ผู้จัดการรายวัน – ไทยสปาติดลมบนตลาดโลก “ไทยพริวิเลจ สปา” เดินหมากต่อผุดสาขารูปแบบแฟรนไชส์อีก 2 สาขาในอินเดีย พร้อมต่อยอดธุรกิจ จำหน่ายผลิตภัณฑ์สปา แบรนด์“สราญ” พ่วงท้าย ชูสมุนไพรไทยเป็นจุดแข็ง ตั้งเป้ายอดขาย 5 แสนบาทต่อสาขา ภายใต้ไทยพริเลจ สปาทั้งในและเทศรวม 6 สาขา สิ้นปีคาดรายได้สปารวม 350 ล้านบาท
นางสารินี หนุนภักดี ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไทยพริวิเลจ คอลซัลแทนท์ จำกัด ผู้ให้บริการสปา แบรนด์ ไทยพริวิเลจสปา รวมถึงผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สปา แบรนด์ “สราญ” เปิดเผยว่า ทิศทางไทยสปาในตลาดโลกกำลังได้รับความสนใจค่อนข้างสูง เหตุจากคนจากโลกตะวันตก กำลังให้ความสนใจกับศาสตร์แห่งการบำบัดจากโลกตะวันออก ไม่ว่าจะเป็นโยคะ การนวด และสปา
ทั้งนี้ทางบริษัทฯได้ปรับยุทธศาสตร์ของการดำเนินธุรกิจสู่ตลาดโลกตั้งแต่ปีก่อน โดยในไทยมีอยู่ 2 สาขา คือ เซ็นทรัลเวิลด์ และภูเก็ต และขยายสาขาไปยังต่างประเทศอีก 4 แห่งคือ นิวยอร์ค ในสหรัฐอเมริกา เซี่ยงไฮ้ ในจีน ซึ่งทั้ง 2 สาขาเป็นการลงทุนเอง และเป็นการร่วมทุนตามลำดับ ขณะที่อีก 2 สาขา เป็นแฟรนไชส์ คือโซวโฮ และซูโจว ซึ่งหลังจากนี้บริษัทฯจะเน้นขยายสาขาในลักษณะการขายแฟรนไชส์เท่านั้น โดยปีนี้มีแผนที่จะเปิดเพิ่มในประเทศอินเดียอีก 2 แห่ง คาดว่าทั้งปีนี้ ในส่วนของไทยพริวิเลจ สปา ที่บริหารเองนั้น จะมีรายได้รวมไม่ต่ำกว่า 350 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามบริษัทฯยังมีแผนในการสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์สปา แบรนด์ “สราญ” สู่ตลาดโลกด้วยเช่นกัน โดยจะชูจุดแข็งในเรื่องของสมุนไพรไทย ไม่ว่าจะเป็นว่านหางจระเข้ ขมิ้น มะขาม และตะไคร้ ซึ่งเดิมเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีจำหน่ายอยู่แล้วในไทย พริวิเลจ สปา แต่ทางบริษัทฯได้มีการพัฒนาสูตรขึ้นไป เพื่อที่จะรองรับการจำหน่ายไปยังตลาดโลกด้วย ซึ่งปีนี้ได้มีการสร้างแบรนด์อย่างจริงจัง ตั้งแต่ช่วงเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งใช้งบประมาณไปแล้วกว่า 5 แสนบาท ภายใต้ผลิตภัณฑ์ที่แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1 อโรมาเธอราปี และ2 สกินแคร์
ขณะนี้รวมแล้วมีสินค้ากว่า 40 เอสเคยู ราคาตั้งแต่ 150-750 บาท ต่อชิ้น สูงกว่าคู่แข่งประมาณ 10% จับกลุ่มเป้าหมายระดับบีบวกขึ้นไป คาดว่าสิ้นปีจะมีรายได้ในการวางจำหน่ายทุกสาขาที่มีอยู่กว่า 20 ล้านบาท แบ่งเป็นในประเทศ 12 ล้านบาท และต่างประเทศอีก8 ล้านบาท
ทั้งนี้ในปี 2552 ได้วางงบประมาณไว้อีก 10 ล้านบาท สำหรับการสร้างแบรนด์ และทำตลาดอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นการจัดชั้นวาง ดิสเพลย์ช่างทางขาย โดยวางแผนที่จะขยายช่องทางจำหน่ายยังเอาท์เลตต่างๆ รวม10 แห่ง ไม่ว่าจะเป็นคิงพาวเวอร์ดิสเคาน์สโตร์ โรงแรมระดับ 5 ดาว และสปอร์ตคลับอีกด้วย
