ผู้จัดการรายวัน - ทีมทนาย คตส. เตรียมร่างคำแถลงค้านคำร้องตรวจสอบสถานะ-การต่ออายุ คาดเสนอศาลฎีกาฯ และตุลาการรัฐธรรมนูญสัปดาห์หน้า ส่วน"คดีเอ็กซิมแบงก์" คตส.ต้องฟ้องเอง หลังอัยการสูงสุดมีความเห็นขัดแย้ง
จากกรณีศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ยังไม่มีคำสั่งรับ หรือไม่รับฟ้องคดีการออกสลากพิเศษ เลขท้าย 2 ตัว และ 3 ตัว หรือ คดีหวยบนดิน ที่ คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ได้ยื่นฟ้องไป เนื่องจากมีผู้ถูกกล่าวหาร้องขอให้มีการพิจารณาที่มาของ คตส. ตามประกาศ คปค.ฉบับที่ 30 รวมถึง พ.ร.บ. ต่ออายุการทำงานของ คตส. ออกไปจนถึงวันที่ 30 มิ.ย.51 ชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่
คณะอนุกรรมการไต่สวนคดีหวยบนดิน มีนายอุดม เฟื่องฟุ้ง เป็นประธานจึงได้มีการประชุม ร่วมกับทีมทนายจากสภาทนายความ นำโดย นายสิทธิโชค ศรีเจริญ เพื่อหารือประเด็นการต่อสู้ รวมถึงพิจารณาคำร้องของผู้ถูกกล่าวที่ร้องคัดค้านกับศาลฏีกา เรื่องที่มาของ คตส.
ทั้งนี้ นายนคร ชมพูชาติ หนึ่งในทีมทนายความ กล่าวว่า ที่ประชุมได้มีการหารือเกี่ยวกับคำร้อง และประเด็นของศาลฎีกาฯ ที่มีคำสั่งส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้วินิจฉัยเรื่องดังกล่าว ซึ่งเราเห็นว่าเป็นเรื่องจำเป็นที่ศาลฎีกาฯ ต้องส่งเรื่องนี้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 211 โดยเชื่อว่า ศาลฎีกาฯ เห็นว่ามีฐานะเป็นกฎหมาย จึงต้องมีการแบ่งเป็น 2 ขั้นตอน คือ
1. ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ชัดมาเลยว่า ประกาศ คปค. ชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่
2. หากประกาศ คปค.ไม่ขัด แต่การที่มีการต่ออายุ คตส.ให้ทำงานต่อไป หลังจากที่มีรัฐธรรมนูญ 2550 การต่ออายุดังกล่าวจะขัดต่อกฎหมายหรือไม่ เพราะมีองค์กรซ้อนขึ้นมา
ทั้งนี้ จุดที่น่าสนใจ คือ เหตุที่ผู้ร้องนั้นได้ยกรัฐธรรมนูญ มาตรา 29 เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน โดยอ้างว่าเป็นการออกประกาศ ที่บังคับใช้เฉพาะบุคคล ซึ่งขัดกับสิทธิมนุษยชนชัดเจน ประเด็นที่ฝ่ายจำเลยยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาฯ คือ กระบวนการที่ต้องการให้คดียุติทั้งหมด เป็นเรื่องปกติของการตัดตอนอำนาจในการฟ้องของผู้ฟ้อง ซึ่งวิธีที่ดีสุด คือ การตัดตอนว่า ผู้ฟ้องไม่มีอำนาจฟ้องโดยใช้ช่องตามรัฐธรรมนูญ
"คณะทำงานได้ข้อยุติว่า จะมีการยื่นคำแถลงคัดค้านแก้คำร้องของผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งคาดว่า สัปดาห์หน้าจะสามารถยื่นศาลฎีกาฯ เพื่อให้ส่งต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญต่อไป แต่ทั้งนี้จะขอความเห็นจาก คตส.ในเรื่องนี้ด้วย เห็นควรหรือไม่ด้วย ถ้าหากเห็นด้วยก็จะยื่นต่อไป" นายนคร กล่าว
คดีเอ็กซิมแบงก์ คตส.ต้องฟ้องเอง
