ผู้จัดการรายวัน - โบรกเกอร์เตรียมตัวเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ หวังสร้างความแข็งแกร่งรองรับการเปิดเสรีในอนาคต บล.เมอร์ชั่นฯ ที่อยู่ระหว่างการรออนุมัติไฟลิ่ง ก่อนประเดิมเข้าตลาดไตรมาส 2/51 ปีนี้ ขณะที่อีก 3 ราย ทั้ง "ไอร่า-เคทีบี-ฟาร์อีสท์" เล็งกระจายหุ้นปี 52 ด้านนายกสมาคมโบรกเกอร์ เผย บล.เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ช่วยเสริมความแข็งแกร่งและหาพันธมิตรได้ง่าย ส่วนผู้บริหารบล.ดีบีเอสฯ อ้างมีบริษัทแม่ต่างชาติหนุนไม่จำเป็นต้องเข้าตลาดหุ้น
นายกัมปนาท โลหเจริญวนิช กรรมการอำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล) ทรีนิตี้ จำกัด ในฐานะนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ (สมาคมโบรกเกอร์) เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางโบรกเกอร์ต่างๆ ได้เริ่มเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับการเปิดเสรีค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์ (คอมมิชชัน) และใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ (ไลเซนส์) โดยจะหันมาเน้นเรื่องการให้บริการ และความหลากหลายของสินค้า แทนที่จะเน้นการแข่งขันเรื่องค่าคอมมิชชันเพียงอย่างเดียว
ทั้งนี้ บริษํทหลักทรัพย์หลายแห่งมีแผนที่จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมากขึ้น เพื่อเสริมความแข็งแกร่งและความพร้อมด้านเงินเงินในการดำเนินงาน เนื่องจากการจดทะเบียนในตลาดหุ้นจะทำให้มีความสามารถในการระดมทุนได้มากขึ้น รวมถึงการหาพันธมิตรเข้ามาร่วมทุนสามารถทำได้ง่าย แต่จะต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละบล.ว่าจะต้องากรจะเข้าจดทะเบียนหรือไม่
"ในการประชุมร่วมกับสมาชิกทุกครั้ง ที่ประชุมจะมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ตลาดทุนโลก ธุรกิจโบรกเกอร์ พัฒนาการตลาดหุ้นในประเทศอื่น เพื่อให้สมาชิมได้รับฟังและเตรียมพร้อมในการปรับตัว"
สำหรับการประชุมระหว่างโบรกเกอร์กับสำนักงานคณะกรามการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ประจำไตรมาส เมื่อเดือนพฤษภาคมนี้ ได้หารือเรื่องการปรับตัวของบล.เพื่อเตรียมรับการแข่งขัน วิธีการหนึ่งคือการควบรวมกิจการ เพื่อให้บริษัทหลักทรัพย์มีขนาดใหญ่ขึ้น สามารถให้บริการที่ครบวงจรมากขึ้นนั้น เพื่อที่จะต้องการทราบอุปสรรคและปัญหาในเรื่องการควบรวมเพื่อที่จะก.ล.ต.จะมีการแก้ไขเพื่อที่จะสนับสนุนให้โบรกเกอร์มีการควบรวมกันได้สะดวกมากขึ้น
"การควบรวมยังติดในเรื่องการที่โบรกเกอร์หนึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียน และอีก 1 บริษัทไม่เป็น ในเรื่องสถานะบริษัทเมื่อควบรวมแล้วจะเป็นอย่างไร และเมื่อควบรวมกันแล้วลูกค้าอีกบริษัทหนึ่งจะย้ายไปพร้อมกันหรือไม่ รวมถึงเรื่องภาษีการควบรวมด้วย"
นายเกษมสิทธิ์ ปฐมศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล. เมอร์ชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวถึง ความคืบหน้าการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอเอไอ ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอสำนักงาน ก.ล.ต. อนุมัติแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ซึ่งบริษัทต้องการที่จะเข้าจดทะเบียนในช่วงไตรมาส 2/51 นี้ แต่ต้องพิจารณาภาวะตลาดหุ้นอีกครั้งหนึ่ง
สำหรับวัตถุประสงค์ในการเข้าจดทะเบียนนั้น บริษัทต้องการระดมทุนเพิ่มมาใช้ขยายธุรกิจของบริษัท ที่มีหลายส่วนที่บริษัทจะต้องมีการดำเนินการ และการให้ลูกค้ามีการกู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (เครดิตบาลานซ์) และที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
