลบุรี นครศรีธรรมราช ประจวบคีรีขันธ์ บุรีรัมย์ นครราชสีมา ขอนแก่น สมุทรสาคร ฯลฯ โดยประชาชนที่เดินทางมาในวันนี้มีการเตรียมตัวเป็นอย่างดี มีการเตรียมอาหารมานั่งรับประทานร่วมกันด้วย       
       
ขณะที่บริเวณหน้าสำนักงานสภาทนายความ มีการตั้งโต๊ะแจกแบบฟอร์มล่ารายชื่อประชาชนเพื่อขอให้วุฒิสภาถอดถอนประธานสภาผู้แทนราษฎร ส.ส.และ ส.ว. ที่ร่วมลงนามเสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย

จากนั้นในเวลา 15.00 น. เวทีปราศรัยในการชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยได้เริ่มต้นขึ้น โดยมีการประกาศบนเวทีตอกย้ำว่าการชุมนุมครั้งนี้จะยึดแนวทางสันติวิธี ด้วยความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ก่อนที่จะเปิดเวทีอย่างเป็นทางการ โดยมีนายสำราญ รอดเพชร นางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ และน.ส.สโรชา พรอุดมศักดิ์ ทำหน้าที่พิธีกรบนเวที

แถลงการณ์เคลื่อนไหวต่อเนื่อง  
         
หลังเปิดเวที ประชาชนได้เพิ่มจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ซึ่งประมาณการณ์มีจำนวนนับแสนคนเลยทีเดียว กระทั่งเวลา 19.40 น. นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้อ่านแถลงการณ์ฉบับที่ 10/2551 เรื่อง "เคลื่อนไหวต่อเนื่องเพื่อกำจัดผู้ล้มล้างรัฐธรรมนูญ"โดยมีเนื้อหาสรุปได้ว่า บัดนี้การชุมนุมใหญ่ได้เกิดขึ้นแล้วตามที่พันธมิตรฯ ได้ประกาศเอาไว้ทุกประการ พันธมิตรฯ ขอประกาศความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของประชาชน และขอขอบพระคุณและขอคารวะจิตใจที่ยิ่งใหญ่ของพี่น้องประชาชนที่ได้แสดงพลังเคลื่อนไหว อย่างเข้มแข็งในครั้งนี้
         
ทั้งนี้ พันธมิตรฯ มีมติที่จะเคลื่อนมวลชน ในคืนนี้(25 พ.ค.)เวลา 21.00 น. เพื่อเดินทางไปหน้าทำเนียบรัฐบาลและปักหลักพักค้างอย่างต่อเนื่อง เพื่อเรียกร้องและกดดันให้นายสมัคร สุนทรเวช ในฐานะนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชาชนและคณะรัฐมนตรี แสดงความรับผิดชอบ ต่อความมุ่งหมายที่จะล้มล้างรัฐธรรมนูญเพื่อฟอกความผิดของคนในระบอบทักษิณเพียงอย่างเดียว จนเกิดจากภัยคุกคามต่อ สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข         
         
ขณะเดียวกันขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทั่วประเทศให้มารวมตัวกันเพิ่มมากขึ้น เพื่อไปยื่นหนังสือแจ้งความจำนงต่อประธานวุฒิสภาในการถอดถอนสมาชิกรัฐสภาที่ล้มล้างรัฐธรรมนูญ ในเช้าวันจันทร์ที่ 26 พฤษภาคม 2551 ในตอนเช้าเวลา 6.00น. ณ หน้าทำเนียบรัฐบาล หลังจากนั้นตัวแทนของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะร่วมเดินทางไปพร้อมกันกับพี่น้องประชาชนไปที่หน้ารัฐสภาเวลา 7.00 น.
         
