มานูเอล ยูริเบ เจ้าของตำแหน่งคนอ้วนที่สุดในโลก วาดฝันสร้างสถิติใหม่ในการเป็นคนที่รีดน้ำหนักได้มากที่สุดในจักรวาล
ยูริเบที่หนักกว่าครึ่งตัน พอฟัดพอเหวี่ยงกับรถบรรทุกเล็ก อยู่ระหว่างคอร์สควบคุมอาหาร แต่ยังถูกจำกัดบริเวณอยู่บนเตียงเหมือนเช่นเมื่อหกปีที่แล้วเนื่องจากน้ำหนักตัวของตัวเอง
นับจากเดือนมีนาคม 2006 เขาลดน้ำหนักไปได้แล้ว 518 ปอนด์ (235 กิโลกรัม) จากการกินผลไม้ประเภทส้ม ไข่คนที่ใส่เฉพาะไข่ขาว ปลา ไก่ ผัก และถั่วเท่านั้น
ปัจจุบัน ด้วยน้ำหนักตัว 717 ปอนด์ (325 กิโลกรัม) หรือประมาณหนุ่มล่ำ 3 คนรวมกัน ยูริเบยังไม่สามารถขยับขาอวบอูมได้ แต่เขาหวังว่าเดือนหน้าจะได้ออกจากบ้านเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 6 ปีเพื่อฉลองวันเกิดครบรอบ 43 ปี ด้วยการขนเตียงขึ้นรถบรรทุกพาชมทิวทัศน์ชานเมืองมอนเทอร์เรย์ เม็กซิโก บ้านเกิดของเขา นับเป็นความพยายามครั้งใหม่หลังจากแผนการในเดือนมีนาคมล้มเหลว เนื่องจากรถบรรทุกไม่สามารถลอดใต้สะพานโดยมีเตียงพร้อมตัวยูริเบอยู่บนรถ
“มหัศจรรย์จริงๆ ที่ผมมาไกลถึงขนาดนี้ เมื่อสองปีก่อนผมเกือบฆ่าตัวตายมาแล้วเพราะเมียทิ้ง แต่พระเจ้าส่งหมอคนเก่งมาให้ผม” ยูริเบเล่า
ตลอดทศวรรษ 1990 หนุ่มใหญ่ร่างยักษ์กินพิซซ่าและเบอร์เกอร์เป็นอาหารประจำระหว่างทำงานซ่อมคอมพิวเตอร์ในสหรัฐฯ หลังจากติดอาหารขยะงอมแงม ยูริเบพาน้ำหนักตัว 1,235 ปอนด์ (560 กิโลกรัม) กลับเม็กซิโก และกลายมาติดทาโก้ไขมันสูง
รูปร่างที่เกินกว่าลักษณะ ‘ตุ้ยนุ้ย’ หลายเท่าทำให้ยูริเบกลายเป็นเจ้าของสถิติผู้ชายหนักที่สุดในโลกจากการจัดอันดับของกินเนสส์ เวิลด์ เรกคอร์ดประจำปี 2008 ภาพสมัยอยู่ฟลอริดาและเทกซัสเผยให้เห็นช่วงเปลี่ยนผ่านจากชายหนุ่มกำยำกลายเป็นหนุ่มใหญ่ร่างยักษ์คล้ายปลาวาฬขาวอืด
“ตอนนั้นผมเริ่มหาซื้อเสื้อผ้าใส่ไม่ได้ ต้องสั่งตัดและขยายไซส์มาเรื่อย”
ที่เม็กซิโก ยูริเบผ่าตัดเพื่อกำจัดไขมันส่วนเกิน และแก้ไขผนังหน้าท้องที่หย่อนยาน แต่ร่างกายเขายังพองลมเช่นเดิมและน้ำหนักตัวไม่ได้ลดลงเลย
หลังจากถูกภรรยาทิ้ง สุขภาพของยูริเบก็แย่ลง ซ้ำไม่มีรายได้เลี้ยงตัว เขาวิงวอนออกทีวีและกลายเป็นที่สนใจของคนทั่วโลก
ยูริเบ ที่มีแม่คอยดูแล ปฏิเสธข้อเสนอผ่าตัดลัดกระเพาะอาหารเพื่อรักษาโรคอ้วนของแพทย์อิตาลี แต่หันมารับความช่วยเหลือฟรีจากหมอแบร์รี เซียร์สจากสหรัฐฯ ผลปรากฏว่าด้วยสูตรลดน้ำหนักโซนไดเอ็ตที่เน้นโปรตีนแต่ควบคุมคาร์โบไฮเดรตนั้น ยูริเบสามารถลดน้ำหนักได้สำเร็จ
