ที่ทำเนียบรัฐบาล วานนี้ (20 พ.ค.) ก่อนประชุม ครม. นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคพลังประชาชน นำชาวนาและชาวสวนผลไม้จาก จ.อุตรดิตถ์ ประมาณ 50 คน เข้าพบนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม และนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ เพื่อให้กำลังใจในการทำงานและขอบคุณที่รัฐทำให้ราคาข้าวและพืชผลทางการเกษตรดีขึ้น โดยได้นำข้าวหอมมะลิ ปลอดสารเคมี และทุเรียนพันธุ์หลินลับแล และพันธุ์หลงลับแล ซึ่งมีราคาสูงถึงกิโลกรัม ละ 190 และ 90 บาทตามลำดับมาให้นายกรัฐมนตรีได้ชิมด้วย ซึ่งทันทีที่นายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึงและเห็นกลุ่มชาวบ้านก็บอกว่า “มาทำอะไรกันเยอะแยะ กลัวเขาไล่ผมออกหรืออย่างไร”
จากนั้นนายกรัฐมนตรีเดินทักทายชาวบ้านที่มาให้กำลังใจ และชิมทุเรียน ที่นำมาให้ พร้อมมอบเงินให้ 500 บาท แล้วบอกให้นำไปแบ่งกันคนละ 100 บาท จากนั้นก็ให้เจ้าหน้าที่นำทุเรียนไปเก็บไว้ โดยระบุว่าจะนำไปรับประทานเป็นของหวาน สำหรับมื้อกลางวันหลังประชุม ครม. ส่วนข้าวหอมมะลิก็บอกว่าจะนำไปทดลองหุงรับประทานที่บ้าน หากรสชาติดีจะช่วยสนับสนุนหาที่จำหน่ายให้ต่อไป
นายสมัคร กล่าวด้วยว่า รัฐบาลจะช่วยชาวนาและชาวสวนอย่างเต็มที่ การทำให้ยืนได้ด้วยตัวเองถือว่าพอไหว อย่างไรก็ตามกลุ่มชาวนาได้ร้องเรียนว่าขณะนี้ราคาข้าวยังไม่ได้ถึงเกวียนละ 14,000 บาทตามที่รัฐบาลบอกไว้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ถามกลับว่า ยังไม่ถึงอีกหรือ ขณะนี้มีหลายประเทศที่ต้องการซื้อข้าวจากไทย ดังนั้นหากเราผลิตออกมามากก็ไม่เป็นไร สามารถขายได้ แม้ว่าเราจะถูกกดราคาในประเทศ แต่ก็ยังส่งไปขายต่างประเทศได้ เนื่องจากปัจจุบันโลกเกิดภาวะขาดแคลนอาหาร โดยขณะนี้ทั่วโลกปลูกข้าวเปลือก 600 ล้านตัน ส่วนไทยปลูก 30 ล้านตัน คิดเป็น 5 % ของโลก โดยเป็นข้าวขาว 20 ล้านตัน เก็บไว้บริโภคในประเทศ 9 ล้านตัน ส่งออกขาย 9 ล้านตัน เก็บในสต็อค 2 ล้านตัน ซึ่งจำนวนที่ส่งออกไปขายนั้นคิดเป็น 33 % ของทั่วโลก แต่ปีนี้เราขายได้ถึง 45 % ดังนั้นหากวันนี้เราปลูกข้าวเพิ่มก็ไม่น่ามีปัญหา ตนคิดว่าราคาข้าวคงขึ้นไปและไม่ตกลงมา
“วันนี้ดูจากอัตราส่วนแล้วไม่น่ามีปัญหา หลายประเทศมาขอซื้อ แต่รัฐบาล ไม่อยากทำขายเอง อยากให้เอกชนเป็นผู้ขาย แต่เอกชนก็ขึ้นราคาเกินเหตุ อย่างกรณี ที่ทางมาเลเซียมาขอซื้อข้าว ครั้งแรกก็คุยกันตกลงที่ 860 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อตัน แต่พอเจรจาไปกลายเป็น 925 เหรียญ แต่พอจะเอาเข้าจริงๆ กลับปรับขึ้นไปถึง 970 เหรียญ สุดท้ายก็ต้องบังคับให้เขาขายที่ 925 เหรียญ เพราะไม่อย่างนั้นมันไม่ยุติธรรม และความจริงขายที่ 900 เหรียญชาวนาก็จะได้กระสอบละ 2,700 บาท หรือเริ่มที่ 14,000 บาทต่อตัน”
