พิจิตร– รัฐ/เอกชนเมืองชาละวันเกาะติดสถานการณ์ข้าว คาดอีก 2 เดือนผลผลิตทะลัก หลังชาวนาพิจิตรแห่ปลูกข้าวเพิ่มกว่าล้านไร่ - ใช้เทคโนโลยีร่นเวลาเก็บเกี่ยว จนทำนาได้ถึง 5 ครั้งใน 2 ปี ประธานชมรมโรงสีฯ สอนเชิงรัฐอย่าพูดมากกว่าทำ หวั่นข้าวราคาร่วงหนัก จี้เร่งหาออเดอร์ ตปท.ให้ได้ 10 ล้านตันขึ้น ก่อนเกิดวิกฤตม็อบชาวนา
วานนี้ (22 พ.ค.) นายสุเมธ ชัยเลิศวณิชกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร เป็นประธานการประชุมคณะทำงานประเมินสถานการณ์และติดตามภาวะการค้าข้าวและผลิตภัณฑ์จังหวัดพิจิตร ณ ห้องประชุมหอการค้าจังหวัดพิจิตร ศาลากลางจังหวัดพิจิตร โดยมีตัวแทนหอการค้า ธ.ก.ส. ตัวแทนชาวนา นักวิชาการข้าว เกษตรจังหวัด สหกรณ์จังหวัด ตัวแทนชมรมโรงสีข้าว ฯลฯ เข้าร่วมประชุม
ที่ประชุมมีการรายงานตัวเลขพื้นที่การเพาะปลูกข้าวของชาวนาพิจิตร ทั้งในเขตชลประทานและนอกเขตชลประทานว่า จากที่เคยมีการปลูกข้าวบนพื้นที่ 8.6 แสนไร่ ขณะนี้เพิ่มขึ้นเป็น 1.08 ล้านไร่ คาดว่าอีก 2 เดือนข้างหน้าคือต้นเดือนกรกฎาคม จะมีผลผลิตออกสู่ตลาดมากมายมหาศาลเป็นประวัติการณ์ของการผลิตข้าวในพื้นที่จังหวัดพิจิตร
นอกจากนี้ เกษตรกรยังมีการพัฒนาการทำนาหันมาใช้เครื่องปักดำที่มีแปลงเพาะกล้าอายุราว 40 วันมาปักดำ ทำให้อายุต้นข้าวที่มีอยู่ในแปลงนาจริงเพียง 70 วัน ก็เก็บเกี่ยวได้ จนสามารถทำนาได้ 2 ปี 5 ครั้ง ในเขตพื้นที่ชลประทาน โดยไม่มีการปล่อยให้ดินพักตัว ซึ่งน่าเป็นห่วงเรื่องคุณภาพของดินในอนาคต
นอกจากนี้ การปลูกข้าวหอมมะลิก็มีน้อยลง เพราะเกษตรกรมุ่งเพียงให้ได้ผลผลิตมากที่สุดเท่านั้น เพื่อให้ทันต่อราคา ส่วนเมล็ดพันธุ์ข้าวตอนนี้ขาดแคลนมากและมีราคาสูงถึงถังละ 350 บาท เรียกได้ว่าขึ้นอีก 2 เท่าตัว
นายบรรจง ตั้งจิตรวัฒนากุล ประธานชมรมโรงสีข้าวจังหวัดพิจิตร เปิดเผยว่า ปีนี้ผลผลิตข้าวในพื้นที่จังหวัดพิจิตรจะมีมากมายเป็นประวัติการณ์อาจถึง 8 แสนตัน ดังนั้น รัฐบาลต้องเร่งเจรจาและทำสัญญาส่งข้าวสารออกให้ได้ถึง 10 ล้านตัน ส่วนราคาข้าวเฉพาะช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ราคาจะยืนอยู่ได้สูงกว่า 1 หมื่นบาทไปถึง 1 หมื่น 4 พันบาท แต่พอต้นเดือนกรกฎาคม 2551 อาจลงต่ำกว่า 1 หมื่นบาท ถ้ารัฐบาลไม่ชัดเจนเรื่องการส่งออก
นอกจากนี้ ยังฝากเตือนถึงรัฐบาลขอให้ทำก่อนแถลงข่าว อย่าโหมโรงเกินไปจะทำให้ตลาดปั่นป่วนไม่ว่าเรื่องส่งออกหรือข้าวถุงก็ตาม
“ยิ่งพูดมากตลาดก็ยิ่งปั่นป่วนมาก อีกทั้งขอให้สถาบันการเงินเร่งปล่อยเงินกู้ให้นักธุรกิจเพิ่มขึ้น เพื่อให้เกิดสภาพคล่องในการซื้อข้าวในฤดูกาลใหม่อีกด้วย”
ด้าน นายอนุวัฒน์ ปัจมาภิรมย์ ประธานอาวุโสหอการค้าจังหวัดพิจิตร นักธุรกิจค้าข้าวรายใหญ่ของจังหวัดพิจิตรยังฟันธงว่า ปริมาณข้าวที่มีมากเกินไปภายในประเทศ เพราะการโหมขยายพื้นที่ทำนาของชาวนาทั่วประเทศ และการใช้พันธุ์ข้าวอายุสั้น 70 วัน อาจทำให้ผลผลิตล้นตลาดในประเทศถึง 2-3 เท่าตัวจากอดีตที่เคยมีมา