“ผมเคยเสื่อมสมรรถภาพทางเพศมาก่อน แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับมาเข้าที่เข้าทางอีกครั้ง ถามแฟนผมดูก็ได้” เขาเล่าด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
ยูริเบที่ฝากความอยู่รอดไว้กับรายได้จากร้านขายส่งเสื้อผ้าเล็กๆ ของครอบครัวและเพื่อนฝูงที่มีน้ำใจ เล่าต่อว่าคนที่กินเนสส์พูดกับเขาเรื่องการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว ซึ่งในที่สุดอาจทำให้เข้าได้สถิติใหม่ในกินเนสส์ เวิลด์ เรกคอร์ด
ทั้งนี้ โรซาลี แบรดฟอร์ด ผู้หญิงอเมริกันที่เสียชีวิตเมื่อสองปีที่แล้ว เป็นเจ้าของตำแหน่งผู้หญิงที่ลดน้ำหนักได้มากที่สุดในโลกด้วยสถิติ 907 ปอนด์ (411 กิโลกรัม) สำหรับสถิติของฝ่ายชายเป็นของจอน โบรเวอร์ มินน็อก ด้วยสถิติ 924 ปอนด์ (419 กิโลกรัม)
ยูริเบที่หันมานับถือศาสนาคริสต์นิกายอีแวนเจลิสต์ระหว่างอุตสาหะลดน้ำหนัก บอกว่าเป้าหมายของเขาอยู่ที่การลดน้ำหนักเหลือ 285 ปอนด์ (129 กิโลกรัม) ภายในปี 2010 ซึ่งหมายถึงไขมันส่วนเกินหายไป 950 ปอนด์ (431 กิโลกรัม)
นอกเหนือจากสร้างสถิติใหม่แล้ว ยูริเบยังหวังว่าจะได้ลุกจากเตียงและเลี้ยงตัวเองจากการเผยแพร่แนวทางการกินอาหารเพื่อสุขภาพ
“ผมได้รับอีเมลมากมายที่บอกว่าได้แรงบันดาลใจจากความคืบหน้าของผม และผมอยากเผยแพร่แนวทางที่ดีมีประโยชน์ต่อสุขภาพให้คนทั่วไปได้รู้ ผมไม่ได้ต่อต้านคนขายอาหารขยะ แต่เราน่าจะได้รู้ว่าไม่ควรกินอาหารเหล่านั้น”
ยูริเบที่หนักกว่าครึ่งตัน พอฟัดพอเหวี่ยงกับรถบรรทุกเล็ก อยู่ระหว่างคอร์สควบคุมอาหาร แต่ยังถูกจำกัดบริเวณอยู่บนเตียงเหมือนเช่นเมื่อหกปีที่แล้วเนื่องจากน้ำหนักตัวของตัวเอง
นับจากเดือนมีนาคม 2006 เขาลดน้ำหนักไปได้แล้ว 518 ปอนด์ (235 กิโลกรัม) จากการกินผลไม้ประเภทส้ม ไข่คนที่ใส่เฉพาะไข่ขาว ปลา ไก่ ผัก และถั่วเท่านั้น
ปัจจุบัน ด้วยน้ำหนักตัว 717 ปอนด์ (325 กิโลกรัม) หรือประมาณหนุ่มล่ำ 3 คนรวมกัน ยูริเบยังไม่สามารถขยับขาอวบอูมได้ แต่เขาหวังว่าเดือนหน้าจะได้ออกจากบ้านเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 6 ปีเพื่อฉลองวันเกิดครบรอบ 43 ปี ด้วยการขนเตียงขึ้นรถบรรทุกพาชมทิวทัศน์ชานเมืองมอนเทอร์เรย์ เม็กซิโก บ้านเกิดของเขา นับเป็นความพยายามครั้งใหม่หลังจากแผนการในเดือนมีนาคมล้มเหลว เนื่องจากรถบรรทุกไม่สามารถลอดใต้สะพานโดยมีเตียงพร้อมตัวยูริเบอยู่บนรถ
“มหัศจรรย์จริงๆ ที่ผมมาไกลถึงขนาดนี้ เมื่อสองปีก่อนผมเกือบฆ่าตัวตายมาแล้วเพราะเมียทิ้ง แต่พระเจ้าส่งหมอคนเก่งมาให้ผม” ยูริเบเล่า
ตลอดทศวรรษ 1990 หนุ่มใหญ่ร่างยักษ์กินพิซซ่าและเบอร์เกอร์เป็นอาหารประจำระหว่างทำงานซ่อมคอมพิวเตอร์ในสหรัฐฯ หลังจากติดอาหารขยะงอมแงม ยูริเบพาน้ำหนักตัว 1,235 ปอนด์ (560 กิโลกรัม) กลับเม็กซิโก และกลายมาติดทาโก้ไขมันสูง