นายสัก กอแสงเรือง โฆษก คตส. แถลงภายการหลังการประชุมนัดพิเศษ ที่มีนายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส. เป็นประธานว่า ที่ประชุมได้รับทราบผลการประชุมระหว่างคณะทำงานร่วมระหว่างอัยการสูงสุด และ คตส. กรณีการหาข้อสรุปเกี่ยวกับข้อไม่สมบูรณ์ ของสำนวนคดีเอ็กซิมแบงก์ โดยที่ประชุมได้มีมติให้ฟ้องคดีดังกล่าวเอง โดยขอให้อัยการสูงสุด ส่งสำนวนกลับคืน คตส.โดยเร็ว ซึ่งประธานคตส. ได้ลงนามในหนังสือ เพื่อส่งให้อัยการสูงสุดในวันนี้ และยังได้ทำหนังสือถึงสภาทนายความ เพื่อขอความร่วมมือในการทำสำนวนเพื่อฟ้องคดี
เมื่อถามถึงข้อเสนอของอัยการสูงสุด ที่ให้อนุกรรมการสอบพยานเพิ่ม 3 ปาก นายสัก กล่าวว่า ทางคตส.เห็นว่าไม่จำเป็น เพราะคตส.ได้สอบสวนเสร็จสิ้นมาตั้งแต่ชั้นตรวจสอบแล้ว ดังนั้นข้อเสนอให้ คตส.สอบเพิ่มในชั้นไต่สวน จึงไม่จำเป็น และถ้อยคำในสำนวนก็มั่นใจว่าครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว และไม่ต้องประชุมร่วมกันอีก
นายสัก กล่าวถึงกรณีทีทนายความคดีหวยบนดินเตรียมทำคำแถลงร้องค้านคำร้องของผู้ถูกกล่าวหาในคดีหวยบนดินในเรื่องของที่มาและการต่ออายุของคตส.ว่า ได้รับแจ้งจากคณะทนายความ โดยเห็นว่าเมื่อฝ่ายจำเลยยื่นคำร้องในประเด็นที่เห็นว่าประกาศ คปค.และการต่ออายุคตส.ขัดรัฐธรรมนูญ จึงเห็นว่าควรทำคำร้องคัดค้าน เพื่อแสดงให้เห็นถึงเหตุผลข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายเพื่อประกอบการพิจารณาของศาล เพราะเห็นว่าการพิจารณาน่าจะฟังทั้งสองฝ่าย ดังนั้นคณะทนายความจะร่งคำร้องเสนอมายัง คตส.ต่อไป ทั้งนี้ ในข้อกฎหมายสามารถทำคำร้องยื่นคัดค้านได้
เมื่อถามว่า เมื่อมีคำวินิจฉัยของศาลออกมาเช่นนี้ คตส.ควรปรับเปลี่ยนการทำงานหรือไม่ นายสัก กล่าวว่า คตส.ยังทำหน้าที่ตามปกติ เพราะขณะนี้ยังไม่มีคำชี้ขาดของศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ ดังนั้น เมื่อคตส.มีหน้าที่ก็ต้องทำต่อไปตามปกติ จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยของศาลออกมา หากหยุดทำหน้าที่อาจจะไม่ถูกต้อง
เมื่อถามว่า คดีที่เหลือจะทำอย่างไรต่อไป เพราะเมื่อส่งฟ้องแล้วอาจเกิดปัญหาแบบเดิม นายสัก กล่าวว่า จะเป็นอย่างไรอยู่ที่การพิจารณาของศาล เราจะเห็นแทนศาลไม่ได้ เราดำเนินการตามปกติ ถึงเวลายื่นฟ้องก็ฟ้องตามปกติ นอกเหนือจากนั้นเป็นเรื่องของศาล
ทั้งนี้ คตส.เคยวินิจฉัยเรื่องอำนาจหน้าที่ของคตส.ไปแล้วตามที่ผู้ถูกกล่าวยื่นร้องมา ทั้งประกาศ คปค.ฉบับที่ 30 และการขยายเวลาทำงานของคตส.ว่า ชอบด้วยกฎหมามย เพราะมีกฎหมายรัฐธรรมนูญรับรองถึง 2 ฉบับ คือ มาตรา 36 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว และมาตรา 309 ของรัฐธรรมนูญปี 50 ส่วนความคืบหน้าในการยื่นฟ้องคดีกล้ายางเอง นายสักกล่าวว่า ขณะนี้คณะทำงานกำลังประชุมเรื่องสำนวนอยู่ น่าจะจบยื่นฟ้องได้ก่อนหมดอายุ คตส.
