ผู้จัดการรายวัน – จีเอฟเอเล็งปรับราคาอาหารและเครื่องดื่มในเครือรวด หลังแบกต้นทุนไม่ไหว ประเดิมไปแล้ว นิวยอร์กเดลี่ 10% อีก 2 เดือนถึงคิว ครีมแอนด์ฟัดจ์ ส่วนที่เหลืออีก 6 เดือนรู้ชัด พร้อมเปิดตลาดใหม่ในต่างประเทศ ที่ซูดาน
นายเฟรด โมฮาวาด ประธานกรรมการบริหาร บริษัท จีเอฟเอ คอร์ปอเรชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม กล่าวว่า ขณะนี้ต้นทุนการดำเนินงานโดยรวมได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ทั้งต้นทุนการผลิตจากราคาวัตถุดิบต่างๆที่ปรับเพิ่มขึ้น คาขนส่งที่สูงขึ้นจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นตลอด ทำให้บริษัทฯต้องวางแผนที่จะปรับราคาจำหน่ายผลิตภัณฑ์ขึ้นทั้งหมด โดยล่าสุด แบรนด์ นิวยอร์กเดลี่ (ร้านแซนด์วิชและเครื่องดื่ม) ได้ปรับราคาแล้ว 10% เมื่อเดือนที่ผ่านมา
นอกจากนั้นอีก 2 เดือนจากนี้ จะปรับราคาผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ เดอะครีมแอนด์ฟัดจ์แฟคตอรี่ ร้านไอศกรีม เพราะต้นทุนสูงมาก จากการนำเข้าวัตถุดิบระดับพรีเมียมจากต่างประเทษเข้ามาผลิต
ขณะที่แบรนด์ที่เหลือนั้นเช่น คอฟฟี่เวิลด์ พิซซ่าคอร์เนอร์ เดอะโดนัทเบรกเกอร์ โกลเด้นเพรทเซล และจู๊ยส์โซมาเนีย ก็อยู่ระหว่างการศึกษาต้นทุนที่แท้จริงว่าเป็นอย่างไร คาดว่าอีกประมาณ 6 เดือนจากนี้จะปรับราคาผลิตภัณฑ์ขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯยังคงมั่นใจกับการลงทุนในประเทศไทยต่อเนื่อง แม้สถานการณ์การเมืองจะยังไม่นิ่ง เศรษฐกิจไม่ดีทำให้ค่าครองชีพสูง แต่เมื่อดูจากยอดขายรวมไตรมาสแรกปี 2551 นี้สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 8% และคาดหวังทั้งปีจะเติบโต 20% โดยวางแผนเปิดสาขารวมกันไม่ต่ำกว่า 20 สาขาทุกแบรนด์ ด้วยงบลงทุนที่วางไว้กว่า 100 ล้านบาท และพร้อมที่จะเปิดตัวแบรนด์ใหม่ๆต่อเนื่องเมื่อถึงเวลาและมีโอกาส แต่ปัญหาหลักอยู่ที่การหาทำเลดีๆและขนาดพื้นที่ที่ต้องการในการเปิดร้านในเครือมากกว่า เพราะปัจจุบันหาได้ยากมากขึ้น
ปัจจุบันในไทยมีร้านในเครือที่เปิดบริการรวม 7 แบรนด์ จำนวน 100 สาขา โดยมีร้านคอฟฟี่เวิลด์มากที่สุด และเป็นรายได้หลักกว่า 75% ล่าสุดเปิดร้านคอฟฟี่เวิลด์ที่เซ็นทรัลสีลม และในเดือนหน้าเตรียมเปิดแบรนด์ใหม่คือร้านโคนนิซซ่า สาขาแรกของบริษัทในไทยที่สยามพารากอน ทั้งนี้บริษัทฯมีเป้าหมายรวมในไทยคงสัดส่วนสาขาของบริษัทฯเองที่ 70% และแฟรนไชส์ 30%