รูปร่างที่เกินกว่าลักษณะ ‘ตุ้ยนุ้ย’ หลายเท่าทำให้ยูริเบกลายเป็นเจ้าของสถิติผู้ชายหนักที่สุดในโลกจากการจัดอันดับของกินเนสส์ เวิลด์ เรกคอร์ดประจำปี 2008 ภาพสมัยอยู่ฟลอริดาและเทกซัสเผยให้เห็นช่วงเปลี่ยนผ่านจากชายหนุ่มกำยำกลายเป็นหนุ่มใหญ่ร่างยักษ์คล้ายปลาวาฬขาวอืด
“ตอนนั้นผมเริ่มหาซื้อเสื้อผ้าใส่ไม่ได้ ต้องสั่งตัดและขยายไซส์มาเรื่อย”
ที่เม็กซิโก ยูริเบผ่าตัดเพื่อกำจัดไขมันส่วนเกิน และแก้ไขผนังหน้าท้องที่หย่อนยาน แต่ร่างกายเขายังพองลมเช่นเดิมและน้ำหนักตัวไม่ได้ลดลงเลย
หลังจากถูกภรรยาทิ้ง สุขภาพของยูริเบก็แย่ลง ซ้ำไม่มีรายได้เลี้ยงตัว เขาวิงวอนออกทีวีและกลายเป็นที่สนใจของคนทั่วโลก
ยูริเบ ที่มีแม่คอยดูแล ปฏิเสธข้อเสนอผ่าตัดลัดกระเพาะอาหารเพื่อรักษาโรคอ้วนของแพทย์อิตาลี แต่หันมารับความช่วยเหลือฟรีจากหมอแบร์รี เซียร์สจากสหรัฐฯ ผลปรากฏว่าด้วยสูตรลดน้ำหนักโซนไดเอ็ตที่เน้นโปรตีนแต่ควบคุมคาร์โบไฮเดรตนั้น ยูริเบสามารถลดน้ำหนักได้สำเร็จ
“ผมเคยเสื่อมสมรรถภาพทางเพศมาก่อน แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับมาเข้าที่เข้าทางอีกครั้ง ถามแฟนผมดูก็ได้” เขาเล่าด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
ยูริเบที่ฝากความอยู่รอดไว้กับรายได้จากร้านขายส่งเสื้อผ้าเล็กๆ ของครอบครัวและเพื่อนฝูงที่มีน้ำใจ เล่าต่อว่าคนที่กินเนสส์พูดกับเขาเรื่องการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว ซึ่งในที่สุดอาจทำให้เข้าได้สถิติใหม่ในกินเนสส์ เวิลด์ เรกคอร์ด
ทั้งนี้ โรซาลี แบรดฟอร์ด ผู้หญิงอเมริกันที่เสียชีวิตเมื่อสองปีที่แล้ว เป็นเจ้าของตำแหน่งผู้หญิงที่ลดน้ำหนักได้มากที่สุดในโลกด้วยสถิติ 907 ปอนด์ (411 กิโลกรัม) สำหรับสถิติของฝ่ายชายเป็นของจอน โบรเวอร์ มินน็อก ด้วยสถิติ 924 ปอนด์ (419 กิโลกรัม)
ยูริเบที่หันมานับถือศาสนาคริสต์นิกายอีแวนเจลิสต์ระหว่างอุตสาหะลดน้ำหนัก บอกว่าเป้าหมายของเขาอยู่ที่การลดน้ำหนักเหลือ 285 ปอนด์ (129 กิโลกรัม) ภายในปี 2010 ซึ่งหมายถึงไขมันส่วนเกินหายไป 950 ปอนด์ (431 กิโลกรัม)
นอกเหนือจากสร้างสถิติใหม่แล้ว ยูริเบยังหวังว่าจะได้ลุกจากเตียงและเลี้ยงตัวเองจากการเผยแพร่แนวทางการกินอาหารเพื่อสุขภาพ
“ผมได้รับอีเมลมากมายที่บอกว่าได้แรงบันดาลใจจากความคืบหน้าของผม และผมอยากเผยแพร่แนวทางที่ดีมีประโยชน์ต่อสุขภาพให้คนทั่วไปได้รู้ ผมไม่ได้ต่อต้านคนขายอาหารขยะ แต่เราน่าจะได้รู้ว่าไม่ควรกินอาหารเหล่านั้น”