"ชูศักดิ์"ยันไม่เกี่ยวกับการแก้ รธน.
ด้าน นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องการยื่นตีความสถานะคตส. ว่า ไม่น่าจะเกี่ยวข้อง หรือมีผลต่อการแก้รัฐธรรมนูญ เพราะการแก้รัฐธรรมนูญ ก็เป็นเรื่องของสภา
เมื่อถามว่า หากศาลตัดสินว่า คตส.ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ จะชะลอการแก้รัฐธรรมนูญออกไปหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า คงคาดเดาลำบาก เพราะเป็นดุลยพินิจของศาล คงไม่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามว่า กรณีการยื่นตีความที่มาของ คตส. จะมีผลต่อองค์กรอื่นที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ตั้งขึ้นมา เช่น สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า สนช.ตั้งมาตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว ที่มาคนละอย่างกับ คตส. เรื่องนี้เป็นคนละประเด็นกัน คตส.นั้นไม่ถูกต้องเพราะเป็นองค์กรที่ตั้งขึ้นมาพิจารณาเรื่องหนึ่งเรื่องใดโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นหลักการที่ตนพูดมาหลายครั้งแล้ว ดังนั้นไม่เกี่ยวข้องกับองค์กรอื่น
ต่อข้อถามว่า หากมองในมุมกลับกันว่า เมื่อมี มาตรา 309 อยู่ ซึ่งจะรับรองที่มาคตส. ทำให้จำเป็นต้องยิ่งเร่งแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นดุลยพินิจของศาล ไม่ควรวิพากษ์วิจารณ์ ศาลจะพิจารณาอย่างไร เราต้องถือเป็นสิทธิ ไม่ควรให้ความเห็น
จากกรณีศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ยังไม่มีคำสั่งรับ หรือไม่รับฟ้องคดีการออกสลากพิเศษ เลขท้าย 2 ตัว และ 3 ตัว หรือ คดีหวยบนดิน ที่ คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ได้ยื่นฟ้องไป เนื่องจากมีผู้ถูกกล่าวหาร้องขอให้มีการพิจารณาที่มาของ คตส. ตามประกาศ คปค.ฉบับที่ 30 รวมถึง พ.ร.บ. ต่ออายุการทำงานของ คตส. ออกไปจนถึงวันที่ 30 มิ.ย.51 ชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่
คณะอนุกรรมการไต่สวนคดีหวยบนดิน มีนายอุดม เฟื่องฟุ้ง เป็นประธานจึงได้มีการประชุม ร่วมกับทีมทนายจากสภาทนายความ นำโดย นายสิทธิโชค ศรีเจริญ เพื่อหารือประเด็นการต่อสู้ รวมถึงพิจารณาคำร้องของผู้ถูกกล่าวที่ร้องคัดค้านกับศาลฏีกา เรื่องที่มาของ คตส.
