ศูนย์ข่าวนครราชสีมา –การลงทุนอีสาน 4 เดือนแรก ยื่นขอส่งเสริม “บีโอไอ” ร่วม 6 หมื่นล้าน เผยอนุมัติแล้วเกินครึ่ง 29 โครงการรวมมูลค่าเงินลงทุน 3,695 ล้าน ระบุเดือนเม.ย.ล่าสุดเริ่มกระเตื้องไฟเขียวรวด 16 โครงการร่วม 2,000 ล้าน ชี้อุตสาหกรรมการเกษตร-พลังงานทดแทนยังคงโดดเด่นต่อเนื่อง นักลงทุนให้ความสนใจแห่ปักฐานในภาคอีสานรองรับความต้องการอาหารทั้งภายในประเทศและตลาดโลก พร้อมรับมือวิกฤตน้ำมันโลกแพงไม่หยุด
นายสุวิชช์ ฉั่ววิเชียร ผู้อำนวยการศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคที่ 2 (จ.นครราชสีมา ) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ภาวะการส่งเสริมการลงทุนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือช่วง 4 เดือนแรกปี 2551 (มกราคม- เมษายน ) มีโครงการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอจำนวน 45 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุนสูงถึง 5,984 ล้านบาท จะเกิดการจ้างงานกว่า 8,500 คน
ในจำนวนนี้ได้รับอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอแล้ว 29 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุน 3,695 ล้านบาท การจ้างงานกว่า 5,700 คน ทำให้มีโครงการที่อยู่ในระหว่างรอพิจารณาอนุมัติส่งเสริมการลงทุนอีก 16 โครงการ เงินลงทุน 2,289 ล้านบาท จะเกิดการจ้างงาน 2,485 คน
ล่าสุดเดือน เมษายน ที่ผ่านมา ภาคอีสานมีโครงการที่ได้รับการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนรวม 8 โครงการ เงินลงทุน 1,924 ล้านบาท เกิดการจ้างงาน 2,147 คน ได้แก่ โครงการผลิตลูกสุกร สุกรเนื้อ สุกรพันธุ์ โครงการเลี้ยงสัตว์ไก่เนื้อ โครงการผลิตเบเกอรี และอาหารพร้อมรับประทาน โครงการผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูป โครงการผลิตลูกสูบสำหรับยานพาหนะ โครงการผลิตเครื่องจักรกลทางการเกษตร โครงการผลิตสิ่งพิมพ์ โครงการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากไบโอแมส โดยโครงการทั้งหมดตั้งอยู่ในจังหวัดบุรีรัมย์ ขอนแก่น จังหวัดละ 2 โครงการ นครราชสีมา อุบลราชธานี ชัยภูมิ และ มุกดาหาร จังหวัดละ 1 โครงการ
“จะเห็นได้ว่าโครงการลงทุนที่สำคัญและได้รับความสนใจจากนักลงทุนในเดือนเมษายน ล่าสุดของภาคอีสานยังอยู่ที่กลุ่มอุตสาหกรรมการเกษตรและผลิตผลทางการเกษตร โดยเฉพาะโครงการลงทุนผลิตลูกสุกร เลี้ยงไก่เนื้อ รวมถึงโครงการผลิตเครื่องจักรกลทางการเกษตร ซึ่งสอดคล้องกับภาวะความต้องการภายในประเทศและตลาดโลกอยู่ในขณะนี้” นายสุวิชช์ กล่าว
นอกจากนี้ โครงการลงทุนผลิตพลังงานทดแทนในภาคอีสาน เพื่อรับมือวิกฤตพลังงานราคาน้ำมันโลกแพง ยังคงโดดเด่นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเดือน เมษายนดังกล่าวบีโอไอได้อนุมัติส่งเสริมการลงทุนเพิ่มอีก 1 โครงการ คือ โครงการพลังงานไฟฟ้าจากชีวมวล (Bio-Mass )ของบริษัท ตั้งกิมหลีไบโอแมส จำกัด มีกำลังการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากไบโอแมส ปีละ 7,500 กิโลวัตต์/ปี เงินลงทุน 400 ล้านบาท ตั้งที่ จ.บุรีรัมย์
นายสุวิชช์ กล่าวต่อว่า สำหรับรายละเอียดโครงการลงทุนที่ได้รับอนุมัติการส่งเสริม ในเดือน เมษายน ทั้งหมด ประกอบด้วย 1. โครงการผลิตลูกสุกร สุกรเนื้อ สุกรพันธุ์ บริษัท กรุงเทพผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด มีกำลังการผลิตลูกสุกร สุกรเนื้อ ปีละประมาณ 26,500 ตัว/ปี และสุกรพันธุ์ปีละประมาณ 27,600 ตัว/ปี เงินลงทุน 181 ล้านบาท เป็นหุ้นไทยทั้งสิ้น เกิดการจ้างงาน 35 คน ที่ตั้ง จ.ชัยภูมิ