ขณะที่นายมิ่งขวัญ กล่าวกับกลุ่มชาวนาว่า จะดูแลปัญหาทุกอย่างให้ แต่ต้อง ยอมรับว่าทุกอย่างต้องใช้เวลา ส่วนที่ฝ่ายค้านวิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลทำงานมา 3 เดือนแล้ว แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาพืชผลทางการเกษตรและปัญหาเศรษฐกิจ โดยรวมได้นั้น ตนคิดว่าไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล ต้องช่วยกันพัฒนาและบริหารประเทศ ซึ่งวันนี้เราต้องยอมรับว่าปัจจัยเรื่องราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ได้ทุกฝ่ายได้รับผลกระทบ วันนี้เราไม่ได้งอมืองอเท้าหรืออยู่เฉยๆ โดยไม่ได้ทำอะไรเลย แต่เราพยายามแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจทุกอย่าง ทั้งนี้ก็ขอบคุณสำหรับคำแนะนำต่าง ๆ ตนและรัฐบาล รวมถึงทีมงานด้านเศรษฐกิจทุกคนจะช่วยกันทำงานเพื่อประชาชนต่อไป
ขณะเดียวกันภายนอกทำเนียบรัฐบาล นายสาวิทย์ แก้วหวาน เลขาธิการสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจ(สรส.) พร้อมด้วยประชาชนจากคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย(คสรท.) กว่า 100 คน เดินทางมายื่นหนังสือถึงนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี พร้อมออกแถลงการณ์เครือข่ายประชาชน ฉบับที่ 1 เรียกร้องให้รัฐบาล แก้ปัญหาสินค้าราคาแพง รวมทั้งปรับค่าครองชีพให้สมดุลและสอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณาปรับค่าจ้างให้เท่ากันคือ 9 บาททั่วประเทศ ซึ่งหากรัฐบาลยังไม่ปรับท่าทีก็จะรวมตัวกันเพื่อเรียกร้องอย่างต่อเนื่อง จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครือข่ายแรงงานได้เตรียมหนังสือร้องเรียนมายื่นต่อ นายกรัฐมนตรี แต่ไม่ปรากฎมีตัวแทนหรือเจ้าหน้าที่จากฝ่ายที่เกี่ยวข้องเดินทางมารับมอบหนังสือร้องเรียน ทำให้เครือข่ายแรงงานไม่พอใจ พากันโยนหม้อข้าวหม้อแกง และขว้างสิ่งของเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล
จากนั้นนายกรัฐมนตรีเดินทักทายชาวบ้านที่มาให้กำลังใจ และชิมทุเรียน ที่นำมาให้ พร้อมมอบเงินให้ 500 บาท แล้วบอกให้นำไปแบ่งกันคนละ 100 บาท จากนั้นก็ให้เจ้าหน้าที่นำทุเรียนไปเก็บไว้ โดยระบุว่าจะนำไปรับประทานเป็นของหวาน สำหรับมื้อกลางวันหลังประชุม ครม. ส่วนข้าวหอมมะลิก็บอกว่าจะนำไปทดลองหุงรับประทานที่บ้าน หากรสชาติดีจะช่วยสนับสนุนหาที่จำหน่ายให้ต่อไป
นายสมัคร กล่าวด้วยว่า รัฐบาลจะช่วยชาวนาและชาวสวนอย่างเต็มที่ การทำให้ยืนได้ด้วยตัวเองถือว่าพอไหว อย่างไรก็ตามกลุ่มชาวนาได้ร้องเรียนว่าขณะนี้ราคาข้าวยังไม่ได้ถึงเกวียนละ 14,000 บาทตามที่รัฐบาลบอกไว้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ถามกลับว่า ยังไม่ถึงอีกหรือ ขณะนี้มีหลายประเทศที่ต้องการซื้อข้าวจากไทย ดังนั้นหากเราผลิตออกมามากก็ไม่เป็นไร สามารถขายได้ แม้ว่าเราจะถูกกดราคาในประเทศ แต่ก็ยังส่งไปขายต่างประเทศได้ เนื่องจากปัจจุบันโลกเกิดภาวะขาดแคลนอาหาร โดยขณะนี้ทั่วโลกปลูกข้าวเปลือก 600 ล้านตัน ส่วนไทยปลูก 30 ล้านตัน คิดเป็น 5 % ของโลก โดยเป็นข้าวขาว 20 ล้านตัน เก็บไว้บริโภคในประเทศ 9 ล้านตัน ส่งออกขาย 9 ล้านตัน เก็บในสต็อค 2 ล้านตัน ซึ่งจำนวนที่ส่งออกไปขายนั้นคิดเป็น 33 % ของทั่วโลก แต่ปีนี้เราขายได้ถึง 45 % ดังนั้นหากวันนี้เราปลูกข้าวเพิ่มก็ไม่น่ามีปัญหา ตนคิดว่าราคาข้าวคงขึ้นไปและไม่ตกลงมา