”จำลอง”ลั่นพลังมวลชนทำนักการเมืองโกงกินขวัญผวา

หลังอ่านแถลงการณ์จบ แกนนำพันธมิตรฯ ได้ทยอยกันขึ้นมาบนเวทีเพื่อปราศรัยโจมตีการทำงานของรัฐบาล โดย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กล่าวว่า ในวันนี้นักการเมืองที่โกงกินชาติจะต้องตกใจที่เห็นประชาชนมาเข้าร่วมการชุมนุมเป็นจำนวนมากขนาดนี้ ทำให้ตนนึกถึงวันเก่าๆ ที่เคยรวมพลังกับมวลชน
        
“ทุกท่านที่มีความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เราได้มาร่วมชุมนุมกันวันนี้ ทำให้ผมนึกถึงคืนวันเก่าๆ ที่เคยรวมพลังกับมวลชนทุกท่าน ยังจำกันได้ไหมครับ วันที่เราต้องกินนอนกันกลางถนน ต้องนอนหน้าทำเนียบ จำกันได้ไหมครับ แต่วันนี้จะพิเศษกว่าที่ผ่านมา เพราะแต่ก่อนเราไล่เพียงคนเดียว แต่วันนี้เราไล่เป็นฝูงครับ นับเป็นโอกาสที่พิเศษมากครับ” พล.ต.จำลอง กล่าว
       
ทั้งนี้ ก่อนหน้าที่ พล.ต.จำลองจะทำการปราศรัย ได้มีการกล่าวแถลงการณ์ส่วนตัวกับตำรวจว่า หากตนทำสิ่งใดที่เป็นการผิดกฎหมาย ก็ให้ทำการจับกุมตนได้ทันที อย่าถือเอาความสัมพันธ์ส่วนตัวเป็นที่ตั้ง
         
"สมศักดิ์" ปลุกคนร่วมชาติต้านความอยุติธรรม

เวลา 19.55 น. นายสมศักดิ์ โกศัยสุข กล่าวปราศรัยว่า ตราบใดที่มีการชุมนุมรัฐบาลมักจะอยู่ไม่ได้ การชุมนุมของพันธมิตรฯ ในวันนี้ เป็นการชุมนุมตามสิทธิขั้นพื้นฐานที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ ประชาชนมีสิทธิและหน้าที่พิทักษ์ปกป้องบ้านเมือง
       
วันนี้เห็นได้ชัดเจนว่า พรรคพลังประชาชนมีหัวหน้าพรรคเป็นหุ่นเชิดให้กับอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แทนที่จะทำหน้าที่เป็นตัวแทนของประชาชนทั้งประเทศ ไม่ใช่ของบุคคลบางกลุ่ม ภารกิจที่สำคัญกลับไมทำกลับเร่งรัดแก้กฎหมาย ล้มล้างรัฐธรรมนูญเพื่อพวกพ้อง และ พ.ต.ท.ทักษิณ หยิบนำเอารัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2540 มาอ้าง ทั้งๆ ที่รัฐธรรมนูญฉบับบั้นถูก พ.ต.ท.ทักษิณ ฉีกทิ้งไปตั้งนานแล้ว องค์กรอิสระในขณะนั้นไม่สามารถตรวจสอบการทุจริตของรัฐบาลได้
       
การชุมนุมของพันธมิตรฯ ไม่ได้เป็นความขัดแย้งระหว่างนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และแกนนำพันธมิตรฯ กับ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือ พันธมิตรฯ กับ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่เป็นเรื่องเปิดโปงการโกงกินทรัพย์สินแผ่นดินของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ พบการทุจริตคอรัปชั่นมากมายภายหลังเข้ามาบริหารประเทศ เป็นปัญหาต่อเนื่องมาถึงรัฐบาลพรรคพลังประชาชน เข้ามาก็เร่งรัดคิดแต่แก้ไขแต่รัฐธรรมนูญ ไม่สนใจปัญหาปากท้องของประชาชน ดิ้นรนทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของคนๆ เดียว
       
ขณะเดียวกันรัฐบาลยังปล่อยให้อดีตนายกรัฐมนตรีมาสร้างความขัดแย้งให้กับคนในชาติอีก โดยเฉพาะแนวความคิดดึงนักลงทุนต่างชาติมาลงทุนการทำนาข้าวที่ประเทศไทย ไม่ต่างอะไรกับนโยบายแปลงสินทรัพย์เป็นทุน เป็นนโยบายขายชาติขายแผ่นดิน ดังนั้นเห็นด้วยกับท่าทีของ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.เกษตรและสหกรณ์ ที่ออกมาต่อต้าน นายสมศักดิ์ อย่าไปกลัวว่าจะโดนแก้แค้นภายหลัง ต้องทำหน้าที่เพื่อชาติบ้านเมืองให้ดีที่สุด

นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ ยังประกาศขอประชามติร่วมต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยขอให้ประชาชนยกมือสนับสนุน โดยนายสมศักดิ์ ย้ำเป็นภารกิจที่สำคัญ ถึงเวลาแล้วที่ประชาชนจะต้องลุกขึ้นมาต่อสู้กับความอยุติธรรม อย่าปล่อยให้การทุจริตคอรัปชั่นเข้ามาสร้างความเสียต่อประเทศชาติ

"สมเกียรติ" ซัด รบ.หุ่นเชิด ทำหน้าที่ “โจรกระจอก” ป้องนาย

นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ กล่าวว่า เมื่อ 7 ปีที่แล้ว มีทรราชคนหนึ่งตั้งพรรคการเมืองแล้วทุ่มเงินมหาศาลในการซื้อเสียงให้ ส.ส.เข้าสู่สภา และเมื่อซื้อเข้ามาได้แล้ว ก็ซื้อองค์กรอิสระต่อ จนประเทศพิกลพิการ
       
อย่างไรก็ตาม บาปกรรมได้ตามทัน เมื่อ 7 ปีต่อมา พรรคการเมืองดังกล่าวก็ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้ยุบทิ้ง พรรคการเมืองพรรคนี้มีคนดัดจริตบอกว่าเป็นพรรคที่ดีที่สุด แต่ศาลรัฐธรรมนูญกลับเห็นว่าสมควรให้สั่งยุบทิ้งทำไม นี่หรือพรรคการเมืองที่ดี
      
นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า ในช่วงที่พันธมิตรฯ ชุมนุมเมื่อปี 2549 นั้น มีการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เม.ย.ปีดังกล่าว ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้ตัดสินว่าเป็นการจัดเลือกตั้งที่ไม่ถูกตั้งและสั่งให้ผลการเลือกตั้งเป็นโมฆะทั้งหมด ถือเป็นอาเพศของประเทศไทย เพราะไม่เคยเกิดขึ้นในรอบ 75 ปีหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง นอกจากในยุคของระบอบทักษิณที่จัดเลือกตั้งขึ้น จนทำให้ กกต. ชุด “3 หนา” ต้องติดคุก
         
เมื่ออาเพศของประเทศไทยดังกล่าวผ่านไปแล้ว มีการเลือกตั้งใหม่ ทรราชก็แปลงร่างตั้งพรรคหุ่นเชิดขึ้นมา และซื้อเสียงเข้ามาอีกครั้ง จนถูกดำเนินคดี ซึ่งในเดือนกรกฎาคมนี้ ศาลฎีกาจะตัดสินคดีใบแดง และจะนำไปสู่การยุบพรรคอีกหรือไม่ อีกไม่กี่วันศาลก็จะอ่านคำพิพากษาแล้ว และหวังว่าหลังจากนั้นบ้านเมืองจะดีขึ้น
         
นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า การต่อต้านระบอบทักษิณคราวที่แล้ว เราต่อต้านเรื่องการขายชาติให้สิงคโปร์เป็นเรื่องหลัก กรณีที่มีการีขายหุ้นให้เทมาเสก 7.3 หมื่นล้าน โดยไม่เสียภาษี และมีการแก้ไขกฎหมายเพื่อให้สามารถขายหุ้นในจำนวนดังกล่าวได้ แต่การต่อสู้ขณะนี้มีเรื่องใหญ่กว่านั้น ใหญ่กว่าการขายหุ้นให้สิงคโปร์
        
มีคนที่บอกว่าระบอบนี้ชั่วช้าสามานย์ที่สุด ท่านผู้นั้นก็คือหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ที่ได้เทศนาไว้เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2548 เรื่องเทวทัตยังรู้โทษ โดยบอกว่าคนๆ นี้กำลังจะเปลี่ยนประเทศเป็นระบบประธานาธิบดี ซึ่งนายสนธิ ลิ้มทองกุล ก็พูดเรื่องนี้เช่นกัน และล่าสุด พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรีที่เคยเอื้อประโยชน์ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตอนลอยตัวค่าเงินบาท ก็เริ่มหายมึนฟื้นความทรงจำมา บอกว่ามีคนที่ต้องการตั้งสาธารณรัฐโดยใช้รัฐธรรมนูญเป็นอาวุธ
        
นายสมเกียรติ กล่าวว่า วันนี้ตนไม่อยากพูดแรง เพราะเป็น ส.ส.แล้ว และมีคนใจดีกรุณาถีบเบาๆ ซึ่งเรื่องนี้ มีผู้ใหญ่มาขอร้องหลายครั้งให้ตนถอนฟ้อง ส.ส.ที่ถีบ หลังจากตนได้ฟ้องไว้ 2 คดี อย่างไรก็ตาม ขอประกาศว่าไม่ถอนฟ้องอย่างแน่นอน ยกเว้นคนที่อยากเป็นประธานาธิบดีจะไม่มีชีวิตอยู่แล้ว
       
นายสมเกียรติ กล่าวทิ้งท้ายว่า เมื่อครั้งร่วมเวทีพันธมิตรฯ ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล เมื่อปี 2549 พวกเราได้ชี้เข้าไปในทำเนียบรัฐบาลตอนตี 2 แล้วบอกว่า นี่คือซ่องโจร แต่คราวนี้ไม่ใช่แล้ว เพราะนี่คือหุ่นเชิดที่ทำหน้าที่โจรกระจอกเพื่อปกป้องนาย แล้วส่งกำลังกระจอกมาก่อกวนอยู่ข้างๆ เวทีพันธมิตร
   
“พิภพ” แฉ พลังแม้วสุดอำมหิต!

นายพิภพ ธงไชย กล่าวว่า วันนี้เรานึกไม่ถึงใช่ไหมว่าจะต้องมาชุมนุมกันขนาดใหญ่อย่างนี้อีก หลังจากที่เราเว้นว่างไปปีกว่า ปัญหาที่เรากำลังจะต่อสู้ในวันนี้ จะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย เพราะว่าพฤติกรรมของอดีตนายกฯ ได้ถูกแพร่กระจายไปทั่ว ว่าสิ่งที่เราต่อสู้เมื่อก่อน 19 กันยา คือ พฤติกรรมในฐานะนายกฯ ที่บริหารราชการแผ่นดิน ไปมีแนวโน้มว่าก่อให้เกิดการทุจริตคอรัปชั่นอย่างมโหฬาร ตอนนั้นเราชุมนุมเดินขบวนให้ลาออก แต่เมื่อเวลาผ่านไป เมื่อมีการทำข้อมูลอย่างเป็นระบบโดยคตส. สอบสวนคดีความต่างๆ จนประจักษ์ชัดว่าสามารถนำตัวขึ้นศาลได้ เพราฉะนั้นวันนี้เป้าหมายของเราคือเอาตัวคุณทักษิณ (ชินวัตร) ขึ้นศาล นี่เป็นเป้าหมายที่ก้าวหน้าขึ้น ถ้าเราไม่เชื่อในกระบวนการยุติธรรม เราจะเชื่ออะไร
      
“จึงอยากถามคุณทักษิณว่าที่บอกว่าตัวเองบริสุทธิ์ ทำไมเมื่อเข้าสู่ศาลยุติธรรม ซึ่งคณะรัฐประหารไม่ได้ไปแตะต้องแทรกแซงเลย ถึงไม่ยอม แสดงว่าคุณทักษิณไม่แน่ใจว่าตัวเอง ทำถูกใช่ไหม นั่นเป็นประเด็นหนึ่งที่คุณทักษิณกลัวตลอดชีวิต” นายพิภพ กล่าว
        
นายพิภพ กล่าวต่อว่า อีกเรื่องที่คุณทักษิณกลัวคือการถูกเปิดโปงในศาลว่ามีการกระทำอะไรบ้าง อันนี้ ประชาชนจะเห็นของจริงว่าที่เรากล่าวหาเขาทุจริตคอรัปชั่นออกกฎหมายและนโยบายเอื้อประโยชน์ให้กับตัว มันสลับซับซ้อนอย่างไร คราวนี้ล่ะโลกจะได้ตื่นตะลึงแล้วได้เข้าใจเสียทีว่า ประชาธิปไตยในระบอบรัฐสภาไม่สามารถจัดการได้ เราจึงต้องใช้มวลชนในนามพันธมิตรฯทั้งประเทศที่ไม่ได้มายืนชุมนุม ณ ที่นี้หรือก่อน 19 กันยาฯ ก็มีไม่น้อยกว่า 10ล้านคน ดูจากคะแนนเสียง และโนโหวต มากหมายมหาศาล ฉะนั้นการชุมนุมวันนี้ถ้าจะบังคับให้คุณทักษิณขึ้นศาล จะต้องมากันให้มากขึ้น
        