2. โครงการเลี้ยงสัตว์ไก่เนื้อ บริษัท ตั้งพรชัยฟาร์ม จำกัด มีกำลังการผลิตไก่เนื้อปีละประมาณ 3,456,000 ตัว/ปี เงินลงทุน 100 ล้านบาท เป็นหุ้นไทยทั้งสิ้น การจ้างงาน 22 คน ที่ตั้ง จ.บุรีรัมย์
3.โครงการผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูป บริษัท เวอร์เท็กซ์ แอพพาเรล จำกัด มีกำลังการผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปปีละประมาณ 10,500,000 ชิ้น/ปี เงินลงทุน 106 ล้านบาท เป็นหุ้นไทยทั้งสิ้น การจ้างงาน 1,200 คน ที่ตั้ง จ.อุบลราชธานี
4.โครงการผลิตลูกสูบสำหรับยานพาหนะ บริษัท ฮอนด้า เฟาดรี (เอเซียน) จำกัด มีกำลังการผลิตลูกสูบปีละประมาณ 4,300,000 ชิ้น/ปี เงินลงทุน 348 ล้านบาท เป็นการร่วมหุ้น(หุ้นไทย 14% หุ้นญี่ปุ่น 86 %) การจ้างงาน 180 คน ที่ตั้ง จ.นครราชสีมา
5.โครงการพลังงานไฟฟ้าจากไบโอแมส บริษัท ตั้งกิมหลีไบโอแมส จำกัด มีกำลังการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากไบโอแมส ปีละประมาณ 7,500 กิโลวัตต์/ปี เงินลงทุน 400 ล้านบาท เป็นหุ้นไทยทั้งสิ้น การจ้างงาน 42 คน ที่ตั้ง จ.บุรีรัมย์
6. โครงการผลิตเบเกอรี่และอาหารพร้อมรับประทาน บริษัท ซี.พี.ค้าปลีกและการตลาด จำกัด มีกำลังการผลิตเบเกอร์รี่และอาหารอาหารพร้อมรับประทานปีละประมาณ 4,401 ตัน/ปี มีเงินลงทุน 196 ล้านบาท เป็นหุ้นไทยทั้งสิ้น การจ้างงาน 537 คน ที่ตั้ง จ.ขอนแก่น
7. โครงการผลิตเครื่องจักรกลทางการเกษตร ของ นางปทุมวดี ขรรศร มีกำลังการผลิตเครื่องจักรกลทางการเกษตร ปีละประมาณ 1,500 ชุด/ปี เงินลงทุน 40 ล้านบาท เป็นหุ้นไทยทั้งสิ้น การจ้างงาน 84 คน ที่ตั้ง จ.มุกดาหาร
8.โครงการผลิตสิ่งพิมพ์ ของนางสิริวรรณ พันธุ์ปรีชากิจ มีกำลังการผลิตสิ่งพิมพ์ปีละประมาณ 34,800 ตัน/ปี เงินลงทุน 553 ล้านบาท เป็นหุ้นไทยทั้งสิ้น การจ้างงาน 47 คน ที่ตั้ง จ.ขอนแก่น
นายสุวิชช์ กล่าวต่อว่า ทิศทางส่งเสริมการลงทุนภาคอีสานในครึ่งปี 2551 ที่เหลือ ทั้งในพื้นที่ของศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคที่ 2 (จ.นครราชสีมา) และ ศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคที่ 3 (จ.ขอนแก่น) จะมุ่งเน้นเป็นไปตามนโยบายหลักของรัฐบาลที่ได้ประกาศให้ปี 2551- 2552 เป็นปีแห่งการลงทุน (Thailand Investment Year 2008 -2009) เพื่อเร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุนส่งเสริมให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย และกระตุ้นให้ผู้ประกอบการปรับตัวเพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทย
ทั้งนี้บีโอไอในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงในการส่งเสริมการลงทุน ได้กำหนดมาตรการเพื่อส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ นอกเหนือจากสนับสนุนการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมให้มีประสิทธิภาพ ทั้งด้านการพัฒนาต่อยอดอุตสาหกรรมที่ประเทศไทยมีศักยภาพ การสร้างฐานอุตสาหกรรมแห่งอนาคต การส่งเสริมการลงทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศรองรับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมในอนาคต ส่งเสริมการปรับตัวเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและแก้ไขปัญหาของภาคอุตสาหกรรม ส่งเสริมการลงทุนของอุตสาหกรรมไทยในต่างประเทศเพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจและเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน
“รวมถึงการดำเนินกิจกรรมการชักจูงการลงทุนเชิงรุก เพื่อสร้างภาพลักษณ์ของประเทศ และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน ปรับปรุงการให้บริการและมาตรการต่างๆ ที่เอื้อต่อการลงทุน และ จัดตั้งกองทุนพัฒนาความสามารถในการแข่งขันและการลงทุน” นายสุวิชช์ กล่าว
