คตส.มีมติส่งฟ้องเอ็กซิมแบงก์เอง ขอทีมทนายร้องค้านจำเลยหวย

คตส.มีมติสั่งฟ้องคดีเอ็กซิมแบงก์เอง มั่นใจถ้อยคำในสำนวนครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว ลั่นไม่จำเป็นต้องสอบเพิ่ม พร้อมจี้ อสส.ส่งสำนวนกลับคืน คตส.โดยเร็ว ขณะเดียวกัน ขอทีมทนายร่วมมือทำสำนวนเพื่อฟ้องคดีเอง

ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ว่า วันนี้ (15 พ.ค.) เมื่อเวลา 16.00 น.มีการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) นัดพิเศษ มี นายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส.เป็นประธานการประชุม ทั้งนี้ นายสัก กอแสงเรือง โฆษก คตส.แถลงภายการหลังการประชุมนัดพิเศษ ที่ประชุมได้รับทราบผลการประชุมระหว่างคณะทำงานร่วม อสส.และ คตส.กรณีการหาข้อสรุปเกี่ยวกับข้อไม่สมบูรณ์คดีเอ็กซิมแบงก์ โดยที่ประชุมร่วมคณะทำงานทั้งสองฝ่ายไม่สามารถหาข้อยุติได้ ดังนั้น ที่ประชุม คตส.จึงได้มีมติให้ฟ้องคดีดังกล่าวเอง โดยขอให้อัยการสูงสุดส่งสำนวนกลับคืน คตส.โดยเร็ว และในวันเดียวกันนี้ ประธาน คตส.ได้ลงนามในหนังสือเพื่อส่งให้อัยการสูงสุดในวันที่ 16 พ.ค.นี้ และยังได้ทำหนังสือถึงสภาทนายความเพื่อขอความอนุเคราะห์ส่งทีมทนายเข้ามาร่วมมือในการทำสำนวนเพื่อฟ้องคดี

เมื่อถามถึงข้อเสนอของอัยการสูงสุดที่ให้อนุกรรมการสอบพยานเพิ่ม 3 ปาก นายสัก กล่าวว่า ทาง คตส.เห็นว่าไม่จำเป็น เพราะ คตส.ได้สอบสวนเสร็จสิ้นมาตั้งแต่ชั้นตรวจสอบแล้ว ดังนั้นข้อเสนอให้ คตส.สอบเพิ่มในชั้นไต่สวนจึงไม่จำเป็น และถ้อยคำในสำนวนก็มั่นใจว่าครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว ส่วนการที่ที่ประชุมร่วมคณะทำงานร่วมใช้เวลาประชุมแค่วันเดียวก็ได้ข้อสรุปนั้น คตส.เห็นว่าเมื่อมีความเห็นไม่ตรงกันแล้ว ก็แสดงว่าได้ข้อยุติแล้วก็ไม่ต้องประชุมอีก ถึงประชุมไปก็ไม่มีความคืบหน้าและไม่เกิดประโยชน์ ซึ่งตัวแทนอัยการก็เห็นตรงกันจึงไม่ต้องมีการประชุมอีก

นายสัก กล่าวถึงกรณีทีทนายความคดีหวยบนดินเตรียมทำคำแถลงร้องค้านคำร้องของผู้ถูกกล่าวหาในคดีหวยบนดินในเรื่องของที่มา และการต่ออายุของ คตส.ว่า ได้รับแจ้งจากคณะทนายความ โดยเห็นว่า เมื่อฝ่ายจำเลยยื่นคำร้องในประเด็นที่เห็นว่า ประกาศ คปค.ฉบับที่ 30 และการต่ออายุ คตส.ขัดรัฐธรรมนูญ จึงเห็นว่า ควรทำคำร้องคัดค้าน เพื่อแสดงให้เห็นถึงเหตุผลข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย เพื่อประกอบการพิจารณาของศาล เพราะเห็นว่าการพิจารณาน่าจะฟังทั้งสองฝ่าย ดังนั้น คณะทนายความจะเร่งคำร้องเสนอมายัง คตส.ต่อไป ซึ่งในในข้อกฎหมายสามารถทำคำร้องยื่นคัดค้านได้

เมื่อถามว่า เมื่อมีคำวินิจฉัยของศาลออกมาแล้ว คตส.ควรปรับเปลี่ยนการทำงานหรือไม่ นายสัก กล่าวว่า คตส.ยังทำหน้าที่ตามปกติ เพราะขณะนี้ยังไม่มีคำชี้ขาดของศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ ดังนั้น เมื่อ คตส.มีหน้าที่ก็ต้องทำต่อไปตามปกติ จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยของศาลออกมา หากหยุดทำหน้าที่อาจจะไม่ถูกต้อง

เมื่อถามว่า คดีที่เหลือจะทำอย่างไรต่อไป เพราะเมื่อส่งฟ้องแล้วอาจเกิดปัญหาแบบเดิม นายสัก กล่าวว่า จะเป็นอย่างไรอยู่ที่การพิจารณาของศาล เราจะเห็นแทนศาลไม่ได้ เราดำเนินการตามปกติ ถึงเวลายื่นฟ้องก็ฟ้องตามปกติ นอกเหนือจากนั้นเป็นเรื่องของศาล

ทั้งนี้ คตส.เคยวินิจฉัยเรื่องอำนาจหน้าที่ของ คตส.ไปแล้วตามที่ผู้ถูกกล่าวยื่นร้องมา ทั้งประกาศ คปค.ฉบับที่ 30 และการขยายเวลาทำงานของ คตส.ว่าชอบด้วยกฎหมาย เพราะมีกฎหมายรัฐธรรมนูญรับรองถึง 2 ฉบับ คือ มาตรา 36 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว และมาตรา 309 ของรัฐธรรมนูญปี 50 ส่วนความคืบหน้าในการยื่นฟ้องคดีกล้ายางเอง นายสัก กล่าวว่า ขณะนี้คณะทำงานกำลังประชุมเรื่องสำนวนอยู่ น่าจะจบยื่นฟ้องได้ก่อนหมดอายุ คตส.