นางสารินี กล่าวต่อว่า ตลาดธุรกิจสปาในประเทศไทย ขณะนี้พบว่า มีการปิดตัวลงค่อนข้างสูง โดยเฉพาะในกลุ่มนวดมาสสาจ ซึ่งที่ยังคงอยู่ ส่วนใหญ่จะเป็นแบรนด์ที่มีคุณภาพในการให้บริการที่ได้มาตรฐาน ซึ่งทางบริษัทฯยังคาดว่าหวังรายได้ปีนี้ว่าจะมีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% อย่างที่ผ่านมา
นางสารินี หนุนภักดี ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไทยพริวิเลจ คอลซัลแทนท์ จำกัด ผู้ให้บริการสปา แบรนด์ ไทยพริวิเลจสปา รวมถึงผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สปา แบรนด์ “สราญ” เปิดเผยว่า ทิศทางไทยสปาในตลาดโลกกำลังได้รับความสนใจค่อนข้างสูง เหตุจากคนจากโลกตะวันตก กำลังให้ความสนใจกับศาสตร์แห่งการบำบัดจากโลกตะวันออก ไม่ว่าจะเป็นโยคะ การนวด และสปา
ทั้งนี้ทางบริษัทฯได้ปรับยุทธศาสตร์ของการดำเนินธุรกิจสู่ตลาดโลกตั้งแต่ปีก่อน โดยในไทยมีอยู่ 2 สาขา คือ เซ็นทรัลเวิลด์ และภูเก็ต และขยายสาขาไปยังต่างประเทศอีก 4 แห่งคือ นิวยอร์ค ในสหรัฐอเมริกา เซี่ยงไฮ้ ในจีน ซึ่งทั้ง 2 สาขาเป็นการลงทุนเอง และเป็นการร่วมทุนตามลำดับ ขณะที่อีก 2 สาขา เป็นแฟรนไชส์ คือโซวโฮ และซูโจว ซึ่งหลังจากนี้บริษัทฯจะเน้นขยายสาขาในลักษณะการขายแฟรนไชส์เท่านั้น โดยปีนี้มีแผนที่จะเปิดเพิ่มในประเทศอินเดียอีก 2 แห่ง คาดว่าทั้งปีนี้ ในส่วนของไทยพริวิเลจ สปา ที่บริหารเองนั้น จะมีรายได้รวมไม่ต่ำกว่า 350 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามบริษัทฯยังมีแผนในการสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์สปา แบรนด์ “สราญ” สู่ตลาดโลกด้วยเช่นกัน โดยจะชูจุดแข็งในเรื่องของสมุนไพรไทย ไม่ว่าจะเป็นว่านหางจระเข้ ขมิ้น มะขาม และตะไคร้ ซึ่งเดิมเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีจำหน่ายอยู่แล้วในไทย พริวิเลจ สปา แต่ทางบริษัทฯได้มีการพัฒนาสูตรขึ้นไป เพื่อที่จะรองรับการจำหน่ายไปยังตลาดโลกด้วย ซึ่งปีนี้ได้มีการสร้างแบรนด์อย่างจริงจัง ตั้งแต่ช่วงเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งใช้งบประมาณไปแล้วกว่า 5 แสนบาท ภายใต้ผลิตภัณฑ์ที่แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1 อโรมาเธอราปี และ2 สกินแคร์
ขณะนี้รวมแล้วมีสินค้ากว่า 40 เอสเคยู ราคาตั้งแต่ 150-750 บาท ต่อชิ้น สูงกว่าคู่แข่งประมาณ 10% จับกลุ่มเป้าหมายระดับบีบวกขึ้นไป คาดว่าสิ้นปีจะมีรายได้ในการวางจำหน่ายทุกสาขาที่มีอยู่กว่า 20 ล้านบาท แบ่งเป็นในประเทศ 12 ล้านบาท และต่างประเทศอีก8 ล้านบาท
ทั้งนี้ในปี 2552 ได้วางงบประมาณไว้อีก 10 ล้านบาท สำหรับการสร้างแบรนด์ และทำตลาดอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นการจัดชั้นวาง ดิสเพลย์ช่างทางขาย โดยวางแผนที่จะขยายช่องทางจำหน่ายยังเอาท์เลตต่างๆ รวม10 แห่ง ไม่ว่าจะเป็นคิงพาวเวอร์ดิสเคาน์สโตร์ โรงแรมระดับ 5 ดาว และสปอร์ตคลับอีกด้วย
นางสารินี กล่าวต่อว่า ตลาดธุรกิจสปาในประเทศไทย ขณะนี้พบว่า มีการปิดตัวลงค่อนข้างสูง โดยเฉพาะในกลุ่มนวดมาสสาจ ซึ่งที่ยังคงอยู่ ส่วนใหญ่จะเป็นแบรนด์ที่มีคุณภาพในการให้บริการที่ได้มาตรฐาน ซึ่งทางบริษัทฯยังคาดว่าหวังรายได้ปีนี้ว่าจะมีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% อย่างที่ผ่านมา