ส่วนการเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดเสรีค่าคอมมิชชันและไลเซนส์นั้น โบรกเกอร์ยังมีเวลาพอสมควรในการเตรียมความพร้อม ขณะที่การระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะทำให้บริษัทมีเงินทุนที่แข็งแกร่ง และหาพันธมิตรเพื่อเข้ามาสนับสนุนการทำธุรกิจได้สะดวกและได้เปรียบบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
นายชัยพันธ์ พงศ์ธนากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล. ฟาร์อีสท์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดเอ็มเอไอในปี 52 ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการดำเนินงานเพิ่มทุนให้กับบริษัท เคทีบี เน็ทเวิร์ค กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทในประเทศเกาหลีให้เสร็จก่อน จากเคทีบี เน็ทเวิร์คฯ จะเข้ามาถือหุ้นของบริษัทในสัดส่วน 51% โดยบริษัทจะเพิ่มทุนจาก 500 ล้านบาท พาร์หุ้นละ 10 บาท เป็นทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านบาท และบริษัทคาดว่าจะกระจายหุ้นประมาณ 25% ของทุนจดทะเบียน ทำให้ภายหลังการเสนอขายหุ้นบริษัทจะมีทุนจดทะเบียนเพิ่มเป็น 1,250 ล้านหุ้น
ทั้งนี้ บริษัทต้องการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อทำให้บริษัทมีเงินทุนให้มากขึ้น เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัทเพื่อรองรับการเปิดเสรีฯในอนาคต ซึ่งผู้ถือหุ้นใหม่ของบริษัทได้สนับสนุนให้ดำเนินการดังกล่าว แต่จะเป็นช่วงไหนยังไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะ ต้องรอฟังนโยบายของผู้ถือหุ้นรายใหม่ก่อน
"ในปีนี้บริษัทคาดว่าจะสามารถพลิกสถานการณ์มาทำกำไรได้จากในปี่ 50 ขาดทุนประมาณ 30 ล้านบาท ทำให้บริษัทยังมีข้อจำกัด ดังนั้นบริษัทจึงต้องเข้าจดทะเบียนในตลาดเอ็มเอไอ" นายชัยพันธ์ กล่าว
นายประเสริฐ ภัทรดิลก กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอดไวเซอรี่ พลัส จำกัด กล่าวว่า บริษัทรับเป็นที่ปรึกษาทางการเงินนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอปีนี้อีก 2 บริษัท ซึ่งเป็นบริษัทหลักทรัพย์ และบริษัทซึ่งทำธุรกิจบันเทิง หลังจากที่ในปีนี้ที่จะนำ 2 บริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ คือ บริษัท พรีเมียร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PM 27 พฤษภาคมนี้ และ บริษัท สยามแก๊ส สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP ซึ่งจะเข้าจดทะเบียนในวันที่ 3 มิถุนายน 2551นี้
"การเปิดเสรีค่าคอมมิชชันและไลเซ่นส์ในอนาคต ทำให้โบรกเกอร์ต้องปรับตัวเพื่อรองรับกับการแข่งขัน และจำเป็นต้องมีการเพิ่มเงินกองทุนของบริษัทให้มากขึ้น เพื่อรองรับการทำธุรกรรมต่างๆ ขณะที่การจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะทำให้ความสามารถในหาพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้ามาสนับสนุนธุรกิจได้ง่ายกว่าบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ"
นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล. ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทไม่มีแผนที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพราะบริษัทแม่ในต่างประเทศคอยสนับสนุนในเรื่องเงินทุนและด้านอื่นๆ โดยมองว่าโบรกเกอร์ที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเป็นกลุ่มที่ไม่มีผู้ถือหุ้นเป็นต่างชาติและมีผู้ถือหุ้นเป็นธนาคารพาณิชย์ โดยที่ผ่านมาได้มีข่าวบล.เตรียมที่จะเข้าจดทะเบียนหลายแห่ง เช่น บล.เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ บล.ไอร่า บล.ไอวี โกลบอล