ทั้งนี้ นายนคร ชมพูชาติ หนึ่งในทีมทนายความ กล่าวว่า ที่ประชุมได้มีการหารือเกี่ยวกับคำร้อง และประเด็นของศาลฎีกาฯ ที่มีคำสั่งส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้วินิจฉัยเรื่องดังกล่าว ซึ่งเราเห็นว่าเป็นเรื่องจำเป็นที่ศาลฎีกาฯ ต้องส่งเรื่องนี้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 211 โดยเชื่อว่า ศาลฎีกาฯ เห็นว่ามีฐานะเป็นกฎหมาย จึงต้องมีการแบ่งเป็น 2 ขั้นตอน คือ
1. ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ชัดมาเลยว่า ประกาศ คปค. ชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่
2. หากประกาศ คปค.ไม่ขัด แต่การที่มีการต่ออายุ คตส.ให้ทำงานต่อไป หลังจากที่มีรัฐธรรมนูญ 2550 การต่ออายุดังกล่าวจะขัดต่อกฎหมายหรือไม่ เพราะมีองค์กรซ้อนขึ้นมา
ทั้งนี้ จุดที่น่าสนใจ คือ เหตุที่ผู้ร้องนั้นได้ยกรัฐธรรมนูญ มาตรา 29 เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน โดยอ้างว่าเป็นการออกประกาศ ที่บังคับใช้เฉพาะบุคคล ซึ่งขัดกับสิทธิมนุษยชนชัดเจน ประเด็นที่ฝ่ายจำเลยยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาฯ คือ กระบวนการที่ต้องการให้คดียุติทั้งหมด เป็นเรื่องปกติของการตัดตอนอำนาจในการฟ้องของผู้ฟ้อง ซึ่งวิธีที่ดีสุด คือ การตัดตอนว่า ผู้ฟ้องไม่มีอำนาจฟ้องโดยใช้ช่องตามรัฐธรรมนูญ
"คณะทำงานได้ข้อยุติว่า จะมีการยื่นคำแถลงคัดค้านแก้คำร้องของผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งคาดว่า สัปดาห์หน้าจะสามารถยื่นศาลฎีกาฯ เพื่อให้ส่งต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญต่อไป แต่ทั้งนี้จะขอความเห็นจาก คตส.ในเรื่องนี้ด้วย เห็นควรหรือไม่ด้วย ถ้าหากเห็นด้วยก็จะยื่นต่อไป" นายนคร กล่าว
คดีเอ็กซิมแบงก์ คตส.ต้องฟ้องเอง
นายสัก กอแสงเรือง โฆษก คตส. แถลงภายการหลังการประชุมนัดพิเศษ ที่มีนายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส. เป็นประธานว่า ที่ประชุมได้รับทราบผลการประชุมระหว่างคณะทำงานร่วมระหว่างอัยการสูงสุด และ คตส. กรณีการหาข้อสรุปเกี่ยวกับข้อไม่สมบูรณ์ ของสำนวนคดีเอ็กซิมแบงก์ โดยที่ประชุมได้มีมติให้ฟ้องคดีดังกล่าวเอง โดยขอให้อัยการสูงสุด ส่งสำนวนกลับคืน คตส.โดยเร็ว ซึ่งประธานคตส. ได้ลงนามในหนังสือ เพื่อส่งให้อัยการสูงสุดในวันนี้ และยังได้ทำหนังสือถึงสภาทนายความ เพื่อขอความร่วมมือในการทำสำนวนเพื่อฟ้องคดี
เมื่อถามถึงข้อเสนอของอัยการสูงสุด ที่ให้อนุกรรมการสอบพยานเพิ่ม 3 ปาก นายสัก กล่าวว่า ทางคตส.เห็นว่าไม่จำเป็น เพราะคตส.ได้สอบสวนเสร็จสิ้นมาตั้งแต่ชั้นตรวจสอบแล้ว ดังนั้นข้อเสนอให้ คตส.สอบเพิ่มในชั้นไต่สวน จึงไม่จำเป็น และถ้อยคำในสำนวนก็มั่นใจว่าครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว และไม่ต้องประชุมร่วมกันอีก