“คุณสมัคร มีความในใจกับคุณทักษิณ ที่เป็นสัญญาใจกันสองเรื่อง เรื่องแรกถ้าคุณสมัครเป็นนายกฯ จะต้องเคลียร์เรื่องความจงรักภักดีที่คุณทักษิณถูกกล่าวหา และได้พยายามทำไปแล้ว เรื่องที่สองคือ จะต้องไม่นำตัวทักษิณเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม นี่เป็นสิ่งที่คุณสมัครรับปากกับคุณทักษิณไว้ว่าจะทำให้ แม้จะเป็นนายกฯเพียงหนึ่งวันเท่านั้น ฉะนั้นไม่แปลกใจที่ตลอดเวลา คุณสมัครพยายามทำทุกทาง รู้ตัวเองว่า เป็นนอมินี เป็นผู้รับจ้างหรือเป็นลูกจ้างมาทำการนี้ เมื่อคุณสมัครทำไม่สำเร็จ ติดขัด สมาชิกพรรคพลังประชาชน จึงเข้าชื่อขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ”
        
นายพิภพ กล่าวต่อว่า เวลาเราดูแก้ไขรัฐธรรมนูญ เราก็นึกว่ามาตรา14 ฉบับที่เขาจะขอแก้ไข ไปล้มล้างมาตรา 309 เป็นเรื่องใหญ่ เพราะถ้าแก้มาตรา309ได้ คุณทักษิณก็ไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม นั่นเป็นสิงที่ประจักษ์ทั่วไป แต่กลลวงสำคัญของคณะผู้แก้อยู่ตรงที่ ประการที่หนึ่ง จะแก้ให้พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ ฟังดูดีแต่ผู้เสนออำมหิต เพราะการเสนอดังกล่าวมีความเห็นที่แตกต่างกัน ตั้งแต่รัฐธรรมนูญปี 2540 จนมาถึงฉบับปี 2550
       
“ฉะนั้นการกระทำอันนี้ผมเชื่อว่าคุณสมัคร สมาชิกพลังประชาชน ไม่มีความจริงใจ แต่ต้องการเสนอประเด็นนี้มาเพื่อให้เกิดการแตกแยก” นายพิภพกล่าวและว่า รัฐบาลไม่มีหน้าที่มาก่อให้เกิดความแตกแยก ขณะที่ปัญหาเศรษฐกิจกำลังลุกลามแล้วไม่มีทางที่จะแก้ได้ แต่รัฐบาลกลับไม่สนใจ ที่จะทุ่มเวลาทั้งหมดไปกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ถามหน่อยเถอะว่า รัฐธรรมนูญจำเป็นที่จะต้องแก้อย่างด่วนหรือเปล่า ถ้าไม่แก้เพื่อให้คุณทักษิณไม่เข้าสู่กระบวนยุติธรรม ก็ไม่ใช่เรื่องรีบด่วน อันนี้ถือว่าเป็นการแบ่งแยกประชาชนที่รัฐบาลไม่ควรทำแต่ก็ทำ
         
แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวด้วยว่า อีกสิ่งที่ซ่อนอยู่ในการแก้ไขอีก คือ ในหมวดสิทธิเสรีภาพนั้นของรัฐธรรมนูญปี2550 ก้าวหน้ากว่า2540 ผู้แก้ขอให้ยกเลิกหมด ใช้ของฉบับปี2540 หมด ของปี2550จะรื้อทิ้งทั้งหมดรวมทั้งเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง เราจะยอมได้หรือที่จะให้ประเทศไทยไปสู่ระบบทุนนิยมเต็มตัวโดยไม่ให้ประชาชนมีทางเลือกในระบบเศรษฐกิจพอเพียง
        
นายพิภพ กล่าวต่อว่า ที่อำมหิตไปกว่านั้น ในหมวดรัฐมนตรี มาตรา190 เกี่ยวกับเรื่องการทำสนธิสัญญาระหว่างประเทศ เอฟทีเอ ซึ่งพี่น้องชาวเกษตรกรภาคเหนือเจ็บปวดที่ในสมัยรัฐบาลทักษิณทำเอฟทีเอโดยไม่ผ่านสภาโดยที่พี่น้องเกษตรกรไม่รับรู้ เมื่อเซ็นลงนามเสร็จ หอมกระเทียมก็ขายสู้จีนไม่ได้
         