ขณะที่นายทรงพล บุนนาค กรรมการผู้จัดการ บล.ไอร่า ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ว่า บริษัทมีแผนที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯในปี 2552 โดยจะเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 1,000 ล้านบาท จากขณะนี้ที่มีทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท ขณะที่ บล. เคทีบี อยู่ระหว่างการหารือกับผุ้ถือหุ้นของบริษัทที่จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนได้ในปีหน้าเช่นกัน
นายกัมปนาท โลหเจริญวนิช กรรมการอำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล) ทรีนิตี้ จำกัด ในฐานะนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ (สมาคมโบรกเกอร์) เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางโบรกเกอร์ต่างๆ ได้เริ่มเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับการเปิดเสรีค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์ (คอมมิชชัน) และใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ (ไลเซนส์) โดยจะหันมาเน้นเรื่องการให้บริการ และความหลากหลายของสินค้า แทนที่จะเน้นการแข่งขันเรื่องค่าคอมมิชชันเพียงอย่างเดียว
ทั้งนี้ บริษํทหลักทรัพย์หลายแห่งมีแผนที่จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมากขึ้น เพื่อเสริมความแข็งแกร่งและความพร้อมด้านเงินเงินในการดำเนินงาน เนื่องจากการจดทะเบียนในตลาดหุ้นจะทำให้มีความสามารถในการระดมทุนได้มากขึ้น รวมถึงการหาพันธมิตรเข้ามาร่วมทุนสามารถทำได้ง่าย แต่จะต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละบล.ว่าจะต้องากรจะเข้าจดทะเบียนหรือไม่
"ในการประชุมร่วมกับสมาชิกทุกครั้ง ที่ประชุมจะมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ตลาดทุนโลก ธุรกิจโบรกเกอร์ พัฒนาการตลาดหุ้นในประเทศอื่น เพื่อให้สมาชิมได้รับฟังและเตรียมพร้อมในการปรับตัว"
สำหรับการประชุมระหว่างโบรกเกอร์กับสำนักงานคณะกรามการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ประจำไตรมาส เมื่อเดือนพฤษภาคมนี้ ได้หารือเรื่องการปรับตัวของบล.เพื่อเตรียมรับการแข่งขัน วิธีการหนึ่งคือการควบรวมกิจการ เพื่อให้บริษัทหลักทรัพย์มีขนาดใหญ่ขึ้น สามารถให้บริการที่ครบวงจรมากขึ้นนั้น เพื่อที่จะต้องการทราบอุปสรรคและปัญหาในเรื่องการควบรวมเพื่อที่จะก.ล.ต.จะมีการแก้ไขเพื่อที่จะสนับสนุนให้โบรกเกอร์มีการควบรวมกันได้สะดวกมากขึ้น
"การควบรวมยังติดในเรื่องการที่โบรกเกอร์หนึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียน และอีก 1 บริษัทไม่เป็น ในเรื่องสถานะบริษัทเมื่อควบรวมแล้วจะเป็นอย่างไร และเมื่อควบรวมกันแล้วลูกค้าอีกบริษัทหนึ่งจะย้ายไปพร้อมกันหรือไม่ รวมถึงเรื่องภาษีการควบรวมด้วย"
นายเกษมสิทธิ์ ปฐมศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล. เมอร์ชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวถึง ความคืบหน้าการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอเอไอ ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอสำนักงาน ก.ล.ต. อนุมัติแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ซึ่งบริษัทต้องการที่จะเข้าจดทะเบียนในช่วงไตรมาส 2/51 นี้ แต่ต้องพิจารณาภาวะตลาดหุ้นอีกครั้งหนึ่ง
สำหรับวัตถุประสงค์ในการเข้าจดทะเบียนนั้น บริษัทต้องการระดมทุนเพิ่มมาใช้ขยายธุรกิจของบริษัท ที่มีหลายส่วนที่บริษัทจะต้องมีการดำเนินการ และการให้ลูกค้ามีการกู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (เครดิตบาลานซ์) และที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
ส่วนการเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดเสรีค่าคอมมิชชันและไลเซนส์นั้น โบรกเกอร์ยังมีเวลาพอสมควรในการเตรียมความพร้อม ขณะที่การระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะทำให้บริษัทมีเงินทุนที่แข็งแกร่ง และหาพันธมิตรเพื่อเข้ามาสนับสนุนการทำธุรกิจได้สะดวกและได้เปรียบบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
นายชัยพันธ์ พงศ์ธนากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล. ฟาร์อีสท์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดเอ็มเอไอในปี 52 ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการดำเนินงานเพิ่มทุนให้กับบริษัท เคทีบี เน็ทเวิร์ค กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทในประเทศเกาหลีให้เสร็จก่อน จากเคทีบี เน็ทเวิร์คฯ จะเข้ามาถือหุ้นของบริษัทในสัดส่วน 51% โดยบริษัทจะเพิ่มทุนจาก 500 ล้านบาท พาร์หุ้นละ 10 บาท เป็นทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านบาท และบริษัทคาดว่าจะกระจายหุ้นประมาณ 25% ของทุนจดทะเบียน ทำให้ภายหลังการเสนอขายหุ้นบริษัทจะมีทุนจดทะเบียนเพิ่มเป็น 1,250 ล้านหุ้น
ทั้งนี้ บริษัทต้องการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อทำให้บริษัทมีเงินทุนให้มากขึ้น เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัทเพื่อรองรับการเปิดเสรีฯในอนาคต ซึ่งผู้ถือหุ้นใหม่ของบริษัทได้สนับสนุนให้ดำเนินการดังกล่าว แต่จะเป็นช่วงไหนยังไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะ ต้องรอฟังนโยบายของผู้ถือหุ้นรายใหม่ก่อน
"ในปีนี้บริษัทคาดว่าจะสามารถพลิกสถานการณ์มาทำกำไรได้จากในปี่ 50 ขาดทุนประมาณ 30 ล้านบาท ทำให้บริษัทยังมีข้อจำกัด ดังนั้นบริษัทจึงต้องเข้าจดทะเบียนในตลาดเอ็มเอไอ" นายชัยพันธ์ กล่าว
นายประเสริฐ ภัทรดิลก กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอดไวเซอรี่ พลัส จำกัด กล่าวว่า บริษัทรับเป็นที่ปรึกษาทางการเงินนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอปีนี้อีก 2 บริษัท ซึ่งเป็นบริษัทหลักทรัพย์ และบริษัทซึ่งทำธุรกิจบันเทิง หลังจากที่ในปีนี้ที่จะนำ 2 บริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ คือ บริษัท พรีเมียร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PM 27 พฤษภาคมนี้ และ บริษัท สยามแก๊ส สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP ซึ่งจะเข้าจดทะเบียนในวันที่ 3 มิถุนายน 2551นี้
"การเปิดเสรีค่าคอมมิชชันและไลเซ่นส์ในอนาคต ทำให้โบรกเกอร์ต้องปรับตัวเพื่อรองรับกับการแข่งขัน และจำเป็นต้องมีการเพิ่มเงินกองทุนของบริษัทให้มากขึ้น เพื่อรองรับการทำธุรกรรมต่างๆ ขณะที่การจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะทำให้ความสามารถในหาพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้ามาสนับสนุนธุรกิจได้ง่ายกว่าบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ"
นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล. ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทไม่มีแผนที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพราะบริษัทแม่ในต่างประเทศคอยสนับสนุนในเรื่องเงินทุนและด้านอื่นๆ โดยมองว่าโบรกเกอร์ที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเป็นกลุ่มที่ไม่มีผู้ถือหุ้นเป็นต่างชาติและมีผู้ถือหุ้นเป็นธนาคารพาณิชย์ โดยที่ผ่านมาได้มีข่าวบล.เตรียมที่จะเข้าจดทะเบียนหลายแห่ง เช่น บล.เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ บล.ไอร่า บล.ไอวี โกลบอล
ขณะที่นายทรงพล บุนนาค กรรมการผู้จัดการ บล.ไอร่า ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ว่า บริษัทมีแผนที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯในปี 2552 โดยจะเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 1,000 ล้านบาท จากขณะนี้ที่มีทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท ขณะที่ บล. เคทีบี อยู่ระหว่างการหารือกับผุ้ถือหุ้นของบริษัทที่จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนได้ในปีหน้าเช่นกัน