นายสัก กล่าวถึงกรณีทีทนายความคดีหวยบนดินเตรียมทำคำแถลงร้องค้านคำร้องของผู้ถูกกล่าวหาในคดีหวยบนดินในเรื่องของที่มาและการต่ออายุของคตส.ว่า ได้รับแจ้งจากคณะทนายความ โดยเห็นว่าเมื่อฝ่ายจำเลยยื่นคำร้องในประเด็นที่เห็นว่าประกาศ คปค.และการต่ออายุคตส.ขัดรัฐธรรมนูญ จึงเห็นว่าควรทำคำร้องคัดค้าน เพื่อแสดงให้เห็นถึงเหตุผลข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายเพื่อประกอบการพิจารณาของศาล เพราะเห็นว่าการพิจารณาน่าจะฟังทั้งสองฝ่าย ดังนั้นคณะทนายความจะร่งคำร้องเสนอมายัง คตส.ต่อไป ทั้งนี้ ในข้อกฎหมายสามารถทำคำร้องยื่นคัดค้านได้
เมื่อถามว่า เมื่อมีคำวินิจฉัยของศาลออกมาเช่นนี้ คตส.ควรปรับเปลี่ยนการทำงานหรือไม่ นายสัก กล่าวว่า คตส.ยังทำหน้าที่ตามปกติ เพราะขณะนี้ยังไม่มีคำชี้ขาดของศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ ดังนั้น เมื่อคตส.มีหน้าที่ก็ต้องทำต่อไปตามปกติ จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยของศาลออกมา หากหยุดทำหน้าที่อาจจะไม่ถูกต้อง
เมื่อถามว่า คดีที่เหลือจะทำอย่างไรต่อไป เพราะเมื่อส่งฟ้องแล้วอาจเกิดปัญหาแบบเดิม นายสัก กล่าวว่า จะเป็นอย่างไรอยู่ที่การพิจารณาของศาล เราจะเห็นแทนศาลไม่ได้ เราดำเนินการตามปกติ ถึงเวลายื่นฟ้องก็ฟ้องตามปกติ นอกเหนือจากนั้นเป็นเรื่องของศาล
ทั้งนี้ คตส.เคยวินิจฉัยเรื่องอำนาจหน้าที่ของคตส.ไปแล้วตามที่ผู้ถูกกล่าวยื่นร้องมา ทั้งประกาศ คปค.ฉบับที่ 30 และการขยายเวลาทำงานของคตส.ว่า ชอบด้วยกฎหมามย เพราะมีกฎหมายรัฐธรรมนูญรับรองถึง 2 ฉบับ คือ มาตรา 36 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว และมาตรา 309 ของรัฐธรรมนูญปี 50 ส่วนความคืบหน้าในการยื่นฟ้องคดีกล้ายางเอง นายสักกล่าวว่า ขณะนี้คณะทำงานกำลังประชุมเรื่องสำนวนอยู่ น่าจะจบยื่นฟ้องได้ก่อนหมดอายุ คตส.
"ชูศักดิ์"ยันไม่เกี่ยวกับการแก้ รธน.
ด้าน นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องการยื่นตีความสถานะคตส. ว่า ไม่น่าจะเกี่ยวข้อง หรือมีผลต่อการแก้รัฐธรรมนูญ เพราะการแก้รัฐธรรมนูญ ก็เป็นเรื่องของสภา
เมื่อถามว่า หากศาลตัดสินว่า คตส.ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ จะชะลอการแก้รัฐธรรมนูญออกไปหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า คงคาดเดาลำบาก เพราะเป็นดุลยพินิจของศาล คงไม่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามว่า กรณีการยื่นตีความที่มาของ คตส. จะมีผลต่อองค์กรอื่นที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ตั้งขึ้นมา เช่น สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า สนช.ตั้งมาตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว ที่มาคนละอย่างกับ คตส. เรื่องนี้เป็นคนละประเด็นกัน คตส.นั้นไม่ถูกต้องเพราะเป็นองค์กรที่ตั้งขึ้นมาพิจารณาเรื่องหนึ่งเรื่องใดโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นหลักการที่ตนพูดมาหลายครั้งแล้ว ดังนั้นไม่เกี่ยวข้องกับองค์กรอื่น
ต่อข้อถามว่า หากมองในมุมกลับกันว่า เมื่อมี มาตรา 309 อยู่ ซึ่งจะรับรองที่มาคตส. ทำให้จำเป็นต้องยิ่งเร่งแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นดุลยพินิจของศาล ไม่ควรวิพากษ์วิจารณ์ ศาลจะพิจารณาอย่างไร เราต้องถือเป็นสิทธิ ไม่ควรให้ความเห็น