“ฉะนั้นรัฐบาลสมัครซึ่งอ้างว่าตัวเองไม่ขอเป็นเจ้าภาพ เมื่อส.ส.พลังประชาชนเข้าชื่อขอแก้ไขรัฐธรรมนูญเมื่อเปิดประชุมสภา ประธานสภาต้องนำร่างเข้าสู่กระบวนการการแก้ไขภายใน 15 วัน ยับยั้งไม่ได้ ฉะนั้นการที่นายสมัครมาบอกว่า จะทำประชามติ เพื่อถาม นี่เป็นการหลอกลวงหรือไม่ เพราะการทำประชามาติจะไมมีผลไปหักล้างกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ” แกนนำพันธมิตร กล่าว

5 แกนนำนำทัพ ปชช.เคลื่อนบุกทำเนียบฯ

ต่อมา นายสนธิ ลิ้มทองกุลได้ขึ้นกล่าวบนเวทีปราศรัยว่า วันนี้ไม่ใช่เรื่องของการแก้หรือไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่เป็นเรื่องของชาติว่าเราจะอยู่ในชาตินี้อย่างไร ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่เป็นจุดยืนที่เราต้องการให้ดำรงอยู่ในสิ่งดีๆ ในอดีตจะดำรงคงอยู่ในรูปแบบของราชอาณาจักร หรือจะเปลี่ยนแปลงไปเป็นสาธารณรัฐ
      
นายสนธิ กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นการพรางตาเท่านั้น มันสะท้อนมากกว่าเพื่อต้องการให้คนหนึ่งพ้นผิด มันสะท้อนจารีต วัฒนธรรมของเราจะหมดไป การเคารพผู้ใหญ่ จะหมดไป การเคารพปู่ยาตายาย พ่อหลวงที่จะอยู่คู่สังคม สถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่มีเป็นสัญลักษณ์ แต่มันเป็นจิตวิญญาณของสังคม ถ้าสังคมใดขาดจิตวิญญาณ ก็ไม่ใช่สังคมมนุษย์ กระบวนการขายบ้านขายเมือง หรือการนิ่งเฉย เพื่อให้เขมรได้มรดกโลกเขาพระวิหาร หรือขึ้นค่าน้ำตาลแล้วผลักภาระให้ประชาชน
         
“วันนี้ไม่ใช่เรื่องแก้รัฐธรรมนูญอย่างเดียว แต่มันเป็นจุดเริ่มต้นของระบอบสาธารณรัฐ เราจะยอมไม่ได้ เพราะมันเป็นเรื่องของชาติบ้านเมือง ถ้าชาติล่มเราจะอยู่อย่างไร” นายสนธิ ระบุ และว่า ไม่ใช่เรื่องของคนที่พูดจาถ่อย หรือจ้างกุ๊ยอันธพาล เป็นเรื่องรวมกันทั้งหมดเพื่อกระทบต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เวลานี้เราสู้ไม่รู้ว่าจะสู้อย่างไร หัวชนกำแพง แต่สู้ด้วยใจบริสุทธิ์ ถ้าบ้านเมืองเอาเงินเป็นตัวตั้งชาติก็จะล่มจม คนมีเงินก็ซื้อได้ทุกอย่าง นี่คือสงครามครั้งสุดท้าย” นายสนธิ ระบุ
        
นายสนธิ กล่าวอีกว่า การจัดการกับเพ็ญที่ดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นเพียงแค่หมอกควัน เพราะถ้าจะจัดการต้องจัดการตั้งแต่แรก ดังนั้น จึงเป็นหมากที่เพิ่งเริ่มต้นเพื่อล้มสถาบันพระมหากษัตริย์และเริ่มต้นสาธารณรัฐ และการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นการเริ่มต้นเท่านั้น
    
ก่อนจบการปราศรัยและเตรียมเคลื่อนขบวนผู้ชุมนุมไปยังทำเนียบรัฐบาลในเวลา 21.30 น.นายสนธิ ได้อัญเชิญพระสยามเทวาธิราช โดยกล่าวนำผู้ชุมนุมโดยตั้งจิตอธิษฐาน เพื่อเป็นสิริมงคล และคุ้มครองจากภัยอันตรายจากพวกมาร

