เชียงราย – ม็อบชาวนาเชียงรายยังปักหลักชุมนุมต่อเนื่องรอรับฟังคำตอบจากกลุ่ม ส.ส.เชียงราย ที่เข้าพบ “สมัคร” ยืนยันข้อเรียกร้องประกันราคารับซื้อข้าวตันละ 9,000 บาท ไม่จำกัดความชื้น ขณะที่อธิบดีกรมการค้าภายในเตรียมเดินทางลงพื้นที่เพื่อเจรจาแก้ไขปัญหาพรุ่งนี้ (14 พ.ค.)
รายงานจากจังหวัดเชียงราย แจ้งว่า จนถึงช่วงเย็นวันนี้ (13 พ.ค.) กลุ่มเกษตรกรชาวนาจังหวัดเชียงรายประมาณ 2,000 คนยังคงปักหลักชุมนุมที่บริเวณสี่แยกแม่กรณ์ ในตัวเมืองเชียงราย แม้ว่าจะมีฝนตกลงมาก็ตาม เพื่อรอรับฟังว่าข้อเสนอที่เรียกร้องให้มีการประกันราคาข้าวเปลือกเหนียวไม่จำกัดความชื้นในราคาตันละ 9,000 บาท จากกลุ่ม ส.ส.จังหวัดเชียงราย นำโดย นายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย เขต 1 ที่เข้าหารือกับนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ซึ่งคาดว่าน่าจะทราบคำตอบภายในเย็นวันนี้
ขณะที่เจ้าหน้าที่ของสำนักงานการค้าภายในได้แจ้งกับกลุ่มเกษตรกรที่มาชุมนุมว่า ในวันพรุ่งนี้ (14 พ.ค.) อธิบดีกรมการค้าภายใน จะเดินทางมาพบและพูดคุยกับกลุ่มเกษตรกรเพื่อแก้ไขปัญหา โดยพร้อมขอความร่วมมือจากทางโรงสีให้รับซื้อข้าวในราคาตันละ 7,000 บาท อย่างไรก็ตามทางเกษตรกรส่วนมากไม่ยอมรับราคาดังกล่าวแต่อย่างใด และปักหลักชุมนุมต่อ
สำหรับการชุมนุมดังกล่าวได้ส่งผลกระทบทำให้รถที่สัญจรเข้า-ออกตัวเมืองเชียงราย ไม่ได้รับความสะดวก โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมีการแจ้งให้ผู้ใช้รถใช้เส้นทางเลี่ยงแทน ซึ่งเสียเวลาในการเดินทางเพิ่มขึ้น
รายงานจากจังหวัดเชียงราย แจ้งว่า จนถึงช่วงเย็นวันนี้ (13 พ.ค.) กลุ่มเกษตรกรชาวนาจังหวัดเชียงรายประมาณ 2,000 คนยังคงปักหลักชุมนุมที่บริเวณสี่แยกแม่กรณ์ ในตัวเมืองเชียงราย แม้ว่าจะมีฝนตกลงมาก็ตาม เพื่อรอรับฟังว่าข้อเสนอที่เรียกร้องให้มีการประกันราคาข้าวเปลือกเหนียวไม่จำกัดความชื้นในราคาตันละ 9,000 บาท จากกลุ่ม ส.ส.จังหวัดเชียงราย นำโดย นายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย เขต 1 ที่เข้าหารือกับนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ซึ่งคาดว่าน่าจะทราบคำตอบภายในเย็นวันนี้
ขณะที่เจ้าหน้าที่ของสำนักงานการค้าภายในได้แจ้งกับกลุ่มเกษตรกรที่มาชุมนุมว่า ในวันพรุ่งนี้ (14 พ.ค.) อธิบดีกรมการค้าภายใน จะเดินทางมาพบและพูดคุยกับกลุ่มเกษตรกรเพื่อแก้ไขปัญหา โดยพร้อมขอความร่วมมือจากทางโรงสีให้รับซื้อข้าวในราคาตันละ 7,000 บาท อย่างไรก็ตามทางเกษตรกรส่วนมากไม่ยอมรับราคาดังกล่าวแต่อย่างใด และปักหลักชุมนุมต่อ
สำหรับการชุมนุมดังกล่าวได้ส่งผลกระทบทำให้รถที่สัญจรเข้า-ออกตัวเมืองเชียงราย ไม่ได้รับความสะดวก โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมีการแจ้งให้ผู้ใช้รถใช้เส้นทางเลี่ยงแทน ซึ่งเสียเวลาในการเดินทางเพิ่มขึ้น