กลยุทธ์หลักยังคงเน้นการเปิดสาขาแบบมัลติแบรนด์ โดยการเปิดร้านในเครือรวมกันหลายแบรนด์ในที่เดียวกัน เนื่องจากเป็นการสร้างความได้เปรียบจากคู่แข่งขันที่มีแบรนด์น้อยกว่า เพราะสามารถที่จะดึงลูกค้าเข้ามาและเป็นการขยายฐานจากแบรนด์หนึ่งไปยังอีกแบรนด์หนึ่งในเครือได้ด้วย
ขณะที่แผนการดำเนินงานต่างประเทศนั้น ตั้งงบเฉลี่ยไว้ที่ 320 ล้านบาท ในการลงทุนเปิดสาขาใหม่และแบรนด์ใหม่ๆ โดยมุ่งเป้าหมายที่ 3 ประเทศหลักในการลงทุนเองเป็นส่วนใหญ่คือ อเมริกา อินเดีย ดูไบ ขณะที่ประเทศอื่นนั้นจะเน้นการขายแฟรนไชส์ โดยปัจจุบันในต่างประเทศมีสาขารวมทั้งสิ้นกว่า 100 สาขาทุกแบรนด์ และตั้งเป้าหมายที่จะมีสาขารวมทั่วโลกรวมไทยด้วยประมาณ 200 สาขาภายในอีก 4 ปี
สำหรับตลาดล่าสุดคือ ประเทศซูดาน เป็นการขายแฟรนไชส์ให้กับนักลงทุนที่ซื้อไปแบบมาสเตอร์แฟรนไชส์ เปิดที่เมืองคาทูม แบบมัลติแบรนด์คือ พิซซ่าคอร์เนอร์ คอฟฟี่เวิลด์ นิวยอร์กเดลี่ ซึ่งเป็นตลาดใหม่ที่น่าสนใจ
ทั้งนี้บริษัทฯคาดว่าในอีก 3 ปีจากนี้ จะมีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 40% โดยปัจจุบัน รายได้ในประเทศเติบโต 24% ตลาดต่างประเทศเติบโต 20% ขณะที่สัดส่วนรายได้จาก ไทย 40% และต่างประเทศ 60%
นายเฟรด โมฮาวาด ประธานกรรมการบริหาร บริษัท จีเอฟเอ คอร์ปอเรชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม กล่าวว่า ขณะนี้ต้นทุนการดำเนินงานโดยรวมได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ทั้งต้นทุนการผลิตจากราคาวัตถุดิบต่างๆที่ปรับเพิ่มขึ้น คาขนส่งที่สูงขึ้นจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นตลอด ทำให้บริษัทฯต้องวางแผนที่จะปรับราคาจำหน่ายผลิตภัณฑ์ขึ้นทั้งหมด โดยล่าสุด แบรนด์ นิวยอร์กเดลี่ (ร้านแซนด์วิชและเครื่องดื่ม) ได้ปรับราคาแล้ว 10% เมื่อเดือนที่ผ่านมา
นอกจากนั้นอีก 2 เดือนจากนี้ จะปรับราคาผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ เดอะครีมแอนด์ฟัดจ์แฟคตอรี่ ร้านไอศกรีม เพราะต้นทุนสูงมาก จากการนำเข้าวัตถุดิบระดับพรีเมียมจากต่างประเทษเข้ามาผลิต
ขณะที่แบรนด์ที่เหลือนั้นเช่น คอฟฟี่เวิลด์ พิซซ่าคอร์เนอร์ เดอะโดนัทเบรกเกอร์ โกลเด้นเพรทเซล และจู๊ยส์โซมาเนีย ก็อยู่ระหว่างการศึกษาต้นทุนที่แท้จริงว่าเป็นอย่างไร คาดว่าอีกประมาณ 6 เดือนจากนี้จะปรับราคาผลิตภัณฑ์ขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯยังคงมั่นใจกับการลงทุนในประเทศไทยต่อเนื่อง แม้สถานการณ์การเมืองจะยังไม่นิ่ง เศรษฐกิจไม่ดีทำให้ค่าครองชีพสูง แต่เมื่อดูจากยอดขายรวมไตรมาสแรกปี 2551 นี้สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 8% และคาดหวังทั้งปีจะเติบโต 20% โดยวางแผนเปิดสาขารวมกันไม่ต่ำกว่า 20 สาขาทุกแบรนด์ ด้วยงบลงทุนที่วางไว้กว่า 100 ล้านบาท และพร้อมที่จะเปิดตัวแบรนด์ใหม่ๆต่อเนื่องเมื่อถึงเวลาและมีโอกาส แต่ปัญหาหลักอยู่ที่การหาทำเลดีๆและขนาดพื้นที่ที่ต้องการในการเปิดร้านในเครือมากกว่า เพราะปัจจุบันหาได้ยากมากขึ้น
ปัจจุบันในไทยมีร้านในเครือที่เปิดบริการรวม 7 แบรนด์ จำนวน 100 สาขา โดยมีร้านคอฟฟี่เวิลด์มากที่สุด และเป็นรายได้หลักกว่า 75% ล่าสุดเปิดร้านคอฟฟี่เวิลด์ที่เซ็นทรัลสีลม และในเดือนหน้าเตรียมเปิดแบรนด์ใหม่คือร้านโคนนิซซ่า สาขาแรกของบริษัทในไทยที่สยามพารากอน ทั้งนี้บริษัทฯมีเป้าหมายรวมในไทยคงสัดส่วนสาขาของบริษัทฯเองที่ 70% และแฟรนไชส์ 30%
กลยุทธ์หลักยังคงเน้นการเปิดสาขาแบบมัลติแบรนด์ โดยการเปิดร้านในเครือรวมกันหลายแบรนด์ในที่เดียวกัน เนื่องจากเป็นการสร้างความได้เปรียบจากคู่แข่งขันที่มีแบรนด์น้อยกว่า เพราะสามารถที่จะดึงลูกค้าเข้ามาและเป็นการขยายฐานจากแบรนด์หนึ่งไปยังอีกแบรนด์หนึ่งในเครือได้ด้วย
ขณะที่แผนการดำเนินงานต่างประเทศนั้น ตั้งงบเฉลี่ยไว้ที่ 320 ล้านบาท ในการลงทุนเปิดสาขาใหม่และแบรนด์ใหม่ๆ โดยมุ่งเป้าหมายที่ 3 ประเทศหลักในการลงทุนเองเป็นส่วนใหญ่คือ อเมริกา อินเดีย ดูไบ ขณะที่ประเทศอื่นนั้นจะเน้นการขายแฟรนไชส์ โดยปัจจุบันในต่างประเทศมีสาขารวมทั้งสิ้นกว่า 100 สาขาทุกแบรนด์ และตั้งเป้าหมายที่จะมีสาขารวมทั่วโลกรวมไทยด้วยประมาณ 200 สาขาภายในอีก 4 ปี
สำหรับตลาดล่าสุดคือ ประเทศซูดาน เป็นการขายแฟรนไชส์ให้กับนักลงทุนที่ซื้อไปแบบมาสเตอร์แฟรนไชส์ เปิดที่เมืองคาทูม แบบมัลติแบรนด์คือ พิซซ่าคอร์เนอร์ คอฟฟี่เวิลด์ นิวยอร์กเดลี่ ซึ่งเป็นตลาดใหม่ที่น่าสนใจ
ทั้งนี้บริษัทฯคาดว่าในอีก 3 ปีจากนี้ จะมีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 40% โดยปัจจุบัน รายได้ในประเทศเติบโต 24% ตลาดต่างประเทศเติบโต 20% ขณะที่สัดส่วนรายได้จาก ไทย 40% และต่างประเทศ 60%