มุ่งหน้าทำสู่เนียบฯ
         
จากนั้นขบวนประชาชนผู้ร่วมชุมนุมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้เคลื่อนออกจากบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อมุ่งหน้าไปยังทำเนียบรัฐบาล พร้อมกับ 5 แกนนำ โดยมีกองทัพธรรมนำหน้าเคลื่อนขบวนไปตามถนนราชดำเนิน ผ่านสะพานผ่านฟ้า ไปยังหน้ากองบัญชาการกองทัพบก ข้ามสะพานมัฆวาน ไปเลี้ยวขวาตรงแยกมิสักกะวัน เพื่อไปตั้งเวทีปราศรัยหน้าทำเนียบรัฐบาลไปจนถึงรุ่งเช้า
       
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนที่มาร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ ครั้งนี้มีประมาณ 1 แสนคน โดยหัวขบวนอยู่ที่เชิงสะพานผ่านฟ้า ขณะที่ท้ายขบวนอยู่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
         
อย่างไรก็ตาม ระหว่างทางสู่ทำเนียบ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งด่านสกัดพร้อมนำแผงกั้นหลายจุด เริ่มตั้งแต่ที่บริเวณสะพานผ่านฟ้า สะพานมัฆวาน และแยกมิสักกะวัน ทำให้การเคลื่อนขบวนต้องหยุดชะงัก และแกนนำได้พยายามเจรจากับเจ้าหน้าที่เพื่อขอผ่านด่านไปยังทำเนียบรัฐบาล

โดยเวลา ประมาณ 23.00น. ขบวนไม่สามารถฝ่าด่านตำรวจที่ตั้งแถวสกัดอย่างหนาแน่น ทั้งที่ฝ่ายผู้ชุมนุมโดยแกนนำพันธมิตรฯพยายามเจรจากับตร.ว่าจะเดินไปอย่างสงบ แต่ก็ไม่ประสบผล จึงปักหลักอยู่ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ชั่วคราว

นายสุริยะใส กะตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตร กล่าวว่า ตำรวจได้สกัดกั้นไม่ยอมให้เคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาล โดยจัดกำลังตำรวจประมาณ 600 นาย ปิดกั้น พร้อมกับจัดเตรียมแก๊สน้ำตา เพื่อสลายผู้ชุมนุม ทำให้พันธมิตร มีความจำเป็นต้องตั้งเวทีชุมนุมที่บริเวณสะพานมัฆวานไปก่อน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า ตำรวจไม่น่าจะใช้ความรุนแรงในการสลายการชุมนุม แต่ก็ไม่ประมาททางพันธมิตร ได้ระวังอยู่ตลอดเวลา

ตำรวจขวางพันธมิตร

พล.ต.ต.บุญส่ง พานนิชอัตรา รองผบช.น.กล่าวว่าที่บริเวณสะพานผ่านฟ้านั้น ทางตำรวจได้มีการพูดคุยกับผู้บังคับบัญชาแล้วว่า จะไม่ปล่อยให้กลุ่มพันธมิตรฯ ข้ามไปเด็ดขาด แต่ยังไม่มีการเจรจา ปรากฏว่า กลุ่มพันธมิตรฯ ได้ฝ่าด่านออกไปได้ และเคลื่อนขบวนไปจนถึงกระทรวงเกษตรฯ

"การจะข้ามสะพานมัฆวานฯไป ทางเราได้มีการคุยกับผู้บังคับบัญชาแล้วว่า จะไม่ปล่อยให้กลุ่มผู้ชุมนุมไป โดยจัดเตรียมกำลังตำรวจ 1,000 นาย พร้อมแก๊สน้ำตา และกระสุนยาง โดยจะใช้รถบรรทุก 6 ล้อ ประมาณ 10 คัน พร้อมรั้วเหล็กมากั้น ไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมผ่านไปได้ แต่ทั้งนี้ จะต้องประชุม หารือกับผู้บังคับบัญชาอีกครั้ง"

เปิดเวทีปราศรัยเดือด ซัดแก้ รธน.ฟอกพรรค-แม้ว

อนึ่ง ก่อนหน้าที่แกนนำพันธมิตรฯ จะขึ้นบนเวทีและมีการเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาล ได้มีบุคคลสำคัญทยอยกันขึ้นมาปราศรัยเป็นจำนวนมาก นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายสุรพงษ์ ชัยนาม อดีตทูตไทย นายวีระ สมความคิด เลขารธิการเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชัน

ทั้งนี้ นายวีระ กล่าวว่า วันนี้เรามาไล่รัฐบาลโจร ซึ่งกำลังจะมาแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อช่วยพวกพ้อง จากนั้นได้อ่านแถลงการณ์จากกลุ่มประชาชนชาวไทยผู้เทิดทูนสถาบัน ต่อกรณีที่นายจักรภพ เพ็ญแข รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาพูดจาหมิ่นเหม่ต่อสถาบันหลายครั้ง และเมื่อเป็นข่าวออกสู่สาธารณชน กลับไม่มีใครแสดงความรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นตัวนายจักรภพ ผู้กระทำ หรือ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง
     
“จึงขอเรียกร้องให้ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลและเป็นผู้บังคับบัญชาของ นายจักรภพ เพ็ญแข แสดงความรับผิดชอบและปกป้องสถาบันเบื้องสูงของชาติไว้ ด้วยการปลด นายจักรภพ เพ็ญแข ออกจากการเป็น รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ภายใน 7 วัน”
         
นอกจากนี้ ยังมีบุคคลสำคัญขึ้นเวทีปราศรัยจำนวนมาก ได้แก่ นายประพันธ์ คูณมี สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)  ดร.ภูวดล ทรงประเสริฐ อาจารย์ประจำคณะสังคมศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์  ดร.ประยูร อัครบวร อดีตรองเลขาฯ สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.)
 
"สมัคร" ไม่พูดพันธมิตรฯ ชุมนุม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ออกรายการ "สนทนาประสาสมัคร" ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย และสถานีวิทยากระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ ได้เดินออกมา ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด โดยสื่อมวลชนพยายามสอบถามถึงกรณีที่ กลุ่มม็อบพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นัดชุมนุมกันเย็นวันนี้(25พ.ค.) มีความหนักใจหรือไม่ นายสมัคร ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม และทำสีหน้าเฉยๆ พร้อมกับรีบเดินไปขึ้นรถทันที

ทั้งนี้ ในเวลา 15.00น. วันเดียวกัน นายสมัครมีวาระงานต้องกราบทูลรายงาน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จเป็นองค์ประธานจัดงานสมโภชพระอารามหลวง ครบ 240 ปี ณ วัดยานนาวา เขตสาทร กรุเทพฯ

"เรืองโรจน์" ห่วงชุมนุมบานปลาย

พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงของนายกรัฐมนตรี และในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงการชุมนุมต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญของกลุ่มพันธมิตรฯว่า ขณะนี้คงยังประเมินสถานการณ์การชุมนุมไม่ได้ แต่ตนก็รู้สึกเป็นห่วง เหมือนกับทุกคน คงไม่มีใครอยากให้สถานการณ์บานปลาย

พล.อ.เรืองโรจน์ กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า จนถึงขณะนี้ตนก็ยังไม่ได้ให้คำแนะนำอะไรแก่ส.ส.ในพรรค เมื่อเรื่องเป็นอย่างนี้ก็ว่ากันไปก่อน แต่ถึงเวลา ต้องมีมติก็คิดว่าต้องฟังเสียงข้างมากซึ่งเป็นเสียงของส่วนรวม สำหรับการทำประชามตินั้น ก็เป็นสิ่งที่ดี แต่ถามว่าทำแล้วจะยอมรับกันหรือไม่ ถ้าทำแล้วคนไม่ยอมรับก็ไม่ได้เรื่อง

ผู้สื่อข่าวถามว่าต้องมีเวทีกลางระหว่าง 2 ฝ่ายพูดคุยหาทางออกร่วมกันหรือไม่ พล.อ.เรืองโรจน์ กล่าวว่า รอสักหน่อย ยังไม่ขอตอบ ให้ถึงเวลาทุกอย่างจะดีเองซึ่งจะใช้เวลาไม่นาน เดี๋ยวก็คุยกันไม่มีปัญหา เมื่อถามย้ำต้องคุยกับกลุ่มพันธมิตรฯ ด้วยหรือไม่ พล.อ.เรืองโรจน์ กล่าวว่า "เขาคงไม่อยากจะคุยกับเรามั้ง แต่จริง ๆ แล้วเป็นคนไทยด้วยกันน่าจะคุยกันได้"
กำลังโหลดความคิดเห็น