ดังนั้น โครงการขายข้าวแบบจีทูจีของรัฐบาลต้องเร่งขายข้าวให้มากที่สุด มิฉะนั้นอีก 2 เดือนข้างหน้าข้าวจะราคาตกเหลือแค่ 8 พันบาทแน่ๆ และมีผลกระทบถึงชาวนาจนอาจกลายเป็นเหตุชุมนุมประท้วงเรียกร้องราคาข้าวดั่งในอดีตที่ผ่านมาด้วย
วานนี้ (22 พ.ค.) นายสุเมธ ชัยเลิศวณิชกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร เป็นประธานการประชุมคณะทำงานประเมินสถานการณ์และติดตามภาวะการค้าข้าวและผลิตภัณฑ์จังหวัดพิจิตร ณ ห้องประชุมหอการค้าจังหวัดพิจิตร ศาลากลางจังหวัดพิจิตร โดยมีตัวแทนหอการค้า ธ.ก.ส. ตัวแทนชาวนา นักวิชาการข้าว เกษตรจังหวัด สหกรณ์จังหวัด ตัวแทนชมรมโรงสีข้าว ฯลฯ เข้าร่วมประชุม
ที่ประชุมมีการรายงานตัวเลขพื้นที่การเพาะปลูกข้าวของชาวนาพิจิตร ทั้งในเขตชลประทานและนอกเขตชลประทานว่า จากที่เคยมีการปลูกข้าวบนพื้นที่ 8.6 แสนไร่ ขณะนี้เพิ่มขึ้นเป็น 1.08 ล้านไร่ คาดว่าอีก 2 เดือนข้างหน้าคือต้นเดือนกรกฎาคม จะมีผลผลิตออกสู่ตลาดมากมายมหาศาลเป็นประวัติการณ์ของการผลิตข้าวในพื้นที่จังหวัดพิจิตร
นอกจากนี้ เกษตรกรยังมีการพัฒนาการทำนาหันมาใช้เครื่องปักดำที่มีแปลงเพาะกล้าอายุราว 40 วันมาปักดำ ทำให้อายุต้นข้าวที่มีอยู่ในแปลงนาจริงเพียง 70 วัน ก็เก็บเกี่ยวได้ จนสามารถทำนาได้ 2 ปี 5 ครั้ง ในเขตพื้นที่ชลประทาน โดยไม่มีการปล่อยให้ดินพักตัว ซึ่งน่าเป็นห่วงเรื่องคุณภาพของดินในอนาคต
นอกจากนี้ การปลูกข้าวหอมมะลิก็มีน้อยลง เพราะเกษตรกรมุ่งเพียงให้ได้ผลผลิตมากที่สุดเท่านั้น เพื่อให้ทันต่อราคา ส่วนเมล็ดพันธุ์ข้าวตอนนี้ขาดแคลนมากและมีราคาสูงถึงถังละ 350 บาท เรียกได้ว่าขึ้นอีก 2 เท่าตัว
นายบรรจง ตั้งจิตรวัฒนากุล ประธานชมรมโรงสีข้าวจังหวัดพิจิตร เปิดเผยว่า ปีนี้ผลผลิตข้าวในพื้นที่จังหวัดพิจิตรจะมีมากมายเป็นประวัติการณ์อาจถึง 8 แสนตัน ดังนั้น รัฐบาลต้องเร่งเจรจาและทำสัญญาส่งข้าวสารออกให้ได้ถึง 10 ล้านตัน ส่วนราคาข้าวเฉพาะช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ราคาจะยืนอยู่ได้สูงกว่า 1 หมื่นบาทไปถึง 1 หมื่น 4 พันบาท แต่พอต้นเดือนกรกฎาคม 2551 อาจลงต่ำกว่า 1 หมื่นบาท ถ้ารัฐบาลไม่ชัดเจนเรื่องการส่งออก
นอกจากนี้ ยังฝากเตือนถึงรัฐบาลขอให้ทำก่อนแถลงข่าว อย่าโหมโรงเกินไปจะทำให้ตลาดปั่นป่วนไม่ว่าเรื่องส่งออกหรือข้าวถุงก็ตาม
“ยิ่งพูดมากตลาดก็ยิ่งปั่นป่วนมาก อีกทั้งขอให้สถาบันการเงินเร่งปล่อยเงินกู้ให้นักธุรกิจเพิ่มขึ้น เพื่อให้เกิดสภาพคล่องในการซื้อข้าวในฤดูกาลใหม่อีกด้วย”
ด้าน นายอนุวัฒน์ ปัจมาภิรมย์ ประธานอาวุโสหอการค้าจังหวัดพิจิตร นักธุรกิจค้าข้าวรายใหญ่ของจังหวัดพิจิตรยังฟันธงว่า ปริมาณข้าวที่มีมากเกินไปภายในประเทศ เพราะการโหมขยายพื้นที่ทำนาของชาวนาทั่วประเทศ และการใช้พันธุ์ข้าวอายุสั้น 70 วัน อาจทำให้ผลผลิตล้นตลาดในประเทศถึง 2-3 เท่าตัวจากอดีตที่เคยมีมา
ดังนั้น โครงการขายข้าวแบบจีทูจีของรัฐบาลต้องเร่งขายข้าวให้มากที่สุด มิฉะนั้นอีก 2 เดือนข้างหน้าข้าวจะราคาตกเหลือแค่ 8 พันบาทแน่ๆ และมีผลกระทบถึงชาวนาจนอาจกลายเป็นเหตุชุมนุมประท้วงเรียกร้องราคาข้าวดั่งในอดีตที่ผ่านมาด้วย