“วันนี้ดูจากอัตราส่วนแล้วไม่น่ามีปัญหา หลายประเทศมาขอซื้อ แต่รัฐบาล ไม่อยากทำขายเอง อยากให้เอกชนเป็นผู้ขาย แต่เอกชนก็ขึ้นราคาเกินเหตุ อย่างกรณี ที่ทางมาเลเซียมาขอซื้อข้าว ครั้งแรกก็คุยกันตกลงที่ 860 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อตัน แต่พอเจรจาไปกลายเป็น 925 เหรียญ แต่พอจะเอาเข้าจริงๆ กลับปรับขึ้นไปถึง 970 เหรียญ สุดท้ายก็ต้องบังคับให้เขาขายที่ 925 เหรียญ เพราะไม่อย่างนั้นมันไม่ยุติธรรม และความจริงขายที่ 900 เหรียญชาวนาก็จะได้กระสอบละ 2,700 บาท หรือเริ่มที่ 14,000 บาทต่อตัน”
ขณะที่นายมิ่งขวัญ กล่าวกับกลุ่มชาวนาว่า จะดูแลปัญหาทุกอย่างให้ แต่ต้อง ยอมรับว่าทุกอย่างต้องใช้เวลา ส่วนที่ฝ่ายค้านวิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลทำงานมา 3 เดือนแล้ว แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาพืชผลทางการเกษตรและปัญหาเศรษฐกิจ โดยรวมได้นั้น ตนคิดว่าไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล ต้องช่วยกันพัฒนาและบริหารประเทศ ซึ่งวันนี้เราต้องยอมรับว่าปัจจัยเรื่องราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ได้ทุกฝ่ายได้รับผลกระทบ วันนี้เราไม่ได้งอมืองอเท้าหรืออยู่เฉยๆ โดยไม่ได้ทำอะไรเลย แต่เราพยายามแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจทุกอย่าง ทั้งนี้ก็ขอบคุณสำหรับคำแนะนำต่าง ๆ ตนและรัฐบาล รวมถึงทีมงานด้านเศรษฐกิจทุกคนจะช่วยกันทำงานเพื่อประชาชนต่อไป
ขณะเดียวกันภายนอกทำเนียบรัฐบาล นายสาวิทย์ แก้วหวาน เลขาธิการสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจ(สรส.) พร้อมด้วยประชาชนจากคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย(คสรท.) กว่า 100 คน เดินทางมายื่นหนังสือถึงนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี พร้อมออกแถลงการณ์เครือข่ายประชาชน ฉบับที่ 1 เรียกร้องให้รัฐบาล แก้ปัญหาสินค้าราคาแพง รวมทั้งปรับค่าครองชีพให้สมดุลและสอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณาปรับค่าจ้างให้เท่ากันคือ 9 บาททั่วประเทศ ซึ่งหากรัฐบาลยังไม่ปรับท่าทีก็จะรวมตัวกันเพื่อเรียกร้องอย่างต่อเนื่อง จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครือข่ายแรงงานได้เตรียมหนังสือร้องเรียนมายื่นต่อ นายกรัฐมนตรี แต่ไม่ปรากฎมีตัวแทนหรือเจ้าหน้าที่จากฝ่ายที่เกี่ยวข้องเดินทางมารับมอบหนังสือร้องเรียน ทำให้เครือข่ายแรงงานไม่พอใจ พากันโยนหม้อข้าวหม้อแกง และขว้างสิ่งของเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล